- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 March 2016 17:12
- Hits: 2301
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"SET ไม่หลุด 1390 ยังเลือกซื้อ/ถือต่อได้"
Stock Picks-Mar 2016 : Fundamental : BA, EPG, ERW, GL, PTT
Fundamental Pick -Today: RATCH(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : PTTEP 14%, DELTA 12%, PTTGC 10%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบเล็กๆ
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อค่าบวก 1410-1420,1430 หลุด 1390
SET50 ซื้อค่าบวก 920-930,950 หลุด 900
Technical Picks - Today KKP, UNIQ, CPN, CKP, VIBHA, ERW, GFPT, WORK
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยอ่อนลงแต่ยังเหนือ 1400 จุด (ปิด -6.75 จุดที่ 1405.41 จุด) ทั้งนี้นักลงทุนรายย่อยและพอร์ตบล.มีการขายทำกำไร/ปรับพอร์ตหลังดัชนีปรับขึ้นไปที่ระดับ 1400 จุดต้นๆ โดยเฉพาะในกลุ่มสื่อสารที่เก็งกำไรกันมาก่อนหน้า ด้านสถาบันในประเทศและต่างชาติซื้อสุทธิกลุ่มละ 500 กว่าล้านบาท
ในระยะสั้นมากตลาดแกว่งรอปัจจัยใหม่ โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่ติดตาม คือ PMI ภาคการผลิตสหรัฐและประเทศชั้นนำ รวมทั้งประมาณการจีดีพีประจำ 4Q58 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐ ซึ่งจะมีผลต่อกระแสคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยขณะนี้มีประธานเฟดอย่างน้อย 3 สาขาที่หนุนให้สหรัฐขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนเม.ย.หรือมิ.ย.59 เพราะอัตราเงินเฟ้อเริ่มขยับขึ้นจากระดับต่ำกว่า 1% เป็น 1.0-1.4% ในเดือนม.ค.-ก.พ.59 และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐส่วนใหญ่ก็แข็งแกร่ง ส่วนปัจจัยภายในกลับมาเลือกซื้อเก็งกำไร/ลงทุนเป็นรายบริษัท โดยเน้นไปยังบริษัทที่มีการเติบโตของกำไรที่ดีในปี 59 และบริษัทที่ธุรกิจมั่นคง จ่ายปันผลสูง ขณะที่ราคาพื้นฐานยังมี Upside จากราคาหุ้นในปัจจุบัน หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น RATCH
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมพลิกเป็นลบเล็กๆ แต่ยังไม่ตัดโอกาสรีบาวด์ก่อนลง ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1410-1420, 1430 จุด แนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุด 1390 จุด ส่วน SET50 มีแนวต้าน 920-930, 950 จุด แนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุด 900 จุด การเก็งกำไรตามรอบเน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและดัชนี ส่วนการลงทุนระยะยาว แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดี โดยเฉพาะจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว
สำหรับ การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี และมีโอกาสทำ New High หุ้นเข้ามาใหม่เป็น ERW, CK, GFPT ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้น คือ IRPC, VGI, BEAUTY, SYNEX, BA, IMPACT, KKP, LPH หุ้นที่หาจังหวะขายทำกำไรคือ CPN
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนร่วงลง 2.8% ในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 4.2% ในเดือนม.ค.เพราะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของตลาด ส่วนคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน ลดลง 1.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนม.ค.
+ สหรัฐ : ภาคแรงงานแข็งแกร่ง โดยจำนวนแรงงานที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 6,000 รายเป็น 265,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 มี.ค. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 268,000 ราย
- สหรัฐ : ความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดกลับมา หลังประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ออกมากล่าวหนุนแนวคิดของประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกและแอตแลนต้าที่ได้กล่าวไปก่อนหน้าว่าเฟดควรพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนเม.ย.หรือมิ.ย.59 เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวดี และการปรับขึ้นของราคาน้ำมันทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ.59 ของสหรัฐอยู่ที่ 1.0% ลดลงจาก 1.4% ในเดือนม.ค.59 แต่เพิ่มขึ้นพอควรจาก 0.7% ในเดือนธ.ค.58
สหรัฐ : จับตาตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือนมี.ค.ที่สำรวจโดยมาร์กิต, ประมาณการ GDP ครั้งสุดท้ายและการใช้จ่ายเพื่อบริโภคส่วนบุคคลประจำ 4Q58
- บราซิล : อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี โดยอัตราว่างงานเดือนพ.ย.58-ม.ค.59 อยู่ที่ 9.5% เมื่อเทียบกับระดับ 6.8% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ ทั้งนี้จำนวนคนว่างงานของบราซิลเพิ่มขึ้นแตะ 9.6 ล้านคนในช่วงปลายเดือนม.ค.59
ญี่ปุ่น : บริษัทสุมิโตโมเตรียมออกหุ้นกู้ขายให้ BOJ ในอัตราดอกเบี้ยติดลบ ซึ่งเป็นครั้งแรกของบริษัทเอกชนญี่ปุ่น ในสัปดาห์หน้าบริษัทสุมิโตโมจะออกหุ้นกู้วงเงิน 5 พันล้านเยน (44 ล้านดอลลาร์) อายุ 6 เดือน อัตราผลตอบแทน -0.001% ขายให้กับ BOJ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดบวกได้เล็กน้อย 13.14 จุด แม้ว่าในระหว่างวันดัชนีจะอ่อนตัวลงเนื่องจากกลับมากังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐที่อาจเกิดขึ้นในการประชุมเดือนเม.ย.หรือมิ.ย.59 หลังประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก แอตแลนต้า และเซนต์หลุยส์ ออกมากล่าวในทางเดียวกัน แต่ดัชนีก็สามารถกลับขึ้นมาปิดแดนบวกได้เพราะตัวเลขภาคแรงงานที่ดีช่วยหนุน อย่างไรก็ตาม การซื้อขายซบเซาก่อนวันหยุด Good Friday
- ราคาทองคำ : อ่อนตัวลง สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.59 ปิดลดลง 2.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 1221.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นผลจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ เพราะกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยกลับมา
- ราคาน้ำมันดิบ : อ่อนตัวลงต่อ สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ส่งมอบพ.ค.59 ปิดลดลง 0.33 และ -0.03 ดอลลาร์มาที่ 39.46 และ 40.44 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบที่สูง โดยเฉพาะของสหรัฐที่มีสต็อกน้ำมันดิบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสัปดาห์สิ้นสุด 18 มี.ค.59 อยู่ที่ 532.5 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 9.4 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบลดลงไม่มากเพราะได้รับการพยุงจากข่าวว่าปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐลดลงอีก 15 แท่นเป็น 372 แท่นต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
- เศรษฐกิจไทย : กระทรวงการคลังเตรียมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 59 ลง จากปัจจุบันที่ประมาณการไว้ที่ 3.7% เนื่องจากความเสี่ยงภายนอกและภายในสูงขึ้น แต่คาดว่าจะปรับลดลงไม่มากและอาจสูงกว่าที่ธปท.คาดการณ์ใหม่ไว้ที่ 3.1% (ปรับลดจากเดิมที่ 3.5%) เพราะรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้ามาเป็นระยะ ซึ่งส่วนนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจไม่ได้เติบโตลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมมากนัก
- ปัญหาภัยแล้ง : ผลกระทบในปี 59 จะมากกว่าปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินผลกระทบภัยแล้งต่อเศรษฐกิจไทยปี 59 ว่าจะเสียหาย 1.19 แสนล้านบาท (ภาคเกษตร 7.8 หมื่นล้านบาท และภาคธุรกิจ 4.1 หมื่นล้านบาท) ส่งผลกระทบต่อจีดีพี 0.85% และเห็นว่าเศรษฐกิจไทยปี 59 มีโอกาสเติบโตน้อยกว่า 3% ถ้าปัญหาภัยแล้งกระทบรุนแรงมาก ทั้งนี้ภัยแล้งในปี 58 กระทบภาคการเกษตรราว 1.5 หมื่นล้านบาท
รถไฟความเร็วสูง : สรุปว่าไทยจะลงทุนเองแต่ใช้เทคโนโลยีจีน...การลงทุนล่าช้าไปจากสูตรร่วมทุนแต่ก็ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ทั้งนี้จีนตอบกลับอย่างเป็นทางการว่าไม่สามารถร่วมทุนตามสัดส่วนจีน : ไทย ที่ 70 : 30 หรือ 60 : 40 ได้ ดังนั้นจึงมีการปรับแผนโดยไทยจะลงทุนเองทั้งหมด 100% แต่ใช้เทคโนโลยีของจีน สายแรกที่ไทยจะลงทุนเป็นเส้นกรุงเทพ-แก่งคอย-โคราช ระยะที่ 1 (ส่วนระยะที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด ให้ชะลอโครงการไว้ก่อนเพราะเป็นภาระด้านงบประมาณมากเกินไป)
+ RATCH (ราคาปิด 51.25 บาท) : กำไรเติบโตแกร่งในปีนี้ เพราะใน 1Q59 มีกำไรพิเศษจากการขายโรงไฟฟ้าเข้ามา 100 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าเสาเถียรเอและประดู่เฒ่า (รวม 6.9 MW) ให้ UAC และรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลจ.สงขลา (9.9 MW) รับรู้รายได้โรงไฟฟ้าหงสาหน่วยที่ 1 และ 2 เต็มไตรมาส และโรงไฟฟ้าหงสาหน่วยที่ 3 ได้ COD ตั้งแต่ 2 มี.ค.59 (RATCH ถือหุ้น 40%) สำหรับทั้งปี 59 คาดว่า Core Profit จะเติบโตจากปีก่อน หนุนโดยการ COD โรงไฟฟ้าหงสาหน่วยที่ 3 ในต้นมี.ค.59 และการ COD โรงไฟฟ้านวนคร (132 MW) ในเดือนมิ.ย.59 รวมทั้งมีรายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลจ.สงขลาด้วย นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Core Profit ปี 59 จะเติบโต 40-50%YoY และขยายตัวต่อ 10-15% ในปี 60 ประเมินราคาเป้าหมายด้านพื้นฐานไว้ที่ 62 บาท คาดการณ์ Dividend Yield ปีนี้ 4.5%
MONO : คาดไม่โดนยึดใบอนุญาต กสทช.ชี้แจงว่าบริษัทนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากการที่ JAS Mobile Broadband ไม่มาจ่ายค่าใบอนุญาต 4G ย่าน 900 MHz ในวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยเห็นว่า MONO มีคุณสมบัติครบถ้วนจึงจะไม่โดนยึดใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค -[email protected]