- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 March 2016 16:52
- Hits: 861
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ปัจจัยลบนำ
คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงด้วยอารมณ์ตลาดเป็นลบทั้งในระดับโลก ภูมิภาคและในประเทศพร้อมๆกัน การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Fed ที่กลับมาเข้มในการขึ้นดอกเบี้ยอีก ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง กดดันหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์แม้ราคาน้ำมันจะกลับมาทรงตัวได้ แต่อาจจะร่วงลงได้อีกหากปริมาณสำรองน้ำมันดิบสหรัฐยังคงจะทำจุดสูงสุดรอบใหม่อีก ปัจจัยภายในประเทศโดยรวมวันนี้เป็นลบและเกี่ยวเนื่องกับภาวะภัยแล้งที่จะทำให้สถาบันการศึกษาและกระทรวงการคลังมีแนวโน้มปรับประมาณการทางเศรษฐกิจลง
หุ้นเด่นวันนี้ : DELTA (ราคาปิด 89.00 บาท, NR, Bloomberg 88.50 บาท)
บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ผู้นำระดับโลกด้านการผลิตพาวเวอร์ซัพพลาย ได้ประโยชน์หลักจากการอ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐจากการที่ Fed ออกมาแสดงท่าทีจะใช้นโยบายการเงินเข้มงวดขึ้นอีกครั้ง อัตรากำไรสุทธิของบริษัทน่าจะทรงตัวในระดับที่ดีได้เพราะการอยู่ในตลาดที่ให้มาร์จิ้นที่สูงและผลิตภัณฑ์เป็นแบบชั้นสูง บริษัทมุ่งเน้นที่จะขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ เช่น อาเซียนและอินเดียที่ซึ่งมีโอกาสและอุปสงค์รองรับ ล่าสุด DELTA ได้เตรียมลงทุนตั้งศูนย์วิจัยและโรงงานผลิตในอินเดีย โดยนอกจากการผลิตแบบ OEM แล้ว บริษัทยังพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ยี่ห้อตนเพื่อผู้ใช้ปลายทางใน ประเทศนั้นๆ โดยตรง รวมถึงรุกให้บริการเชิงโซลูชั่นด้านพลังงานมากขึ้น เป็นการเพิ่มมูลค่าอีกทาง ลักษณะธุรกิจของบริษัทมีการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับรถยนต์ซึ่งมีอุปสงค์รองรับต่อผลิตภัณฑ์ระบบควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์สูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกรถระดับบนที่น่าจะถูกกระทบโดยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวน้อยกว่ารถปกติ
และการมาของรถพลังงานไฟฟ้า (EV) ก็น่าจะให้ผลบวกโดยตรงแก่บริษัทด้วย โดยไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มแหล่งรายได้ใหม่แต่ส่วนต่างกำไรยังสูงอีกด้วย DELTA ยังผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงจำพวกอุปกรณ์โทรคมนาคมให้แก่บริษัทระดับสากล ซึ่งจะช่วยให้บริษัทได้ประโยชน์จากการเกาะกระแสไอทีขาขึ้นได้ จากค่าเฉลี่ยการคาดการณ์ที่สำรวจโดย Bloomberg กำไรของ DELTA น่าจะโตได้ 7% สำหรับปีนี้และปีหน้า Price Pattern ของ DELTA มีความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะกลางจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal และหาก Price Pattern ของ DELTA สามารถปิดตลาดรายเดือน (ในเดือนนี้) ได้เหนือ 88 บาท ก็จะทำให้ Price Pattern ของ DELTA กลับเข้าสู่แนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อีกครั้ง จากการเกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ โ คาดว่าน่าจะไปทดสอบเป้าหมายหลักที่ 92 บาท และหากปิดตลาดได้เหนือ 92 บาท นี่จะเป็นบ่งบอกถึงการทำ New High ครั้งใหม่ โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 98 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 105 บาท ทั้งนี้ DELTA มีจุด Stop Loss รอบนี้อยู่ที่ 80.25 บาท (แนวต้าน: 89.75, 90.50, 92.00; แนวรับ: 88.50, 87.75, 86.25)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ภัยแล้งฉุดเศรษฐกิจโตต่ำลง จากผลสำรวจของ ม.หอการค้า ภัยแล้งหนักอาจสร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจถึง 1.19 แสน ลบ. และทำให้เศรษฐกิจโตลดลง 0.85% ปีนี้ โดยเป็นความเสียหายต่อภาคการเกษตรราว 7.79 หมื่น ลบ. และต่อภาคอุตสาหกรรมและบริการราว 41.4 หมื่น ลบ. ทำให้ GDP เติบโตลดลง 2.7-2.9% ปีนี้จากเดิมที่คาดไว้ช่วง 3-3.5% (Bangkok Post)
สศค.ส่อปรับเป้า GDP ลง สำนักงานเศรษฐกิจการคลังมีแนวโน้มจะปรับคาดการณ์เศรษฐกิจในปีลงอยู่ที่ 3.7% เพราะการส่งออกมีโอกาสแย่กว่าคาดแม้รัฐจะมีมาตรการกระตุ้นออกมา อย่างไรก็ดีตัวเลขก็ยังสูงกว่าที่ ธปท.คาดไว้ที่ 3.1% (Bangkok Post)
ส่งออกอาหารได้ต่ำกว่าคาดจากภัยแล้ง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยประมาณการมูลค่าการส่งออกอาหารปีนี้อาจไม่ถึงเป้าหมายที่หนึ่งล้านล้านบาทเป็นปีที่สองติดต่อกันจากผลกระทบภัยแล้งซึ่งทำให้จำนวนผลผลิตลดลงประกอบกับอุปสงค์ของโลกที่ยังอ่อนตัว (Bangkok Post)
รัฐบาลผลักดันธนาคารเกาหลี รัฐบาลได้กระตุ้นให้ธนาคารสัญชาติเกาหลีในไทยเร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อดึงดูดการลงทุนจากเกาหลีเพิ่มขึ้น นาย คิมมูนยง ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเกาหลีลงทุนทางการค้าได้กล่าวว่าเ เงินลงทุนโดยตรงจากประเทศเกาหลีมายังไทยคิดเป็นเพียง 82 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการลงทุนในอาเซียนทั้งหมด 3.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งไม่สอดคล้องกับขนาดเศรษฐกิจของไทยซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองในอาเซียน (Bangkok Post/The Nation)
SINGER (8.70 บ.) คาดวิกฤติภัยแล้งจะกระทบต่อยอดขายของบริษัทอย่างน้อยสามถึงห้าเดือน หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัท (NPL) จากธุรกิจเช่าซื้ออยู่ที่ 6.5% ของสินเชื่อทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 5% ในปี 58 ในปีที่ผ่านมา ปริมาณการคืนสินค้าจากการผิดนัดชำระหนี้ของลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 10% จาก 5% ในปี 57 เป็นสัญญาณว่าภาพรวมธุรกิจยังคงอ่อนแอ (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
นักลงทุนยังคงระมัดระวังในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวเนื่องจากเป็นวันอีสเตอร์อย่างระมัดระวังมากขึ้นหลังจากมีความเห็นเชิง hawkish จากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระดับสูงหลายรายทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นซึ่งมีผลต่อสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงระมัดระวังหลังเหตุระเบิดพลีชีพในเบลเยียมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (AWS)
วันนี้เป็นวัน Good Friday ตลาดหุ้นหลายแห่งปิดทำการในวันนี้เนื่องจากเป็นวัน Good Friday ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ รวมทั้งในสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย ฮ่องกง สิงคโปร์ อินเดีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฯลฯ (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นต่อเป็นวันที่ 5 ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปิดเพิ่มขึ้น 0.07% อยู่ที่ 96.116 จุด เทียบกับเงินสกุลหลักอื่น เป็นการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในรอบเกือบปีและเป็นสัปดาห์แรกที่แข็งค่าขึ้นตลอดสัปดาห์ การแข็งค่าขึ้นนั้นได้รับแรงหนุนจากความเห็นของนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกับความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดหลายรายซึ่งส่งสัญญาณถึงโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้ โดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้น่าจะเป็นเดือนเมษายน (Reuters)
ราคาพันธบัตรสหรัฐลดลงเมื่อวันพฤหัส ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลง 7/32 และอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.9% เพิ่มขึ้นจาก 1.875% เมื่อวันพุธ (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกและลบเล็กน้อยเมื่อวันพฤหัส ทำลายการขึ้นติดต่อกัน 5 สัปดาห์เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นมีผลกระทบต่อหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ อารมณ์ตลาดในสัปดาห์นี้ถูกกดดันจากความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดซึ่งเพิ่มความคาดหวังให้ตลาดมากขึ้นในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ (Reuters)
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐลดลงในเดือนก.พ. เนื่องจากภาคการผลิตยังคงได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐและราคาน้ำมันที่ลดลง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนลดลง 2.8% ในเดือนที่แล้วหลังจากที่เพิ่มขึ้น 4.2% ในเดือนม.ค. นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 2.9% ในเดือนก.พ. (Reuters)
ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นเล็กน้อยส่วนตัวเลขที่มีการปรับปรุงในสัปดาห์ก่อน ๆ แสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 6,000 ราย อยู่ที่ 265,000 ราย ในรอบสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 19 มี.ค. นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 268,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายซึ่งถือเป็นเกณฑ์ในการวัดตลาดแรงงาน ติดต่อกัน 55 สัปดาห์ ยาวนานที่สุดนับแต่ปี 1973 (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีปรับตัวลดลงเป็นวันที่สี่ติดต่อกัน ซึ่งยังคงนำโดยการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มน้ำมันและเหมืองแร่ (Reuters)
เอเชีย :
เงินเฟ้อผู้บริโภคในญี่ปุ่นทรงตัวในเดือน ก.พ. ต่อเนื่องจากการทางตัวในเดือน ม.ค. ก่อนหน้า และเทียบกับที่ตลาดคาดว่าจะเห็นการขยายตัว 0.1% โดยยังคงถูกกดดันจากราคาพลังงานที่ต่ำและการบริโภคในประเทศที่ยังคงอ่อนแอ ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวอาจทำให้ BOJ จำเป็นต้องเพิ่มมาตรการกระตุ้นมากขึ้น (Reuters)
จีนเตรียมยกเลิกการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใน 15 ภูมิภาค เพื่อแก้ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินในประเทศขณะนี้ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบคงที่วันพฤหัส หักล้างการเป็นลบหลังจากตัวเลขแท่นขุดเจาะกลับมาลดลงอีกครั้งสวนกับมุมมองขาลงต่อจากวันพุธที่ EIA ได้รายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 3 เท่าของที่คาด Baker Hughes รายงานว่าตัวเลขผู้ขุดเจาะน้ำมันสหรัฐลดจำนวนท่านไป 15 แท่นสัปดาห์นี้เหลือ 372 แท่น ต่ำสุดนับแต่ พ.ย. 52 น้ำมันดิบสหรัฐลดลง 33 เซนต์หรือ -0.8% สู่ 39.49 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่ 6 น้ำมัน Brent ปรับลง 3 เซนต์หรือ -0.1% ปิดที่ 40.44 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สำหรับรายสัปดาห์ร่วง 76 เซนต์หรือเกือบ 2% เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ (Reuters)
ราคาทองร่วง 0.2% เหลือ 1,217.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังแตะจุดต่ำสุดนับแต่ ก.พ. ที่ 1,212.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ร่วงจากดอลลาร์แข็งค่า รายสัปดาห์ร่วง 3% เป็นลบแย่สุดนับแต่ พ.ย. (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331