- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 March 2016 16:46
- Hits: 950
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
แกว่งตัวแคบๆ ให้เปลี่ยนไปเน้นหุ้นขนาดกลาง
KGI คาด SET วันศุกร์ไซด์เวย์ จึงให้เน้นหุ้นขนาดกลาง (วานนี้ลงไม่แรง ตามคาด) มุมมองเชิงเส้นกราฟคงให้ดู 1,407 จุด เป็นระดับสำคัญ หากยืนได้ยังไม่เสียอาการ ปัจจัยภายนอกเป็นลบเล็กน้อย หลังดัชนีเงินดอลล่าร์ฯ แข็งค่าขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่หก หลังผู้ว่าการเฟดถึงสามสาขา (เซ็นหลุยส์ ซานฟรานฯ และแอตแลนตา) มองเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยในเดือน เม.ย. ผนวกราคาน้ำมันทรงตัวในกรอบจำกัด (นักเศรษฐศาสตร์ KGI คงมุมมองขึ้นช่วงกลางปี) ด้านปัจจัยภายในน่าจะมีข่าวดีจากยอดส่งออก ก.พ. ที่น่าจะฟื้นตัวแรงตามมูลค่าส่งออกทองคำและปิโตรเลียม แต่ผลต่อ SET คงมีจำกัด เราคงมองหุ้นใหญ่ใกล้เต็มมูลค่าหลายตัว (หุ้นที่ KGI วิเคราะห์สิบตัวใหญ่สุด ตอนนี้มีเพียงสองตัวที่ยังมี upside เกิน 15%)
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร BH*, EPG* / สะสม IFEC
BH* (เป้าพื้นฐาน 252 บาท) 1) เราประเมินราคาหุ้น Laggard กลุ่มโรงพยาบาล โดย Consensus กังวลงบไตรมาส 1/59 อ่อนแอ โดยราคาหุ้นปรับลง -7% สวนกับกลุ่มโรงพยาบาลหลัง Analyst meeting วันที่ 3 มี.ค. (ขณะที่บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของฝ่ายวิจัยฯประเมินกำไรไตรมาส 1/59 จะยังโต QoQ) 2) ประเมินรูปแบบราคาเริ่มฟื้นตัวหลัง Sideway บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน (±206 บาท) ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราประเมินมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 220 บาท และ 230 บาท ตามลำดับ แนวรับ 210 บาท 3) อัตราส่วนราคา BH*/BDMS* ปรับลงมาบริเวณกรอบล่างของ Bollinger Band (-2 Standard deviation) นักลงทุนอาจพิจารณาใช้กลยุทธ์ Pair trading โดย Long BH* + Short BDMS*
EPG* (เป้า Consensus 16 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 13.1 บาท แนวต้าน 14.5 บาท 2) ราคาน้ำมันดิบเริ่มพักฐาน คาดเป็น Sentiment บวกต่อ EPG (เม็ดพลาสติกเป็นต้นทุนหลักราว 30% ของต้นทุน) 3) คาดกำไร 4Q58/59 (ปิดงบ มี.ค.) จะกลับมาโตเด่นเป็น ±450 ล้านบาท (+30% QoQ และ +150% YoY) เป็นผลจากการกลับเข้าสู่ช่วง High season และไม่มีค่าใช้จ่ายปิดโรงงานที่จีน (ปิดไปใน 3Q58/59) 4) คาดได้อานิสงส์จากโครงการลงทุนสุวรรณภูมิเฟส 2 (ระบบทำความเย็น ฉนวนกันความร้อน)
IFEC (เป้าพื้นฐาน 13.4 บาท) 1) รูปแบบราคา Sideway ในกรอบสามเหลี่ยม รอสัญญาณการ Breakout แนวต้านบริเวณ 7.1 บาท (และเป็นแนวต้านเทรนไลน์ขาลงระยะสัปดาห์) แนะนำ “สะสม” ในกรอบแนวรับ – แนวต้าน 6.85 – 7.10 บาท (กรณีที่ Break ผ่าน 7.1 บาท แนะนำ “เก็งกำไรตาม” ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±7.8 บาท และ ±9 บาท ตามลำดับ) 2) ในเชิงพื้นฐาน โครงการพลังงานทดแทนต่างๆเดินหน้าตามแผน (ล่าสุดโครงการพลังงานลมที่ภาคใต้ ปากพนังเฟส 2 ได้รับการปล่อยเงินกู้จาก EXIM bank) 3) รร. ดาราเทวี อัตราการเข้าพักในช่วงไตรมาส 1/59 เต็ม >95% (วันที่ 28 มี.ค. เสนอแผนฟื้นฟูฯ ต่อศาลฯ คาด Hair cut หนี้จบทั้งหมดเร็วๆนี้) ... สำหรับประเด็นเรื่องปันผลพิเศษจากการปรับโครงสร้างหนี้ที่ลงใน นสพ ข่าวหุ้น วันนี้ เราประเมินว่าไม่เป็นจริง เพราะบริษัทฯยังต้องเก็บเงินไว้สำหรับการลงทุนพลังงานทดแทนที่อยู่ระหว่างเจรจาอีก (มีเพียงปันผลประจำปี 2558 0.12 บาท/หุ้น XD 29 มี.ค.)
หุ้นในกระแส
Theme สุวรรณภูมิ เฟส 2 + โครงการรถไฟฟ้า&รางคู่: เราประเมินการเปิดขายซองประมูลโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาฯ และวัสดุฯ โดยจะเป็นการปลดล๊อกให้มีการประมูลโครงการรถไฟฟ้า และรถไฟรางคู่เส้นต่างๆตามมา แนะนำเก็งกำไร 1) หุ้นกลุ่มรับเหมาฯตัวหลัก (CK*, STEC*, ITD*) 2) งานเสาเข็ม (SEAFCO, PYLON, TMC) 3) วัสดุฯ + ระบบไฟฟ้า (SCC*, TMT, ASEFA, EPG*)
กลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, SUPER, PSTC, UWC, ASEFA, QTC) เราประเมิน:
1) ปลดล๊อกโครงการโซลาร์ส่วนราชการฯ คาด กกพ จะเปิดเผยชื่อโครงการที่ผ่านคุณสมบัติภายในปลายเดือน มี.ค. – ต้นเดือน เม.ย. เพื่อจับสลากในต้นเดือน เม.ย. ... เราประเมินเป็นการปลดล๊อกอุตสาหกรรมฯให้สามารถเดินหน้าการประมูลโครงการอื่นๆต่อได้ ขณะที่เราและ Consensus ไม่ได้รวมโครงการนี้ในประมาณการฯ
2) ให้โรงไฟฟ้าชีวมวลเดิมเปลี่ยนจากระบบ Adder ไปเป็นระบบ FiT ได้ (เป็นบวกกับ UWC, TPCH, IFEC โดยสัญญาซื้อไฟในระบบ FiT สำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวลจะมีผลตอบแทนที่ดีกว่าระบบ Adder เดิม)
กลุ่มทีวีดิจิตอล (WORK*, RS*, MONO) นสพ กรุงเทพธุรกิจและโพสต์ทูเดย์ลงข่าว ยอดคนดูทีวีดิจิตอลเพิ่มขึ้น โดยการสำรวจในเดือน มี.ค. สัดส่วนผู้ชมช่องรายการเดิมต่อช่องรายการใหม่(ทีวีดิจิตอล)เพิ่มขึ้นเป็น 58.7% ต่อ 41.3% จากสิ้นปี 58 อยู่ที่ 62% ต่อ 38% คาดเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มทีวีดิจิตอล นอกจากนี้ทาง กสทช ระบุ MONO ไม่เกี่ยวข้องกับกรณี JAS* เราแนะนำ “เก็งกำไร”
หุ้นมีข่าว
(0) นายกรัฐมนตรียืนยันการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงยังมีต่อไป (บางกอกโพสต์) โดยมูลค่าการก่อสร้างที่มีมูลค่าสูงกว่า 5.3 แสนล้านบาท ส่งผลให้มีการพิจารณาอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน จนทำให้เกิดความล่าช้ากว่ากำหนดไป 5 เดือน สำหรับบทสรุปสุดท้ายจากการประชุมระหว่างรัฐบาลไทยและจีน คือรัฐบาลไทยจะเป็นผู้หาเงินทุนในประเทศมาก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงช่วงที่หนึ่งคือกรุงเทพ-โคราช ส่วนเฟสอื่นจะรอจนกว่าจะมีความพร้อม ทั้งนี้ เรามองความล่าช้าจะไม่กระทบภาพรวมกลุ่มรับเหมา เนื่องจากตลาดให้น้ำหนักกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าและรถไฟรางคู่มากกว่า ดังนั้น เรายังคงน้ำหนัก “มากกว่าตลาด” และเลือก CK* เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มราคาเป้าหมาย 36.50 บาท
( + ) RATCH* ลั่นจับมือ CGN บุกจีน รุกพลังงานทดแทน-นิวเคลียร์ (ไทยโพส) RATCH ได้เข้าร่วมลงทุนกับ CGN ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ชั้นนำ และ GIG ของประเทศจีน เพื่อพัฒนา โครงการพลังงานนิวเคลียร์ Fangchenggang ระยะที่สอง ขนาด 2,360 เมกะวัตต์ RATCH จะถือหุ้นประมาณ 10% และลงทุนตามสัดส่วนประมาณ 7.5 พันล้านบาท โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการมีระยะเวลา 30 ปีและน่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าในปี 2021 การลงทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่ม 236MW หรือ 3.7% ให้กับ RATCH ทั้งนี้ความร่วมมือครั้งนี้จะสามารถสร้าง synergy การลงทุนให้กับทั้ง 2 บริษัทได้ในในอนาคต นอกจากนี้ RATCH ที่อยู่การ Bid โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในประเทศอินโดนีเซีย ขนาด 250MW และการศึกษาโครงการพลังงานน้ำเซกังในประเทศลาว บริษัทคาดว่าจะมีข้อสรุปภายในปี 2016 โครงการต่างๆที่ได้กล่าวมาถือเป็นการยืนยันมุมมองของเราที่มีต่อ RATCH โดยการขยายตัวทางธุรกิจจะมาจากการลงทุนในต่างประทเศ อย่างไรก็ตามโครงการเหล่านี้ยังไม่ถูกนับในการประเมินมูลค่าของเราเนื่องจากโครงการยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเบื้องตอนต้นและยังไม่ได้รับการประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการ คงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาพื้นฐาน 59.0บาท
(+) MAJOR* ลั่นรายได้ปี59 โต 10% (ข่าวหุ้น) นายวิชา พูลวรลักษณ์ กล่าวในข่าวว่า ตั้งเป้ารายได้ของบริษัทปี 2016 เติบโต 10% YoY จากภาพยนตร์คุณภาพดีและแผนการขยายโรงหนังใหม่ นอกจากนี้ MAJOR ยังมีแผนเปิดตัวโรงภาพยนตร์อีกแห่งในประเทศลาวในปี 2016 และมีแผนร่วมลงทุนกับ อิออน มอลล์ ขยายห้างสรรพสินค้าแห่งที่สองที่รวมถึงโรงหนัง MAJOR 10 โรง ในประเทศกัมพูชา โดยคาดว่าจะสามารถเปิดบริการได้ในปี 2018 ข่าวนี้อยู่ในการคาดการณ์ของเราสำหรับเมเจอร์ในปี 2016 คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท
(0) 'บีเจซี' ปัดซื้อบิ๊กซีเวียดนาม รอผลเทนเดอร์ก่อนเพิ่มทุน (กรุงเทพธุรกิจ) "เบอร์ลี่ ยุคเกอร์" ยันไม่มีแผนเข้าซื้อกิจการของบิ๊กซี เวียดนาม และไม่มีแผนซื้อกิจการเมโทร เวียดนามต่อจาก ทีซีซี โฮลดิ้ง พร้อมชี้ต้องเพิ่มทุนหรือไม่ขึ้นอยู่กับสัดส่วนการถือหุ้นบิ๊กซีให้ชัดเจนหลังทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์
(- JASIF / + MONO) JASIFกระทบแจสเบี้ยว ไลเซนส์MONOปลอดภัย (ข่าวหุ้น) กองทุนบัวหลวงประเมิน JASIF อาจถูกกระทบไม่ได้ต่อใบอนุญาตของ TTTBB ในปี 2569 รายได้หดหายทันที หลังแจสไม่จ่ายค่าประมูล 4 จี ปรับเป้าราคาลงเหลือ 8 บาท ด้านกสท.ยันใบอนุญาตทีวีของ MONO ไม่กระทบ เพราะเป็นคนละนิติบุคคลกับ JAS
(+) TPBIเจ๋งวันแรกราคาพุ่ง29% ปีนี้ดันรายได้โต-จ่อปิดดีลซื้อกิจการ 1 แห่ง (ข่าวหุ้น) “TPBI” เทรดวันแรกไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ราคาหุ้นพุ่ง 29.63% ปิดตลาด 14.30 บาท สะท้อนพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ขณะที่ตั้งเป้าโกยรายได้ปีนี้มากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 4,805 ล้านบาท เล็งปิดดีลซื้อกิจการ 1 แห่งภายในปีนี้
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
CPN* (เป้าพื้นฐาน 65 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 50.5 บาท แนวต้านสั้น 52 บาท หากผ่านได้ประเมินทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 59 บาท 2) กลยุทธ์ Pair trading โดย Long CPN* + Short ROBINS* (วานนี้กำไรรวม 4%)
TMC (เป้าพื้นฐาน 3.0 บาท) พิจารณาที่แนวต้านหลัก 2.30 บาท หากผ่านได้จะเป็นการ Breakout ขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไป 2.6 – 2.8 บาท แนะนำ “สะสม” ... ปีนี้ Turnaround ได้พันธมิตรใหม่ + คาดเอาส่วนเกินทุนมาล้างขาดทุนสะสม เตรียมปันผล มี Opportunity day วันที่ 29 มี.ค.
AAV* (เป้าพื้นฐาน 6.09 บาท) รูปแบบราคาฟื้นตัวมีโอกาสทดสอบแนวต้าน 5.70 บาท แนวรับ 5.20 บาท แนะนำ “เก็งกำไร”
ASEFA (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) แนะนำ “สะสม” แนวรับ 5.7 บาท และพิจารณาที่แนวต้าน 5.9 บาท หากผ่านได้แนะนำ “เก็งกำไรตาม” ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป ±6.2 บาท ... คาดไตรมาส 1/59 กำไรทำนิวไฮต่อเนื่อง + ราคาเหล็กในประเทศฟื้นตัวแรง
SMT (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 13 บาท ... ไม่รวม Upside จากการประกอบแผงโซลาร์เซลล์) ประกาศแจก Warrant (SMT-W1) 5 หุ้นเดิมต่อ 1 Warrant (ราคาใช้สิทธิ 8 บาท / อัตราการใช้สิทธิ 1:1) และแตกพาร์จาก 2 บาท เหลือ 1 บาท
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ น้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” งบดุลของธนาคารในเดือน ก.พ.ให้ภาพของกิจกรรมการปล่อยกู้ที่ชะลอตัวลง ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณบวกอยู่บ้างในแง่ของอุปสงค์สินเชื่อธุรกิจจากการเบิกถอนเงินกู้ในปลาย 1Q16 ถึง 2Q16 ฝ่ายวิจัยฯชอบธนาคารที่ราคายังไม่แพงมากอย่าง KTB* และ BBL* เพราะ P/BV ยัง <1.0x ในขณะที่สินเชื่อธุรกิจยังมีแนวโน้มจะโตขึ้นอีก
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘นัยสั้นยังอยู่ที่ 1407 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1407 จุด อาจสะสมแรงผลักขึ้นในกรอบ 1407-1435 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงหรือปิดต่ำกว่าต้าน 1407 จุดนั้น อาจกดราคาลงในกรอบ 1407-1396 จุด
แนวรับวันนี้: 1402/1396 แนวต้านวันนี้: 1413/1420
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]