WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์วันนี้ Sideways
     ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปิดทะลุ 1,520 จุด มาอยู่ที่ 1,529.23 จุด บวกเป็นวันที่ 12 อีก 11.22 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41,293 ล้านบาท
ด้านเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอ แม้ว่าจะซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 เพียง 411 ล้านบาท คงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 12 เพียง 5,420 ล้านบาท แต่กลับ Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 1,602 สัญญา

     MBKET คาด SET INDEX ยังไม่น่าผ่านแนวต้านย่อย 1,530-1,535 จุด แต่อาจเกิดการย่อตัวลงสู่แนว 1,520 จุด ระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย หลัง SET INDEX ขึ้นมาตลอด 12 วันทำการ ขณะที่เงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มชะลอการลงทุนในหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทย รวมถึงอาจเห็นกองทุน Trigger Funds ทยอยขายทำกำไรมากขึ้น เพราะเข้าใกล้ระดับเป้าหมายของกองทุน ซึ่งขาดอยู่เพียง 1-4% เท่านั้น มูลค่า NAV จำนวน 3 กองทุน รวม 1.2 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การย่อตัวของ SET INDEX เป็นการพักฐานช่วงสั้นๆ เท่านั้น MBKET คงเป้าหมายของ SET INDEX รอบนี้ที่ 1,550 จุด เช่นเดิม เพราะสภาพคล่องทางการเงินที่ล้นในระบบการเงินโลก บวกกับเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มเคลื่อนย้ายจากตลาด PSE เข้าสู่ตลาดหุ้นไทย เพราะ Valuation ของ PSE ในแง่ของ PER14 ใกล้ระดับ 20x เทียบกับ SET INDEX ที่ใกล้ระดับ 15x ต่ำสุดในกลุ่ม TIP
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ขายทำกำไรหุ้นหลักบางส่วนบริเวณ 1,530 จุด +/-“ เพื่อซื้อหุ้นกลับบางส่วน บริเวณ 1,520 จุด


      กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” TRUEIF/ “ซื้อเก็งกำไร” AOT

Portfolio
Top Pick in 3Q14: AAV/ AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS
Accumulative Buy: TRUEIF
Speculative Buy: AOT

Technical View
แนวรับ 1520-1525 จุด แนวต้าน 1535-1540 จุด คงแนวโน้มแกว่งตัวเชิงบวก ในกรอบที่ยกตัวสูงขึ้น

Action and Stock of the Day
SET INDEX ทะลุ 1,520 จุด แต่ยังไม่ผ่าน 1,530 จุด

ตลาดหุ้นวันนี้ มีแนวโน้มปรับฐานลง แม้บรรยายกาศรอบเอเชียจะเป็นบวกก็ตาม
เป็นการปรับฐานช่วงสั้น เพื่อขึ้นต่อ คงเป้าหมาย 1,550 จุด เช่นเดิม

กลยุทธ์ ขายทำกำไรบางส่วน บริเวณ 1,530 จุด เพื่อรอซื้อกลับบริเวณ 1,520 จุด
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อสูงคลายตัว ยกเว้น PSE ที่ปิดลบ 1.02%
ด้านตลาดหุ้นไทยวานนี้ แรงซื้อหุ้นหลักโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่ม ธนาคาร / พลังงาน หนาแน่น ได้แก่ SCB, KBANK, PTTEP, TOP เป็นต้น รวมถึง TRUE ผลักดันให้ SET INDEX เปิดทะลุแนว 1,520 จุดขึ้นไปแกว่งทดสอบด่าน 1,525-1,530 จุด ปิดบวกเป็นวันที่ 12 อีก 11.22 จุด มาอยู่ที่ 1,529.23 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41,293 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาล +1.61%, กลุ่มปิโตรเคมี +1.58% และกลุ่มธนาคาร +1.48% ส่วนกลุ่มหลักอย่างกลุ่มพลังงาน +0.86% และกลุ่ม ICT +0.78%

ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.36 น.) เช้านี้ Nikkei – Kospi เปิด สอดคล้องกับ DJIA คืนวานนี้ที่ปิดทะลุแนว 17,000 จุดขึ้นไป จากแรงเก็งกำไรผลการดำเนินงาน
MBKET ปรับลดมุมมอการลงทุนเป็น “กลาง” ครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ จากเดิม “กลางถึงบวก” หลัง SET INDEX เข้าใกล้เป้าหมายของรอบนี้ที่ 1,550 จุด โดยวานนี้ปิดที่ระดับ 1,529.23 จุด เหลือ Upside เพียง 1.36% เท่านั้น
ประเด็นที่อาจกดดัน Upside gain ของ SET INDEX ช่วงสั้นในมุมมองของ MBKET ได้แก่
•เงินทุนต่างชาติอาจชะลอตัวช่วงสั้น หลังวานนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้เริ่มซื้อสุทธิในอัตราที่ชะลอตัวเหลือเพียง 411 ล้านบาท แต่กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ จำนวน 1,602 สัญญา
•กองทุน Trigger Funds จำนวน 3 กองทุน NAV รวม 1,214 ล้านบาท เริ่มเข้าใกล้ระดับ trigger มากขึ้น ขาดเพียง 1-4% ของผลตอบแทน หาก SET INDEX ขยับขึ้นอาจทำให้เกิดแรงขายเพื่อปิดกองทุน
•ราคาหุ้นหลักส่วนใหญ่ ขยับขึ้นมาสะท้อนปัจจัยพื้นฐานเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานใน 2Q57 ไปค่อนข้างมากแล้ว ดังจะเห็นได้จาก ราคา ณ ปัจจุบัน เทียบกับ ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2557 เหลือจำกัดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม Downside risk ของ SET INDEX ยังคงเป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน เพราะปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ ยังไม่ส่งสัญญาณเชิงลบที่มีน้ำหนักมากเพียงพอต่อการกดดัน SET INDEX ทั้งนี้ MBKET ประเมินแนวรับบริเวณ 1,515-1,520 จุด ยังจะสามารถทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมคงเป้าหมาย SET INDEX รอบนี้ที่ 1,550 จุด เช่นเดิม
       สำหรับปัจจัยพื้นฐานในประเทศ นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศยังคงต้องรอความชัดเจนด้านเศรษฐกิจ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ภายใต้การนำของ พล.อ.อ. ประจิณ จั่นตอง รวมถึง การจัดตั้งรัฐบาล ในเดือนส.ค. เพื่อบริหารประเทศภายใต้ Road Map ที่วางไว้ กลายเป็นตัวแปรที่ช่วยจำกัด downside risk ของ SET INDEX เช่นกัน ซึ่งปัจจัยสำคัญในเชิงนโยบายจากนี้ไป ที่ต้องติดตาม เพื่อรอความชัดเจน บวกกับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เป็นบวก ได้แก่
•การรอความชัดเจนของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะกลาง ผ่านงบประมาณปี 2558 และ ระยะยาว ที่เป็น Road Map ระยะ 5-8 ปี
•ความชัดเจนของร่างรัฐธรรมนูญ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ คสช. ก่อนนำเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ ในลำดับต่อไป
•โครงสร้าง รัฐบาลชั่วคราว ซึ่งหัวหน้าคสช.ยืนยัน เดือนก.ย.จะได้ข้อสรุป เพื่อให้คณะรัฐบาลเฉพาะกาลนี้มาบริหารประเทศ ผ่าน Road Map ใน 5 ส่วนได้สรุปเดือนส.ค.
•แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทยใน 2Q57 ฟื้นตัว ตามภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ
ภาพรวม SET INDEX ในรอบนี้ คงลักษณะ Zig-Zag เพื่อขึ้นต่อ แม้ว่าวันนี้ SET INDEX จะย่อตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 13 วันทำการก็ตาม แต่ภาพรวม MBKET เชื่อว่าตลาดจะมีเก็งกำไรหุ้นหลัก รายกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก สลับกันไปในแต่ละกลุ่ม เพียงแต่ SET INDEX ณ ปัจจุบัน 1,529.23 จุด มี upside gain จากเป้าหมายในระลอกนี้ที่ 1,550 จุด +/- ไม่ถึง 2% ความผันผวนของ SET INDEX จะกลับมาอยู่ระดับสูงอีกครั้ง
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ทยอยขายทำกำไรบริเวณ 1,530 จุด เพื่อรอซื้อหุ้นกลับบางส่วนบริเวณ 1,520 จุด” เน้นหุ้นที่ยังเป็น laggard จากกลุ่มหลัก ขณะที่ผลการดำเนินงานใน 2Q57 ยังคงเติบโตเด่น qoq และ/หรือ yoy

ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาพการลงทุน ซึ่งยังต้องรอความชัดเจน
•คสช.อยู่ระหว่างการพิจารณาร่าง รธน. ฉบับชั่วคราว ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตลาดคาดว่าจะเป็นภายในสัปดาห์นี้
•รายละเอียดของร่างงบประมาณปี 2558 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำการศึกษา เพื่อสรุปนำเสนอต่อ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ คสช. ภายในเดือนก.ค.
•แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม แบ่งเป็น
i.วงเงินขยับขึ้นจาก 1.1 แสนล้านบาท เป็น 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะบรรจุในงบประมาณปี 2558 จะต้องสรุปภายในปลายเดือนก.ค.
ii.แผนการลงทุนเฟส 2-3 ซึ่งเป็น Roadmap ขนาดใหญ่ จะต้องสรุปเพื่อนำเสนอภายในสิ้นเดือนก.ค.
•การปรับโครงสร้างพลังงาน ยังต้องหารือถึงรายละเอียดโครงสร้างการกำหนดราคาพลังงาน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ คาดกรอบเบื้องต้นจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนก.ค.
• การทำงานของ กสทช.
i.การเริ่มทำประชาพิจารณ์ต่อกรณีการแจกคูปองให้แก่ ครัวเรือน เพื่อนำไปแลกรับกล่องสัญญาณทีวีดิจิตอล กสทช.
ii.วันที่ 10 ก.ค.นี้ กสทช.จะส่งหนังสือถึง คสช.เพื่อชี้แจงความจำเป็นในการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz / 900 MHz / USO
2.ติดตามการเคลื่อนไหวค่าเงินบาท เพื่อประเมินเงินทุนต่างชาติ: ทั้งนี้ MBKET ประเมินว่า ช่วงสั้น เงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มชะลอตัว อาจเกิดการขายทำกำไรในตลาดหุ้นไทยช่วงสั้นๆ เพราะ ราคา ณ ปัจจุบัน เริ่มสะท้อนปัจจัยพื้นฐาน และภาพผลการดำเนินงานใน 2Q57 ไปค่อนข้างมากแล้ว ดังนั้น หากค่าเงินบาทอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ บวกกับ ราคาหุ้นหลักในกลุ่มหลัก เริ่มย่อ / ปรับฐาน อาจส่งสัญญาณชะลอแรงซื้อจากต่างชาติ โดยหุ้นหลักในกลุ่มหลัก ได้แก่
•กลุ่มธนาคาร: KBANK / BBL
•กลุ่มที่อยู่อาศัย: LH / SPALI / PS
•กลุ่มวัสดุก่อสร้าง: SCC
•กลุ่ม ICT: ADVANC / INTUCH / TRUE
•กลุ่ม PTT Group
3.เริ่มระมัดระวังกลุ่มที่ขึ้นมาเด่นนับตั้งแต่ คสช.คุมอำนาจ: นับตั้งแต่ คสช.เข้าควบคุมอำนาจตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. จนถึงวานนี้ SET INDEX +9.00% ปิดที่ 1,529.23 จุด กลุ่มที่ขึ้นมาเด่นและราคาหุ้นส่วนใหญ่สะท้อนปัจจัยพื้นฐานเชิงบวกไปค่อนข้างมาก อาจกลายเป็นเป้าหมายของการขายทำกำไรช่วงสั้นๆ นี้ได้ โดยกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนเด่นสุดในรอบนี้ได้แก่
•กลุ่มกระดาษ +49.19%
•กลุ่มอสังหาฯ +17.23%: RASA 118.95%, KC +97.47%, PRECHA +48.41%
•กลุ่มไฟแนนซ์ +16.93%: GL +37.25%, SAWAD +37.14%, PE +26.74%
•กลุ่ม Professional: BWG +17.65%, GENCO +12.09%
•กลุ่มธนาคาร +15.59%: KTB +24.59%, BAY +24.50%, CIMBT +22.92%
•กลุ่มวัสดุก่อสร้าง +14.34%: CCP +56.52%, SCP +32.92%, GEL +26.67%
•กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง +13.78%: TPOLY +86.67%, EMC +57.69%, ITD +39.19%
4.ปัจจัยสำคัญในต่างประเทศวันนี้ได้แก่
•การประชุม BoJ: คาดว่า BoJ จะคงนโยบายการเงิน ทั้งในแง่ของอัตราดอกเบี้ยเป้าหมาย และ ปริมาณเงินเยนในระบบที่ 270 ล้านล้านเยน เช่นเดิม
•คืนนี้ติดตามการให้ข้อมูลด้านเศรษฐกิจของประธานเฟด: ต่อวุฒิสภา ในภาพครึ่งปีแรกของปี 2557 และแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งนี้ติดตามประเด็นสำคัญที่วุฒิสภาตั้งข้อสังเกตของแนวทางการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของเฟด มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอย่างไร รวมถึง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในมุมมองของประธานเฟด

วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 15.02 13.09 14.92 12.99
PSE 19.20 16.64 19.40 16.81
JSE 16.16 13.76 16.20 13.79
KOSPI 10.23 8.91 1016 8.85
TAIEX 15.51 14.38 15.41 14.38
Straits Time 14.52 13.28 14.52 13.28
SHCOMP 8.19 7.23 8.07 7.16
ที่มา: Bloomberg

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ “ทยอยสะสม” ได้แก่
1.TRUEIF : ราคาปิด 10.40 บาท ราคาเหมาะสม 13.70 บาท
a)MBKET คงมุมมองเชิงบวก และให้ TRUEIF เป็น Top pick ของหุ้นกลุ่มเงินปันผล เนื่องจากได้ประโยชน์โดยตรงจากฐานะการเงินที่แกร่งขึ้นของ TRUE ซึ่งเป็นผู้เช่าหลัก โดยคาดว่าหลังเสร็จสิ้นการเพิ่มทุนจะส่งผลให้ Net DE ของ TRUE ลดลงจาก 10.0 เท่า ใน 1Q57 เหลือเพียง 0.46 เท่า
b)ดังนั้น ความเสี่ยงของ TRUEIF ที่พึ่งพิงรายได้ค่าเช่าจาก TRUE จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และเชื่อว่าภายหลัง TRUE เสร็จสิ้นการเพิ่มทุน จะส่งผลให้บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือปรับเพิ่ม Rating ขึ้นสู่ระดับ Investment Grade และเปิดทางให้นักลงทุนต่างชาติพิจารณาเข้าลงทุนใน TRUEIF ได้เพิ่มขึ้น
c)จุดเด่นของ TRUEIF อยู่ที่รายได้มีความมั่นคงสูง เนื่องจากมีสัญญาเช่าระยะยาวกับ TRUE ล่วงหน้าถึง 14 ปี สำหรับเสาโทรคมนาคม และ 12 ปี สำหรับโครงข่าย Fiber Optic และกองทุนไม่มีวันหมดอายุ เนื่องจากเป็นกองทุนแบบ Freehold คือสินทรัพย์ทุกอย่างเป็นกรรมสิทธิ์ของกองทุน
d)และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลไม่ต่ำกว่าปีละ 0.88 บาท / หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield สูงถึง 8.5% และไม่ต้องเสียภาษีเงินปันผล เนื่องจากได้รับสิทธิประโยชน์ของกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
และ “ซื้อเก็งกำไร” ได้แก่
2.AOT : ราคาปิด 198.50 บาท ราคาเหมาะสม 222.00 บาท
a)MBKET คาดว่าหุ้น AOT จะเป็น 1 เดียวในกลุ่มขนส่งทางอากาศที่รายงานกำไรปกติเติบโต yoy ในงบ 3Q56/57 (หรือเทียบเท่างบ 2Q57 ตามปีปฎิทิน) โดยคาดการณ์กำไรปกติที่ 2.86 พันล้านบาท +6.5% yoy จากค่าใช้ดอกเบี้ยที่ลดลง -18.9% yoy เหลือ 450 ล้านบาท เพราะมีการทยอยคืนเงินกู้ต่อเนื่อง
b)ราคาหุ้นมีโอกาสตอบรับเชิงบวก หากคสช.ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักของไทย จะเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อ AOT
c)หากกำไร 3Q56/57 ออกมาใกล้กับที่คาดจะส่งผลให้กำไร 9M56/57 คิดเป็น 75% ของประมาณการกำไรทั้งปี ดังนั้น เรายังคงประมาณกำไรปกติปี 2556/2557 ที่ 13,552 ล้านบาท เติบโต +36.4% yoy
d)ตั้งแต่ คสช.เข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. จนถึงวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ราคาหุ้น AOT ยังปรับตัวขึ้นไม่มาก โดยเพิ่มขึ้น +4.5% เทียบกับหุ้นกลุ่มสายการบิน เช่น AAV +18.8%, NOK +7.3%, THAI +14.6% และหุ้นกลุ่มโรงแรม เช่น CENTEL +19.8%, ERW +18.3%, MINT +32.5%

What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยอดค้าปลีก, ดัชนี Empire Manufacturing และการให้ข้อมูลของประธานเฟดต่อวุฒิสภา

Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติขายสุทธิ US$16 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$494 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX -61.2 50.6 10,752.3 9,188.0
KOSPI n.a 206.8 4,130.2 4,875.1
JSE 32.7 253.2 4,681.3 -1,806.4
PSE 1.9 -16.1 1,062.8 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -2.1 -0.5 288.1 263.2
SET INDEX 12.8 Closed -908.7 -6,210.5

Foreign Investors Action วานนี้
กระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัว
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +411 +3,692
SET50 Index Futures (สัญญา) -1,602 +1,726
SSF (สัญญา) -1,101 +1,217
Metal Futures (สัญญา) -1,667 +785
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +5,420 +15,661

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 เพียง 411 ล้านบาท รวม 5 วันทำการ ซื้อสุทธิ 8,170 ล้านบาท และกดดัน YTD นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิลดลงเล็กน้อย เป็น 30,112 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ 1,602 สัญญา เทียบกับตลอด 5 วันทำการก่อนหน้า Long สุทธิ 12,907 สัญญา คาดว่าจะเป็นการทยอยปิดสถานะ Long ที่เปิดไว้ก่อนหน้า กดดันให้ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเหลือ 5.78 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้างถึง 7.16 จุด
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้ กลับมา Short สุทธิเช่นกัน และเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการ มากถึง 1,667 สัญญา มากกว่า ช่วง 4 วันทำการก่อนหน้าที่ Long สุทธิ 1,094 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิด Long ทั้งหมด และกลับมามีสถานะ Short สุทธิอีกครั้ง สะท้อนมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำช่วงสั้น มีโอกาสย่อตัวลง
ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 12 แต่ลดลงเหลือ 5,420 ล้านบาท รวม 12 วันทำการ ซื้อสุทธิ 71,107 ล้านบาท โดยเป็นการทยอยสะสมพันธบัตรระยะยาว อายุ 5 ปี ผลตอบแทนลดลงอีก 2.13bps และ อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลง 1.63bps

Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็นวันที่ 2 เหลือ 280 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 401 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
KBANK 90.49 8.33% 215.97
ADVANC 71.32 5.47% 225.48
SCB 28.35 2.00% 185.56
KTB 25.56 1.99% 22.72
PTTEP 21.29 2.45% 163.73

NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 15 เป็นลักษณะ Basket orders
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 15 ลดลงเหลือ 995 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 3,205 ล้านบาท รวม 15 วัน ซื้อสุทธิ 22,245 ล้านบาท สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 8 แต่ลดลงเหลือ 519 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,659 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิ 167 ล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 331 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 124 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 463 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 95 ล้านบาท
2.ด้านกลุ่มขนส่ง ถูกขายสุทธิสูงสุด 81 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 169 ล้านบาท

ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
KBANK 339.01 46.85 BBL -259.11 32.82
TRUE 313.48 10.38 ADVANC -136.30 19.01
SCB 213.32 11.72 INTUCH -87.32 13.10
KTB 184.84 9.22 AOT -73.78 20.79
PTTEP 102.26 14.24 PTT -51.09 31.74


Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA

Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Linrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530

Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!