- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 22 March 2016 16:40
- Hits: 820
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
SET เดินหน้าแตะ 1400 จุด ด้วยหุ้นกลุ่ม ICT (ปรับมูลค่าหุ้นขึ้นยกแพง หลัง JAS ถอย) และหุ้น Global (PTT, PTTEP, IRPC, PTTGC, SCC,KSL) ฟื้นตัวตามราคาน้ำมัน/น้ำตาล ยังชอบหุ้นได้ประโยชน์ภาคท่องเที่ยว (BDMS, ERW, CENTEL) เลือก BDMS(FV@B25), ADVANC(FV@B210) และ KSL([email protected]) เป็น Top picks
ปรับมูลค่าหุ้น ICT ขึ้นยกแผง หลัง JAS ไม่เข้าสู่ธุรกิจมือถือ
สรุปว่า JAS ไม่ยอมจ่ายค่าใบอนุญาต 4G คลื่น 900 MHz ตามกำหนด ซึ่งมีผลดีต่ออุตสาหกรรมโดยรวม กล่าวคือ ไม่มีรายที่ 4 เข้ามาแข่งขันในธุรกิจมือถือ ทำให้ประเด็นที่เคยกังวลว่าจะกดดันให้การเติบโตในระยะยาวของผู้ประกอบการทุกรายลดลงนั้นได้จางหายไป และเชื่อว่าในการประชุมคลื่นความถี่รอบถัดๆ ไป JAS ไม่น่าจะกล้าเข้ามาแข่งขันอีก จึงทำให้นักวิเคราะห์กลุ่ม ICT ของ ASPS กลับมาทบทวนเพิ่มอัตราการเติบโตในระยะยาว (Terminal Growth) ขึ้นจากเดิม 1% (เพราะได้ถูกลดลงไป 1% ในช่วงที่คาดว่า JAS จะเข้ามาในอุตสาหกรรมเป็นรายที่ 4) ซึ่งทำให้ได้ Fair Value ของแต่ละรายเพิ่มขึ้น โดยยังคงสมมติฐานประมาณการกำไร/ขาดทุนที่เดิม ดังนี้
ADVANC(FV@B210) เพิ่มมูลค่าหุ้นขึ้นจากเดิม 12.3% ภายใต้สมมติฐาน Terminal Growth 3%รวมทั้ง INTUCH (FV@B83) ปรับเพิ่มขึ้น 10.6% ตามสัดส่วนการถือหุ้น ADVANC 40.45%)
DTAC(FV@B49) เพิ่มมูลค่าหุ้นขึ้นจากเดิม 22.5% ภายใต้สมมติฐาน Terminal Growth 2.5%
TRUE([email protected]) เพิ่มมูลค่าหุ้นขึ้นจากเดิม 11.8% ภายใต้สมมติฐาน Terminal Growth 2.5%
ส่วน JAS ต้องกลับมามุ่งทำธุรกิจเดิมที่คุ้นเคย แม้จะถูกยึดเงินประกันกว่า 600 ล้านบาท แต่มีข้อดีคือไม่ต้องมีภาระเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายจำนวนสูงๆ นักวิเคราะห์กลุ่ม ICT จึงกลับไปใช้ประมาณการเดิมเน้นธุรกิจอินเตอร์เนตความเร็วสูง ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรประมาณปีละ 3.0 – 4.0 พันล้านบาท พร้อมกลับไปใช้มูลค่าหุ้นเฉพาะธุรกิจเดิมจะอยู่ที่ราว 5 บาท ซึ่งถือว่ามี upside จากราคาตลาดสูง และ แผนการซื้อหุ้นคืนก็กำหนดที่ราว 5 บาท จึงคาดว่าราคาหุ้น JAS มีโอกาสขยับขึ้นในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตามยังไม่รวมความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น กรณีที่ กสทช. เตรียมฟ้องร้องค่าเสียหายจาก JAS เพิ่มเติมในอนาคต หากการประมูลคลื่น 900 Mhz ได้มูลค่าต่ำกว่าที่ JAS เคยทำสถิติไว้ จึงทำให้ยังคงแนะนำขาย สำหรับนักลงทุนระยะยาว
กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสงกรานต์ ผ่านการใช้จ่าย และขึ้นเงินเดือนข้าราชการ
รัฐบาลไทยยังคงเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ผ่านการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย(C) ในช่วงสงกรานต์เดย์ กล่าวคือ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ มาตรการช็อปช่วยชาติ รอบ2 (คล้ายกับช่วงปลายปี 2558) โดยให้นำใบเสร็จจากการกินและท่องเที่ยวมาลดหย่อนภาษี ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และ มาตรการอัดฉีดเงินให้เปล่าก่อนช่วงสงกรานต์ผ่านกลุ่มข้าราชการระดับล่างและกลางที่ไม่มีเงินประจำตำแหน่ง วงเงินรวม 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเท่ากับเป็นการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว –โรงแรม อาทิ ERW CENTEL ตามมาด้วยกลุ่มค้าปลีก อาทิ TNP COM7
ส่วนภาคการค้าระหว่างประเทศ มีสัญญาณที่ดีขึ้น ล่าสุดกระทรวงการคลังเผยยอดส่งออกเบื้องต้น(X) เดือนก.พ. ขยายตัว 10%yoy (ในรูปดอลลาร์) เทียบกับที่ติดลบ 8% ในเดือน ม.ค.สาเหตุการฟื้นตัวมาจากการส่งออกทองคำและน้ำมันปริมาณมาก (โดยหากตัดทองคำและน้ำมัน ส่งออกจะขยายตัว 2%yoy) ทำให้ภาพรวมเชื่อว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยังมาจากภาครัฐเป็นตัวนำ ทั้งการลงทุน(I) ผ่านแผนการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ระบบขนส่ง ถนน สนามบิน) วงเงิน 1.8 ล้านล้านบาท ที่จะดำเนินในปี 2559 -2560 และมาตรการกระตุ้นการบริโภค (C) ผ่านกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ข้าราชการ SMEs และมาตรการทางภาษี จะขับเคลื่อนให้ GDP Growth ปี 2559 จะขยายตัวได้ที่ 3.5%
ราคาน้ำมัน/น้ำตาล ฟื้นตัวในทิศทางเดียวกันหนุน PTTEP, PTT, KSL
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบ และ ราคาน้ำตลาด กล่าวคือ ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เชื่อว่าน่าจะได้รับหนุนจากความกังวลต่อ ปัญหา Over Supply ผ่อนคลาย หลังมีการจัดปประชุมหาเพื่อหารือเพื่อจัดการกำลังผลิตส่วนเกิน ระหว่างผู้ผลิตน้ำมันในกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC (วันที่ 17 เม.ย. นี้ ที่กรุงโดฮา) ขณะที่กำลังการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐ มีแนวโน้มลดลงแล้ว ( สะท้อนจาก ปริมาณการผลิตน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงเหลือ 9.07 ล้านบาร์เรลต่อวัน จาก 9.08 ล้านบาร์เรล ต่อวัน และสูงสุด 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และ ตลาดยังคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์นี้จะออกมาลดดลง
นอกจากนี้ Dollar Index ที่กลับมาแกว่งตัวอ่อนค่า ล่าสุด 95.288 จุด ล้วนเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบโลกฟื้นตัวต่อเนื่อง ล่าสุดราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้านและขึ้นมา ยืนเหนือระดับ 40 เหรียญฯ ล่าสุด (41.68 เหรียญฯต่อบาร์เรล) และ ทิศทางเดียวกับดูไบ (Spot price) ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดที่ 37.13 เหรียญฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 61% จากจุดต่ำสุด 23 เหรียญฯ เมื่อ 20 ม.ค. 2559 ซึ่งถือว่ายังคงหนุนหุ้นน้ำมันทั้ง PTT, PTTEP
เช่นเดียวกับราคาน้ำตาลที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจนล่าสุด 21 มี.ค. 2559 แตะ 16.29 เซ็นต์/ปอนด์ เพิ่ม 6.3% wow และทำระดับสูงสดในรอบ 16 เดือน หลักๆ มาจาก ภาวะภัยแล้งรุนแรง จากปรากฎการณ์ เอลนีโญ ทำให้คาดปริมาณอ้อยของไทยที่จะส่งออกสู่ตลาดปี 2558/2559 ลดลง ราว 9% yoy เหลือ 97 ล้านตันอ้อย หรือทำให้แนวโน้มปริมาณน้ำตาลออกสู่ตลาดลดลงราว 11.5% yoy เหลือ 10.0 ล้านตัน ทำระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี สอดคล้องกับการที่ International Sugar Organization (ISO) ได้คาดการณ์ว่าปริมาณส่วนเกินผลผลิตน้ำตาลโลกในปี 2558/59 ไว้เมื่อเดือนก.พ.59 ว่าจะขาดดุลเป็น 5.02 ล้านตัน ขาดดุลเพิ่มจากประมาณการเดิมที่คาดไว้ 3.53 ล้านตัน (เมื่อเดือน 58) ประกอบกับประเทศบราซิลได้มีการประกาศปรับภาษีน้ำมันเพิ่มขึ้น ผลักดันให้ราคาเอทานอลสูงตาม ส่งผลทำให้มีการนำอ้อยไปผลิตเอทานอลเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดจะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำตาลปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในสถานการณ์นี้ดีต่อ KSL([email protected]) ที่มีสัดส่วนรายได้จากน้ำตาล 70% ของรายได้รวม
ต่างชาติยังซื้อสุทธิในภูมิภาคต่อเนื่องติดต่อกัน 18 วันทำการ
วานนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 18 มีมูลค่าราว 312 ล้านเหรียญ และเป็นการซื้อสุทธิอยู่ 4 ประเทศ คือ ไต้หวันซื้อสุทธิสูงสุดในภูมิภาคราว 157 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 17) รองลงมาคือ เกาหลีใต้ซื้อสุทธิราว 106 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 8) อินโดนีเซียซื้อสุทธิราว 28 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 3) และฟิลิปปินส์ที่ซื้อสุทธิราว 23 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 8) ยกเว้นนไทยที่ต่างชาติสลับมาขายสุทธิเล็กน้อยราว 3 ล้านเหรียญ หรือ 99 ล้านบาท (หลังจากที่ซื้อสุทธิสูงถึง 3.6 พันล้านบาทในวันก่อนหน้า) ตรงข้ามกับนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิราว 613 ล้านบาท
ส่วนทางด้านตราสารหนี้นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิราว 1.2 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิราว 1.9 พันล้านบาท
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
พาสุ ชัยหลีเจริญ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์