- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 March 2016 18:23
- Hits: 1686
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'แกว่งรอข่าวใหม่'
Stock Picks-Mar 2016 : Fundamental : BA, EPG, ERW, GL, PTT
Fundamental Pick -Today: MTLS(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : BJC 19%, BLA 14%, PTT 12%, PTTEP 10%
Technical View ภาพตลาดค่อนมาทางลบ แต่มีสิทธิรีบาวด์ก่อนลงต่ำ
Support Resistance Stop Loss
SET 1370-1360 1390,1400-1410 ค่าลบ
SET50 870-860 895-900, 910 ค่าลบ
Technical Picks - Today KKP, AMATAV, DELTA, TOP, CBG, TKN, KBS, CHG
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปิดขยับขึ้น 2.76 จุดปิดที่ 1382.96 จุด การซื้อและขายกระจายไปในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ยกเว้นกลุ่มสื่อสารที่มีการซื้อมากในช่วงใกล้ปิดตลาด ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับขึ้นดี โดยเฉพาะ JAS และ DTAC นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 3.7 พันล้านบาท รายย่อยขายสุทธิ 3.1 พันล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ขายสุทธิกลุ่มละ 200-300 กว่าล้านบาท
สัปดาห์นี้จับตาผลประชุมกนง. ส่วนใหญ่ (รวมทั้ง DBS) คาดว่าคณะกรรมการกนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ก่อน ในด้านเศรษฐกิจยังซบเซา แต่รัฐบาลก็พยายามเร่งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งกระทรวงคมนาคมคาดว่าปีนี้จะมีโครงการลงทุนไม่น้อยกว่า 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7.9 หมื่นล้านบาท และรัฐบาลกำลังพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมมูลค่า 1.3 แสนล้านบาท ส่วนปัจจัยภายนอกเป็นเรื่อง Fund Flow ซึ่งยังเคลื่อนย้ายเข้ามาเก็งกำไรในตลาดเอเชียที่มีอัตราผลตอบแทนในตลาดเงินที่จูงใจกว่า รวมถึงตลาดทุนที่ได้รับอานิสงค์จากการเติบโตของเศรษฐกิจและกำไรบจ.ที่ดีขึ้น โดยหลักมาจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในช่วง YTD ยังถูกจับตาว่าจะยั่งยืนหรือไม่ ซึ่งก็ขึ้นกับความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันตรึงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ โดยขณะนี้รัสเซียและกาตาร์ (ประธานกลุ่มโอเปค๗ พยายามให้มีการประชุมร่วมกันในวันที่ 17 เม.ย.นี้ที่ประเทศกาตาร์ หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น MTLS
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมค่อนมาทางลบ แต่มีสิทธิรีบาวด์ก่อนลงต่ำ ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1390, 1400-1410 จุด ค่าลบดูไม่ดีเพราะอาจมีระยะทางการลงไปยังแนวรับ 1370-1360, 1350 จุดได้ ส่วน SET50 มีแนวต้าน 895-900, 910-920 จุด ค่าลบดูไม่ดีเช่นกัน แนวรับ 870-860 จุด การเก็งกำไรตามรอบเน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและดัชนี ส่วนการลงทุนระยะยาว แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดีจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัวแรง
สำหรับ การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี และมีโอกาสทำ New High หุ้นเข้ามาใหม่เป็น JMART, KSL ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้น คือ DIF, IRPC, CPN, NPP, HANA, VGI, BEAUTY, SYNEX, TKN, CBG, BA, TNH, CHG
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ ดัชนี DJIA ปิด +0.69% โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,602.30 จุด เพิ่มขึ้น 120.81 จุด โดยตลาดยังคงขานรับมติเฟดในการคงดอกเบี้ยระยะสั้น แต่ปรับลดคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในระยะกลางถึงยาว รวมทั้งปรับลดคาดการณ์จำนวนครั้งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยระบุว่าภาวะเศรษฐกิจและการเงินทั่วโลกยังคงมีความเสี่ยง
- สัญญาน้ำมันดิบอ่อนลง ทั้งนี้สัญญา WTI และ BRENT ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดปรับตัวลง 76 เซนต์ และ 34 เซนต์มาที่ 39.44 และ 41.20 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับ เนื่องจากการขายทำกำไรระหว่างรอดูว่าจะมีการประชุมของ 15 ชาติผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกในวันที่ 17 เม.ย.59 หรือไม่ ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ เปิดเผยว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 1 แท่นเป็น 387 แท่น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 13 สัปดาห์
- อิหร่านเดินหน้าผลิตน้ำมันดิบเพิ่ม โดยหลังจากได้รับยกเลิกการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกได้ตั้งเป้าหมายที่จะผลิตให้ได้ 4 ล้านบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ผลิตราว 2 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่รัสเซียขอให้ประเทศผู้ผลิตรายอื่นตรึงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพื่อพยุงราคาไม่ให้ตกต่ำลงรุนแรง
ผู้ผลิตน้ำมันดิบ 10 อันดับแรกของโลก...อันดับ 1 คือ สหรัฐ (13.7 ล้านบาร์เรล/วัน)
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนเม.ย. ปิด -10.7 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1,254.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนโยกเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงหลังเฟดส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง รวมทั้งนโยบายของ ECB เพิ่มสภาพคล่องทางการเงินเข้าสู่ระบบด้วย
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
+ กลุ่มพลังงาน : Moody's ปรับเพิ่ม rating ของตราสารหนี้ไม่มีหลักประกันของ TOP, PTTGC และ IRPC โดยในส่วนของ TOP ปรับขึ้น 1 notch เป็น Baa1 ส่วนของ PTTGC ปรับขึ้น 1 notch เป็น Baa2 และปรับขึ้นของ IRPC ขึ้น 2 notch เป็น Ba1 สะท้อนการสนับสนุนจากบริษัทแม่ คือ PTT ซึ่งอยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจที่สัมพันธ์กัน รวมทั้ง PTT มีความตั้งใจที่จะช่วยสนับสนุนด้านเงินทุนหมุนเวียนให้กับ IRPC เพื่อยกระดับฐานะการเงินบริษัทให้ดีขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยนี้ได้สะท้อนไปในราคาหุ้นบ้างแล้ว สำหรับหุ้นที่เรายังแนะนำซื้อใน 3 ตัวนี้ คือ PTTGC ให้ราคาพื้นฐาน 70 บาท
กนง.ประชุม 23 มี.ค.นี้ โดยส่วนใหญ่ (รวมถึง DBS) ประเมินกันว่าคณะกรรมการฯน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ก่อน โดยการเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทของธปท.ไม่ให้แข็งค่าเร็วแม้ว่าค่าเงิน US$ จะอ่อนลงแรงในสัปดาห์ก่อน อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าทางการสามารถดูแลค่าเงินบาทได้โดยยังไม่ต้องใช้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยไทยกับต่างประเทศแคบลง ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในความเสี่ยงทั้งจากปัจจัยภายนอกและปัญหาภายในที่พ่วงภัยแล้งเข้ามาด้วย ดังนั้นกนง.จึงอาจสงวนการลดดอกเบี้ยไว้ใช้เมื่อจำเป็นในระยะต่อไป
กลุ่มสื่อสาร : จับตาว่า JAS จะมาจ่ายหรือไม่? วันนี้ (21 มี.ค.) เวลา 16.30 น. กำหนดเส้นตายจ่ายค่าใบอนุญาต 4G ย่าน 900 MHz งวดแรกมูลค่า 8,040 ล้านบาทและแบงค์การรันตี 67,614 ล้านบาทของ JAS ถ้าบริษัทมาจ่ายตามเงื่อนไขทางกสทช.จะออกใบอนุญาตให้และมีผลบังคับใช้ 15 เม.ย.59 เพราะศาลปกครองให้ขยายเวลาเยียวยาลูกค้า 2G ของ ADVANC ไปถึงวันที่ 14 เม.ย.เวลา 24.00 น. แต่ถ้าไม่มาจ่าย ทางกสทช.จะเตรียมเปิดประมูลใหมในอีก 4 เดือนข้างหน้า และ JAS จะถูกริบเงินประกัน 644 ล้านบาท + ปรับค่าเตรียมการประมูล 160 ล้านบาท+ฟ้องทางแพ่งให้รับผิดชอบความเสียหายจากการไม่มาชำระเงิน (เช่น ค่าเสียโอกาสในการใช้คลื่น, ค่าความล่าช้าในการนำเงินประมูลส่งรัฐ เป็นต้น) สำหรับราคาเริ่มประมูลใหม่จะเท่ากับที่ JAS ชนะไปคือ 75,654 ล้านบาท โดยเปิดให้ทุกค่ายร่วมประมูลยกเว้น JAS (ซึ่งรวมถึง TRUE ด้วย) หากไม่มีใครเสนอประมูล จะเว้นวรรคไป 1 ปีจึงจะเปิดประมูลใหม่
+ รัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ 1.3 แสนล้านบาท โดยสำนักงบประมาณได้เตรียม "กระสุนสำรอง" ให้รัฐบาล 1.3 แสนล้านรับมือเศรษฐกิจผันผวน ซึ่งประกอบด้วย 1. การเติมเงินให้ 7 หมื่นหมู่บ้านอีก 3 หมื่นล้านบาท, 2. ลดหย่อนภาษีและคืน VAT สำหรับการซื้อสินค้าโอทอป, 3. โครงการบ้านประชารัฐ ซึ่งจะเข้าพิจารณาในครม.วันที่ 22 มี.ค.นี้ (ในเบื้องต้นทางรัฐบาลมอบหมายให้ธนาคารออมสินกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตั้งวงเงินรวม 4 หมื่นล้านบาท สำหรับปล่อยกู้รายย่อยในโครงการบ้านประชารัฐ โดยผ่อนผันการพิจารณาหนี้สินต่อรายได้ Debt Service Ratio จากภาวะปกติ 30% ขยับเป็น 50%) และ 4. นโยบาย "เงินโอน-แก้จน-คนขยัน" (คือรัฐจะให้เงินกับคนทำงานที่มีรายได้ต่ำกว่า 8 หมี่นบาท/ปี โดยมีอัตราที่ให้เป็นขั้นๆ โดยรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท/ปีจะได้มากสุดที่ 6 พันบาท แต่ถ้าไม่ทำงานไม่มีรายได้จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการนี้ ในเบื้องต้นรัฐบาลคาดว่าจะใช้เงินในโครงการนี้ประมาณ 5.6 หมื่นล้านบาท/ปี จากฐานของคนทำงานที่อยู่ในเงื่อนไข 18.5 ล้านคนหรือ 27.5% ของประชากรไทย)
ITD : เร่งหาเงินลงทุนโครงการทวาย 5 หมื่นล้านบาท หลังรัฐบาลเมียนมาร์ให้ส่งแผนการเงินและแบบพัฒนาโครงการภายในเดือนมี.ค.59 หากบริษัทไม่สามารถหาพันธมิตรมาร่วมลงทุนในโครงการก็มีความเสี่ยงที่จะถูกยึดคืนสัมปทาน ทางด้าน ITD กำลังเร่งหาผู้ร่วมทุน โดยตามกระแสข่าวเล็งดึงพันธมิตรจีนร่วมลงทุนสร้างท่าเรือ-ถนน 4 เลน เชื่อมทวายกับบ้านน้ำพุร้อน
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]