WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'เลือกซื้อ/ถือค่าบวก'
Stock Picks-Mar 2016 : Fundamental : BA, EPG, ERW, GL, PTT
Fundamental Pick -Today: BEM(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : M 49%, BJC 35%, CENTEL 33%, EGCO 22%, BLA 18%, KBANK & SCB 13%, TTA & AMATA & BBL 11%

Technical View ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ มีสิทธิรีบาวด์ก่อนลงต่ำ
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อค่าบวก 1390,1400-1410 ค่าลบ
SET50 ซื้อค่าบวก 895-900, 910 ค่าลบ
Technical Picks - Today TPIPL, SYNEX, BJCHI, GUNKUL, CBG, TKN, LPH, TNH

หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
     ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยปิดขยับขึ้นเล็กน้อย 2.40 จุดที่ 1380.20 จุด โดยหุ้นใหญ่ในกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณชิย์ช่วยพยุงตลาดไว้ นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ ส่วนต่างชาติขายสุทธิ สำหรับพอร์ตบล.และรายย่อยมีการซื้อ/ขายสุทธิกลุ่มละไม่มาก
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงมากในช่วงสั้น ดัชนี Dollar Cash Index ร่วงมาที่ 94.8 ในเช้าวันที่ 18 มี.ค.59 (จาก 96.6 ใน 2 วันที่ 14-15 มี.ค.59) ซึ่งเกิดขึ้นหลังเฟดปรับลดคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็น 2 ครั้งๆละ 0.25% (จากเดิม 4 ครั้งๆละ 0.25%) ส่วนตลาดหุ้น น้ำมัน และทองคำ ปรับขึ้น เพราะนักลงทุนปรับพอร์ตอีกระลอกหลังเฟดปรับกระแสคาดการณ์ดอกเบี้ยสหรัฐ ส่วนในประเทศก็จับตา JAS ว่าจะจ่ายค่าใบอนุญาต 4G ย่าน 900 MHz งวดแรกพร้อมแบงค์การันตีหรือไม่ ซึ่งส่วนนี้มีผลต่อภาพรวมอุตสาหกรรม เพราะถ้ามีรายที่ 4 เข้ามา การแข่งขันก็จะรุนแรงมากขึ้น ทำให้ประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายของ ADVANC & DTAC ที่เราทำไว้จะมี Downside Risk พอสมควร แต่ถ้า JAS ไม่เข้ามาราคา ADVANC จะมี Upside ราว 15%, INTUCH มี Upside 12% และ DTAC มี Upside 4% ด้านค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นก็เป็น Sentiment ลบกับกลุ่มส่งออกในระยะสั้น การลงทุนใหม่จึงเป็นทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัว สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น BEM


วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมพลิกเป็นบวกเล็กๆ โดยสิทธิรีบาวด์ต่อก่อนลงต่ำ ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1390-1400, 1410-1420 จุด ค่าลบดูไม่ดีเพราะอาจมีระยะทางการลงได้อีก ส่วน SET50 มีแนวต้าน 895-900, 910-920 จุด ค่าลบดูไม่ดีเช่นกัน การลงทุนใหม่จึงเน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและดัชนี
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี และมีโอกาสทำ New High หุ้นเข้ามาใหม่เป็น SYNEX, TKN, CBG, BA, TNH ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้น คือ DIF, IRPC, CPN, NPP, HANA, VGI, BEAUTY, CHG, ERW, BCH, INET

 

Market Drivers

ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : ตัวเลขภาคแรงงานยังแข็งแกร่ง ผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่ม 7,000 ราย สู่ 265,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุด 12 มี.ค.59 ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 268,000 ราย ทั้งนี้ตัวเลขนี้ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 54 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2516
สหรัฐ : ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจประจำเดือนก.พ.เพิ่ม 0.1% เป็น 123.2 หลัง -0.2% ในเดือนม.ค.59 แต่การปรับขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ที่ 0.2%
+ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงหลังเฟดส่งสัญญาณไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ย ดัชนี Dollar Cash Index ร่วงมาที่ 94.8 ในเช้าวันที่ 18 มี.ค.59 (จาก 96.6 ใน 2 วันที่ 14-15 มี.ค.59) ซึ่งเกิดขึ้นหลังเฟดปรับลดคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็น 2 ครั้งๆละ 0.25% (จากเดิม 4 ครั้งๆละ 0.25%)
ดัชนี Dollar Cash Index

ที่มา : Aspen

+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปรับขึ้นดี โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด +155.73 จุด ปิดที่ 17,481.49 จุด ปัจจัยหนุน คือ ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น และการที่เจ้าหน้าที่เฟดลดคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ลง ความกังวลเรื่องดอกเบี้ยขึ้นก็ผ่อนคลายลง โดยประเมินกันว่าการปรับขึ้นน่าจะเป็นช่วง 2H59
+ ราคาน้ำมันดิบ : บวกขึ้นต่อ เพราะมีความหวังว่าประเทศผู้ผลิตชั้นนำอย่างน้อย 15 ชาติ (คิดเป็นปริมาณการผลิต 73% ของโลก) จะประชุมกันได้ในวันที่ 17 เม.ย.นี้ รวมทั้งการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐก็เป็นปัจจัยหนุนในช่วงนี้ด้วย โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ส่งมอบเม.ย.เพิ่มขึ้น 1.74 และ 1.21 ดอลลาร์ ปิดที่ 40.20 และ 41.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ ราคาทองคำ : พุ่งขึ้นแรงเกือบ 3% สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.ปิดเพิ่มขึ้น 35.2 ดอลลาร์ หรือ +2.86% แตะที่ระดับ 1,265 ดอลลาร์/ออนซ์ ตอบรับผลประชุมเฟดเมื่อวันที่ 15-16 มี.ค.59 ที่ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังถูกกระทบจากเศรษฐกิจโลกและความผันผวนของตลาดเงิน เฟดจึงไม่เร่งรีบปรับขึ้นดอกเบี้ย

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
กลุ่มส่งออก : Sentiment เป็นลบจากการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น ทั้งนี้ค่าเงินบาทเช้าวันนี้อยู่ที่ 34.74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ จากต้นเดือนมี.ค.ที่ 35.6 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ซึ่งเป็นไปตามกระแสคาดการณ์เรื่องดอกเบี้ยที่โอกาสปรับขึ้นมีน้อยลง และกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดเงินและตลาดทุนของไทย ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาทเป็น Sentiment ลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออกโดยเฉพาะอิเลคทรอนิกส์ในระยะสั้น กลุยทธ์การลงทุนจึงเน้นซื้ออ่อนตัว
การแข็งค่าของเงินบาทอาจทำให้ทางการไทยต้องพิจารณาเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม 23 มี.ค.59 นี้ ซึ่งจากเดิมประเมินว่าโอกาสปรับลงไม่มาก แต่สถานการณ์ในตลาดการเงินขณะนี้ทำให้โอกาสที่จะปรับลดมีมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อลดกระแสเงินทุนที่จะไหลเข้ามาหาอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าในตลาดเงินไทยซึ่งจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้น ส่งผลกระทบทางลบต่อผู้ส่งออกไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงซบเซาจากกำลังซื้อในตลาดโลกที่อ่อนแออยู่แล้ว


กลุ่มสื่อสาร : จับตาว่า JAS จะจ่ายค่าใบอนุญาต 4G ย่าน 900 MHz งวดแรกพร้อมแบงค์การันตีหรือไม่ โดยกำหนดเส้นตายคือ 21 มี.ค.59 (แต่บริษัทเคยระบุว่าจะแจ้งภายใน 18 มี.ค.59) แต่ไม่ว่าจะจ่ายหรือไม่ก็ตาม การแข่งขันเพื่อรักษาและชิงส่วนแบ่งการตลาดระหว่าง 3 ผู้ประกอบการใหญ่ คือ ADVANC, DTAC และ TRUE ก็มากขึ้นนับตั้งแต่ปลายปี 58 เป็นต้นมา ค่าใช้จ่ายดำเนินงานของผู้ประกอบการที่ไม่รวมการตัดจำหน่ายค่าใบอนุญาตก็สูงขึ้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายการตลาด มีผลขาดทุนจากการขายเครื่องในราคาต่ำเพื่อดึงดูดลูกค้า และ ADVANC มีค่าใช้จ่ายในการโรมมิ่ง & เช่าโครงข่ายมากขึ้น


ในกรณีที่ไม่มีผู้ประกอบการมือถือรายที่ 4 คือ JAS เข้ามาในอุตสาหกรรม ทางฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ ADVANC ปี 59 จะลดลง 15% เป็น 3.3 หมื่นล้านบาท (EPS : 11.2 บาท/หุ้น) และกำไรสุทธิ DTAC ลดลง 12% เป็น 5.2 พันล้านบาท (EPS : 2.2 บาท/หุ้น) ณ ราคาปัจจุบันของ ADVANC ที่ 168.50 บาท เทียบกับราคาเป้าหมายที่ 193 บาท จะมี Upside 15% ส่วนราคาหุ้น DTAC ที่ 38.50 บาท เทียบกับราคาพื้นฐานที่ 40 บาท จะมี Upside เหลือไม่มากที่ 4% ด้าน INTUCH เราให้ราคาเป้าหมาย 66 บาท (ประเมินโดยให้ Discount 15% จาก Target NAV) เทียบกับราคาหุ้น 59 บาทจะมี Upside 12%


+ BBL (ราคาปิด 170.50 บาท) : รุกสินเชื่อรายใหญ่ โดยล่าสุดมีกระแสข่าวว่าธนาคารจะปล่อยกู้ร่วมให้ BJC เพื่อเข้าซื้อ BIGC โดยปล่อยเงินกู้เป็นเงินสกุลยูโรเพื่อซื้อหุ้นจากกลุ่มคาสิโน และปล่อยเป็นเงินบาทเพื่อซื้อหุ้นจากกลุ่มคนไทย ทั้งนี้ BBL มีสาขาที่ยุโรปที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ได้ และก่อนหน้านี้มีข่าวว่าทางกลุ่ม JAS ก็ขอกู้และขอแบงค์การันตีจาก BBL เพื่อจ่ายค่าใบอนุญาต 4G ย่าน 900 MHz ด้วย แต่ต้องรอสรุปว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน แนะนำซื้อ BBL โดย DBSV ให้ราคาพื้นฐาน 202 บาท ทั้งนี้คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตจำกัดมาก แต่ P/BV ต่ำเพียง 0.8 เท่า และให้ Dividend Yield ราว 4%

นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!