- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 July 2014 15:26
- Hits: 2822
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“จับตาผลประกอบการ 2Q57 กลุ่มแบงค์”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PF (จาก Fully Valued เป็นซื้อ)
ภาพตลาดวันก่อน : # แรงซื้อต่างชาติดันตลาดขึ้นแรง นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่ออีก 3.7 พันล้านบาท (สถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ซื้อขาย
สุทธิไม่มาก ส่วนรายย่อยขายสุทธิ) ผลักดันให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันพฤหัสฯ ปรับขึ้นแรง 10.09 จุด และปิดที่ 1518.01 ซึ่งเป็นระดับเกือบสูงสุดของวัน
และเป็น New High ในรอบเกือบ 1 ปี กลุ่มที่นำตลาดขึ้น คือ แบงค์ใหญ่, พลังงาน, ที่พักอาศัย, ขนส่ง และท่องเที่ยว เป็นต้น
ปัจจัยและกลยุทธ์ : # ปัจจัยหลักในประเทศสัปดาห์นี้ คือ รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/57 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ส่วนปัจจัยที่ติดตามต่อเนื่อง คือ ความคืบหน้าในการกระตุ้นเศรษฐกิจ & การเดินหน้าแผนปฏิรูปของคสช.ในด้านต่างๆ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าการเปิดประมูลโครงการภาครัฐต่างๆ จะยังไม่เกิดขึ้นเร็ว เพราะทางคสช.ต้องใช้เวลาในการกลั่นกรองและทบทวนโครงการต่างๆ ก่อน ดังนั้นการเปิดประมูล 4G และการเปิดประมูลก่อสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่อาจจะยังไม่เห็นในเดือนก.ค.นี้ (ประมูลรถไฟทางคู่ก็น่าจะเลื่อนออกไปก่อน) อย่างไรก็ตาม ในส่วนของโครงสร้างการปฎิรูปพลังงานประเมินว่าจะเห็นโครงร่างได้ภายในเดือนก.ค.และน่าจะมีข้อสรุปเรื่องคูปองทีวีดิจิตอลในเดือนนี้ด้วย
# ปัจจัยภายนอกที่จับตา คือ สถานการณ์ภาคการเงินของโปรตุเกส & ความเห็นประธาน ECB เรื่องเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของยูโรโซน ทั้งนี้แม้ว่าจะผ่อนคลายลงหลังธนาคารบังโค เอสปิริโต ซานโตยืนยันว่าผลกระทบการผิดนัดชำระหนี้บางส่วนของบริษัทแม่ไม่มีผลกระทบต่อธนาคารมากนักแต่ก็ยังวางใจไม่ได้เสียทีเดียว เพราะค่าเงินยูโรที่ยังอ่อนตัวต่อบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจประเทศชั้นนำ คาดว่าจะอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง-ดี
# กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก การอ่อนตัวต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ 1500 จุด มีแนวเด้ง 1480, 1460-1450 จุด ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1520-1530, 1540-1550 จุด สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น KTB
Fundamental PickKTB แนะนำซื้อราคาปิด 22.0 บาท ราคาเป้าหมาย 30 บาท
# คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 เติบโตแข็งแกร่ง 27%YoY เป็น 8.1 พันล้านบาท เพราะใน 2Q56ธนาคารตั้งสำรองฯสูงมากที่ 4.1 พันล้านบาท แต่คาดว่าจะตั้งสำรองฯน้อยลงเป็น 3.0 พันล้านบาทใน 2Q57 (แต่ยังสูงกว่าใน 1Q57 ที่ตั้งไว้ 1.8 พันล้านบาท) ซึ่งหากมีการตั้งสำรองฯใน2Q57 น้อยกว่าที่ประมาณการไว้ก็จะทำให้กำไรไตรมาสนี้จะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยเมื่อเทียบ QoQ
# สินเชื่อ 5M57 ของ KTB เติบโต 4.7%YTD ซึ่งดีกว่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 1.0%YTD โดยหลักมาจากการขยายตัวของสินเชื่อ Corporate รายได้ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสินเชื่อเติบโตได้ใน2Q57 ค่าใช้จ่ายดำเนินงานคาดว่าจะลดลงเพราะค่าใช้จ่ายพนักงานต่ำลง ขณะที่รายได้รวมเพิ่มขึ้น 12%YoY และ 3%QoQ ยังผลให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมจึงลดลงใน2Q57 โดยคาดว่าจะเป็น 45% จาก 49% ใน 1Q57
# แนะนำซื้อ โดยปัจจัยกระตุ้นสำคัญ คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช่วยหนุนผลประกอบการ2H57 ให้ดีขึ้น และการลงทุนภาครัฐที่ฟื้นตัวและมีแนวโน้มสดใสในระยะยาว ให้ราคาพื้นฐาน30 บาท อิงกับ Gordon Growth Model (ROE 17%, Growth 10% และ Cost of equity 14%)ซึ่งเทียบเท่ากับ P/BV ปี 58 ที่ 1.7 เท่า
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
- โปรตุเกส : กังวลธนาคารบังโค เอสปิริโตเซนตา จะมีปัญหาหนี้เสียจากบริษัทแม่ ...แต่ธนาคายืนยันว่าผลกระทบไม่รุนแรง
# ธนาคารบังโค เอสปิริโต เซนตา ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของโปรตุเกส เปิดเผยว่าได้ลงทุนในวงเงิน 1.18 พันล้านยูโร หรือ 1.6 พันล้านดอลลาร์ในบริษัทต่างๆ ในของกรุ๊ปโป เอสปิริโต ซานโต และอยู่ในระหว่างการประเมินว่าจะขาดทุนหรือไม่ ทั้งนี้มีรายงานว่า 1 ในบริษัทของกรุ๊ปไม่สามารถชำระหนี้ได้บางส่วน
# ธนาคารบังโค เอสปิริโต ซานโต พยายามเรียกคืนความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเงินของธนาคาร ด้วยการระบุว่าหนี้สงสัยจะสูญอันเนื่องมาจากธุรกรรมและความเสี่ยงกับบริษัทแม่ของธนาคารจะไม่ทำให้ธนาคารตกอยู่ในความเสี่ยงจนถึงขั้นว่าจะขาดแคลนเงินทุน
• ยูโรโซน : ติดตามความเห็นประธานธนาคารกลางยุโรปเรื่องนโยบายการเงิน
# วันนี้ติดตามความเห็นของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน โดยเฉพาะกับส่วนของ LTLRO ที่ได้ดำเนินการไปแล้วว่าคืบหน้าไปอย่างไรและจะมีมาตรการกระตุ้นอื่นๆ ออกมาเพิ่มเติมหรือไม่
- สัญญาน้ำมันดิบลดลงแรง หลังคลายวิตกเรื่องอุปทานตึงตัว
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 2.10 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 100.83ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอนลดลง 2.01 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 106.66 ดอลลาร์/บาร์เรล...ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงมาต่ำสุดในรอบ 2-3 เดือน หลังจากคลายความกังวลเรื่องอุปทานลง ทั้งนี้อิรักยังสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ในระดับปกติ ขณะที่ลิเบียกลับมาส่งออกน้ำมันดิบสู่ตลาดโลกเพิ่มขึ้น
+/• สัญญาทองคำ COMEX ปรับขึ้นแรงในวันพฤหัสฯ แล้วอ่อนเล็กน้อยในวันศุกร์
# วันพฤหัสฯ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น14.9 ดอลลาร์ หรือ 1.13% ปิดที่ 1,339.2 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะวิตกสถานการณ์การเงินในโปรตุเกส แต่อ่อนลงเล็กน้อยในวันศุกร์ โดยปรับตัวลง 1.8 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 1,337.4ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
• วันนี้ (14 ก.ค.) มีประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนฯ เพื่อหารือแนวโน้มเศรษฐกิจการส่งออก และการลงทุนใน 2H57
# วันนี้ (14 ก.ค.57) จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน คือ ส.อ.ท., สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เพื่อหารือแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจและแนวโน้มเศรษฐกิจ ส่งออก และการลงทุนครึ่งปีหลัง เพื่อนำไปเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานต่อไป ซึ่งการหารือจะรวมถึงเรื่องผลกระทบกรณีสหรัฐกล่าวถึงไทยเรื่องสถานการณ์ค้ามนุษย์, การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว และแนวทางการสนับสนุน SME อย่างเป็นรูปธรรมด้วย
•/+ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : ทยอยรายงานผลประกอบการ 2Q57 … แนะนำเลือกซื้อ หุ้นTop Picks คือ BBL รองลงมาเป็น KBANKและ KTB
# ธนาคารพาณิชย์ทยอยรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/57 โดยเริ่มจาก TISCO ซึ่งมีกำไรสุทธิลดลง YoY แต่เติบโตได้ 6%QoQ แนวโน้มคาดว่าจะดีขึ้นใน 2H57 และเติบโตแกร่งในปี58 ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ที่มีสินเชื่อราว 60% ของสินเชื่อรวมของธนาคารฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ การตั้งสำรองค่าเผื่อฯ น้อยลงหลังสถานการณ์ธุรกิจและเศรษฐกิจดีขึ้น แนะนำซื้อTISCO ราคาพื้นฐาน 52 บาท (ดูรายละเอียดได้ใน Result snapshot วันนี้) สำหรับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ คาดการณ์ว่าจะมีผลประกอบการไตรมาส 2/57 อยู่ในเกณฑ์ดีแต่ไม่ได้เติบโตสูงมาก อย่างไรก็ตาม แนวโน้มจะดีขึ้นเป็นลำดับนับตั้งแต่ไตรมาส 3/57 เป็นต้นไป เรายังคงให้น้ำหนักการลงทุน Overweight ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หุ้น Top Picks คือ BBL รองลงมาเป็น KBANK และ KTB
+ กลุ่มที่พักอาศัย : แนวโน้มดีขึ้นใน 2H57และเติบโตแกร่งในปี 58...หุ้น Top Picks คือAP, SPALI รองลงมาเป็น PS# ผู้เชี่ยวชาญคาดราคาคอนโดจะปรับขึ้น 2-3% นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหาร บริษัทไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า หลังจากเกิดรัฐประหารในไทยทำให้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่ออสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมที่ราคาขายจะสามารถขยับขึ้นได้เฉลี่ย 2-3% ในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า หลังจากทรงตัวมาประมาณ 6เดือนในช่วงที่มีปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมือง (แต่ราคาก็ไม่ได้ลดลง) แต่ข้อดี คือปริมาณคอนโดใหม่ออกสู่ตลาดน้อยลง ทำให้ไม่มีปัญหา Over supply
# ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์คาดการณ์ว่าสินเชื่อที่พักอาศัยใน 2H57 จะเติบโตในอัตราเร่งตัวขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและการมีงานทำมากขึ้นเมื่อปัญหาการเมืองคลี่คลายลง ในขณะเดียวกันอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ประกอบกับผู้ประกอบการที่พักอาศัยก็เปิดขายโครงการในทำเลต่างๆ เพิ่มขึ้นด้วยอย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ยังคงระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อรายย่อย เนื่องจากภาระหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูง ทั้งนี้สินเชื่อที่พักอาศัย คิดเป็น 12% ของสินเชื่อรวมทั้งระบบ
# เรามีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นกับกลุ่มที่พักอาศัยและให้น้ำหนักลงทุนเป็นOverweight โดยคาดการณ์ว่าผลประกอบการของกลุ่มที่พักอาศัยจะฟื้นตัวขึ้นใน 2H57 และขยายตัวเกณฑ์ดีที่ 10% ต่อในปี 58 ทั้งนี้บริษัทชั้นนำในกลุ่มที่ทาง DBS คาดว่ากำไรปี 58 จะขยายตัวแกร่ง คือ AP (+23%), LPN (+36%), PS (+23%), SPALI (+17%) เป็นต้น ในด้านValuation ยังจูงใจ โดยกลุ่มที่พักอาศัยซื้อขายที่ P/E ปี 57 ประมาณ 11 เท่า และลดลงเป็น 9เท่าในปี 58 อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยปี 57-58 อยู่ที่ 3.5% และ 4% ตามลำดับ หุ้นTop Picks ของเรา คือ AP (ราคาพื้นฐาน 7.70 บาท), SPALI (ราคาพื้นฐาน 28 บาท)รองลงมาเป็น PS (ราคาพื้นฐาน 36 บาท)
+ CIMB ควบรวมกับ RHB และ MBSB ทำให้มีสินทรัพย์ขึ้นมาใหญ่กว่า Maybank …ทางDBS Group Research ปรับเพิ่มคำแนะนำCIMB เป็นซื้อ (เดิมถือ) และคงคำแนะนำซื้อRHB ส่วน MBSB เป็น Not rated
# 3 ธนาคารมาเลเซียควบรวมกิจการกัน มีรายงานแต่ยังไม่มีรายละเอียดและราคาซื้อขายว่า BNM อนุมัติให้มีการเจรจาควบรวม 3 ธนาคาร คือ CIMB, RHB Capital (RHBC) และMalaysia Building Society Bhd (MBSB) โดยทั้ง 3 ธนาคารจะอยู่ในกระบวนการเจรจาต่อรองเรื่องราคา, โครงสร้าง และเงื่อนไขอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการเป็นเวลา 90วัน
# CIMB จะขึ้นมาใหญ่กว่า Maybank การควบรวมกิจการของธนาคาร CIMB กับ อีก 2ธนาคารของมาเลเซีย คือ RHB และ MBSB ทำให้ CIMB จะขึ้นมาเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีสินทรัพย์ขนาดใหญ่กว่า Maybank นับว่าเป็นตามทิศทางการแข่งขันของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC และกระแสโลกาภิวัฒน์ (Globalization) ทั้งนี้ธนาคารใหญ่ 3 อันดับแรกของอาเซียนเป็นธนาคารของสิงคโปร์ คือ DBS Group ,Oversea-Chinese BankingCorp(OCBC) และ United Overseas bank (UOB) ตามมาด้วยธนาคารจากมาเลเซีย คือCIMB (หลังควบรวม) และ Malayan Banking Bhd ( Maybank) สำหรับธนาคารพาณิชย์ของไทย ธนาคารกรุงเทพ (BBL) มีสินทรัพย์มากที่สุดที่ 8 หมื่นล้านเหรียญ แต่ยังเล็กกว่าธนาคารDBS ที่ใหญ่สุดในอาเซียนมาก โดย DBS ซึ่งมีสินทรัพย์เกือบ 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐคิดเป็นประมาณ 5 เท่าของ BBL
# ปรับเพิ่มคำแนะนำ CIMB เป็นซื้อ (เดิมถือ) และคงคำแนะนำซื้อ RHBC นักวิเคราะห์ของ DBS Group Research มองว่าการควบรวมระหว่าง RHBC กับ MBSB นั้นไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เพราะคาดการณ์กันมาก่อนหน้าระยะหนึ่งแล้ว แต่การรวมกิจการกับ CIMB นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ทาง DBS ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำ CIMB เป็นซื้อ (เดิมถือ) ให้ราคาพื้นฐาน RM7.90 – ยังไม่รวมเรื่องการควบรวมกิจการ และคงคำแนะนำซื้อ RHBC โดยปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น RM10.00 โดยอิงกับ P/BV ปี 57 ที่ 1.4 เท่า สำหรับ MBSC เป็น Notrated
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]