- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 15 March 2016 17:53
- Hits: 1430
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
Sideway? คาดตลาดส่วนใหญ่อยู่ระหว่างรอ(1) ผลประชุมBOJ ในวันนี้และ(2) เฟด(เช้าพฤ. ตามเวลาไทย) โดยเฉพาะการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ อย่างไรก็ตามคาดเฟดคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ขณะที่ราคาน้ำมันกลับมีความผันผวนล่าสุดปรับลดลงจากความกังวลภาวะอุปทานส่วนเกินหลังอิหร่านจะเพิ่มกำลังการผลิตให้เท่ากับช่วงก่อนถูกคว่ำบาตรที่4.0 ล้านบาร์เรลซึ่งคาดส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศคาดยังได้รับปัจจัยบวกจากFund Flow ที่ต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องอีกกว่า2,000 ล้านบาทและทำให้YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นเป็นระดับ10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วง 1-14
มี.ค. 59 มีแรงซื้อต่างชาติสูงถึง17,755 ล้านบาทแนะติดตามหุ้นในกลุ่มBig Cap ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติเช่นPTT, SCC, ADVANC, AOT เป็นต้น
นอกจากนี้ยังแนะจับตา(1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม –มีนบุรีวงเงิน110,116 ล้านบาทที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์- ชุมพรวงเงินประมาณ24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และUNIQ
(2) กลุ่มการบินที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกตินอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำและช่วงHigh Season ของการท่องเที่ยวคาดส่งผลดีต่อBA, AAV
(3) กลุ่มพลังงานระยะสั้น PTT และPTTEP จะได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแต่ในระยะยาวราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกิน
(4) หุ้นกลุ่มโรงกลั่นเช่นIRPC, TOP และSPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
(5) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และTPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า1H/59
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศDJIA +15.82, NASDAQ +1.82, S&P -2.55, FTSE +34.78, CAC +13.80 และDAX +159.13
ภายใต้ปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันที่ลดลงขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวังโดยอยู่ระหว่างรอผลประชุมเฟด ซึ่งเริ่มประชุมวันแรกในวันนี้ (15/3/59) และทราบผลเช้าวันพฤ. (17/3/59) ตามเวลาไทยว่า คาดเฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ย ที่สำคัญติดตามการส่งสัญญาณของเฟดว่าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้?
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของธนาคารกลางยุโรป(ECB) ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเพิ่มวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร
ราคาน้ำมันดิบ(NYMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. -US$1.32 อยู่ที่US$ 37.18 ต่อบาร์เรลภายใต้ปัจจัยลบ จากรายงานว่า อิหร่านวางแผนที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมันในระดับเท่ากับช่วงก่อนถูกคว่ำบาตร (4 ล้านบาร์เรล/วัน) รวมทั้งอิหร่านจะไม่เข้าร่วมเจรจากับกลุ่มโอเปกหากยังผลิตน้ำมันได้ไม่ถึง4 ล้านบาร์เรล/วัน
ราคาทองคำ(COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. -US$14.3 อยู่ที่US$ 1,245.1 ต่อออนซ์ ภายใต้ปัจจัยลบจาก เงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่า ขณะที่อยู่ระหว่างผลประชุมของเฟด จะเริ่มขึ้นในวันที่ 15-16/3/59
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.45 1.82 3.34
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 47,849.05
สถาบัน -703.22
บัญชีหลักทรัพย์ -100.67
ต่างประเทศ 2,053.32
ในประเทศ -1,249.42
(6) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และAOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นและเข้าสู่ช่วงHigh season ใน4Q/58 – 1Q/59
(7) กลุ่มค้าปลีกเช่นCPALL ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร3 โครงการวงเงิน93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ10 ปี-0.01 อยู่ที่1.96% (ระดับสูงสุด3.77% เมื่อกพ.’54)
ดัชนี ความเสี่ยง(VIX) +0.42 อยู่ที่16.92
หุ้นแนะนำ: KTC
นักวิเคราะห์: จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788