WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CIMBบล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)



SET...ที่ระดับ 1400+/- ตลาดยังเผชิญแรงขาย
  ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงโดดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค คือดีดตัวขึ้นมาถึง 14.1% ในรูปเงินดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปีถึงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากการแข็งตัวของค่าเงินบาทจากเม็ดเงินไหลเข้า ระดับดัชนีที่ขึ้นมายืนใกล้ๆ 1400 จุด หากผ่านและยืนได้ ยังต้องอาศัยมีปัจจัยหนุน อย่าง ราคาน้ำมัน ปัจจัยหนุนภายในหรือทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคหนุน โดยปัจจัยภายในยังไม่มีอะไรโดดเด่น ส่วนปัจจัยในต่างประเทศในอาทิตย์นี้ยังต้องรอดูผลการประชุม FOMC ในวันที่ 15-16 มี.ค. ว่าทางประธานธนาคารกลางสหรัฐ จะออกมาพูดอย่างไรกับแนวโน้มดอกเบี้ยและเศรษฐกิจ ขณะที่ราคาน้ำมันต้องรอลุ้นการประชุมของกลุ่มในวันที่ 20 มี.ค. ว่าจะเลื่อนหรือไม่
  สถานการณ์รวมๆ ของตลาดในอาทิตย์นี้ ตลาดน่าจะเข้าสู่ภาวะซึมตัว ทั้งจากราคาน้ำมันและทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกหลังรับข่าวการประชุม FOMC ซึ่งคาดกันว่าทาง FED จะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม ส่วนทิศทางน้ำมันใน 1-2 สัปดาห์นี้คาดมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลง แม้จะมีปัจจัยหนุนจาก IEA ที่บอกว่าราคาน้ำมันผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ปัจจัยที่จะทำให้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง มาจากตัวเลขสต๊อกน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น ล่าสุด Goldman Sach ปรับประมาณการณ์ราคาน้ำมันจากกรอบ 20-40 เป็น 25-45 ดอลลาร์ต่อบารเรล์และปรับลดราคาน้ำมันเบรนท์ในปีนี้ลงจากเฉลี่ย 45 เหลือ 39 ดอลลาร์ต่อบารเรล์และมองราคาน้ำมันเบรนท์เฉลี่ยใน Q2/16 อยู่ที่ 35 ดอลลาร์ต่อบารเรล์
  สภาพของตลาดหลังดัชนี SET ขึ้นมาใกล้ 1400 จุด เรามองว่าน่าจะเผชิญแรงขายทำกำไรมากขึ้นจากนักลงทุนในประเทศ หากไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา จากเหตุผล 1. ดัชนีตลาดหุ้นไทยขึ้นมาเล่นใกล้ค่า P/E 14 เท่า 2. เริ่มไม่มีกลุ่มอุตสาหกรรมหนุน ขณะที่ราคาน้ำมันขึ้นได้กรอบจำกัด 3. ค่า Earning revision ratio กลับทรงๆตัว (รูปด้านขวา) สะท้อนแนวโน้มการทำกำไรของตลาดไม่ดีขึ้น ส่วนนักลงทุนต่างประเทศน่าจะยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร จนกว่าผลการดำเนินงาน Q1/16 ของกลุ่มธนาคารทยอยประกาศ
  กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดจะยังมีการซื้อขายคึกคัก ยังคงเป็น พลังงาน สื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ ที่โยงท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ทั้งสร้างบ้านและรับเหมา โดยในกลุ่มหลังเรามองว่าน่าจะกลับมาคึกคักก่อนมีการประชุม กนง. ในวันที่ 23 มี.ค. สัญญาณที่เคยหนุนตลาดในช่วงที่ผ่านมา คือEarning revision ratio ที่ดีดตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายก็กลับซึมตัวลง วันนี้มองดัชนี SET ยังได้แรงหนุนจากการปิดของดัชนีต่างประเทศในวันศุกร์ โดยเปิดขึ้นมาดัชนีน่าจะขึ้นไปแตะ 1400+/- จุด แต่ยังยืนได้ลำบาก หากยืนได้เหนือ 1400 จุด คาดไม่นานจะหลุด โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1400-1405 จุด ส่วนแนวรับที่ 1386-1382 จุด

Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)

Investment Strategy
  กลยุทธ์: สภาพของตลาดหลังดัชนี SET ขึ้นมาใกล้ 1400 จุด เรามองว่าน่าจะเผชิญแรงขายทำกำไรมากขึ้นจากนักลงทุนในประเทศ หากไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา จากเหตุผล 1. ดัชนีตลาดหุ้นไทยขึ้นมาเล่นใกล้ค่า p/E 14 เท่า 2. เริ่มไม่มีกลุ่มอุตสาหกรรมหนุน ขณะที่ราคาน้ำมันขึ้นได้กรอบจำกัด 3. ค่า Earning revision ratio กลับทรงๆตัว สะท้อนแนวโน้มการทำกำไรของตลาดไม่ดีขึ้น ส่วนนักลงทุนต่างประเทศน่าจะยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร จนกว่าผลการดำเนินงาน Q1/16 ของกลุ่มธนาคารทยอยประกาศ กลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดจะยังมีการซื้อขายคึกคัก ยังคงเป็น พลังงาน สื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ ที่โยงท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ทั้งสร้างบ้านและรับเหมา โดยในกลุ่มหลังเรามองว่าน่าจะกลับมาคึกคักก่อนมีการประชุม กนง. ในวันที่ 23 มี.ค. สัญญาณที่เคยหนุนตลาดในช่วงที่ผ่านมา คือ Earning revision ratio ที่ดีดตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายก็กลับซึมตัวลง วันนี้มองดัชนี SET ยังได้แรงหนุนจากการปิดของดัชนีต่างประเทศในวันศุกร์ โดยเปิดขึ้นมาดัชนีน่าจะขึ้นไปแตะ 1400+/- จุด แต่ยังยืนได้ลำบาก หากยืนได้เหนือ 1400 จุด คาดไม่นานจะหลุด โดยวันนี้มองแนวต้านที่ 1400-1405 จุด ส่วนแนวรับที่ 1386-1382 จุด

Themes play :
  KTC EPG SAWAD BEAUTY CENTEL : เราแนะนำ ซื้อ KTC EPG SAWAD BEAUTY และ CENTEL ซึ่งเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีแต่ราคาปรับลดลง (laggard) ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่นักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยรวม 1.58 หมื่นล้านบาท โดยตลาดหุ้น (SET) ปรับตัวขึ้นได้ +4.6% ในขณะที่ EPG -6.8%, BEAUTY -6.5%, SAWAD -4.4%, KTC -3.3% และ CENTEL -3.1% โดยเราคาดว่าหุ้นดังกล่าวจะเริ่มมีราคาฟื้นตัวหลังจากที่หุ้นในกลุ่มหลักอย่างพลังงาน (+7.4%) ธนาคาร (+4.9%) และ ICT (+6.7%) ปรับขึ้นมามากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนจะเริ่มมองหาหุ้นพื้นฐานดีทีราคายังคง laggard หุ้นกลุ่มหลักอยู่ในช่วงนี้ โดยเราให้ราคาเป้าหมาย KTC 120 บาท (upside 48%), EPG ที่ 16.75 บาท (upside 37%), SAWAD 54 บาท (upside 26%), BEAUTY 6.10 บาท (21%) และ CENTEL 44 บาท (upside 9%)

ประเด็นในสัปดาห์
  15 มี.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Retail Sales Advance MoM เดือนก.พ. ออกมา จากเดือนก่อนหน้าที่ +0.2%
  16 มี.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข CPI YoY เดือน ก.พ. โดยตลาดคาด 1.0% จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.4%
  16 มี.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Industrial Production MoM เดือนก.พ. โดยตลาดคาด -0.1% จากเดือนก่อนหน้าที่ +0.9%

Opportunity Day
  14 มี.ค. : CENTEL SPA SENA SVI TVO
  15 มี.ค. : GUNKUL TRC PSTC CNT PT SF EA
  16 มี.ค. : ORI S FIRE BIG CHO DAII TKT
  17 มี.ค. : SINGER ATP30 COLOR PTG PHOL TMILL DSGT
  18 มี.ค. : COL JUBILE TSR AF XO TISCO OISHI
  21 มี.ค. : KBS MEGA SCN WICE TKS DEMCO
  22 มี.ค. : MK PJW MSC SAT CCP SOLAR

Fundamental Stock :
  BANPU : SECTOR NOTE (คำแนะนำ : ขาย ราคาเป้าหมายา 15.60 บาท)
  QH : SECTOR NOTE (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมายา 3.00 บาท)


Technical Pick:
  กลยุทธ์ : SET Index มีแนวต้าน 1397 แนวรับ 1380 จุด
  Carabao Group (CBG TB; THB 38.50) - ซื้อ
  Vibhavadi Medical Center (VIBHA TB; THB 2.40) - ซื้อ

SET Index : ทดสอบแนวต้าน
Retail Research Team

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!