WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

'จับตาผลประชุม ECB'
Stock Picks-Mar 2016 : Fundamental : BA, EPG, ERW, GL, PTT
Fundamental Pick -Today: CK(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : BA 15%, BJC 11%

Technical View ภาพตลาดเป็นบวก แต่ควรระวังการแกว่งลงตามมา
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อค่าบวก 1400,1410-1420 หลุด 1360
SET50 ซื้อค่าบวก 910, 920-930 หลุด 880

Technical Picks - Today SCC, PYLON, TRUE, SPRC, TKN, BTS, RCL, LPH

หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
       ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยมี Performance ดีกว่าคาด โดยปรับขึ้นได้ 16.04 จุดปิดที่ 1390.66 ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ปรับลดลง โดยหุ้นขนาดกลางได้รับความสนใจมากขึ้น หลังจากที่หุ้นขนาดใหญ่ปรับขึ้นนำร่องไปก่อนหน้านี้ เราประเมินว่าน่าจะมาจากการเข้าซื้อเก็งกำไรล่วงหน้าก่อนการประชุม ECB วันที่ 10 มี.ค.นี้ ซึ่งคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นออกมาเพิ่มเติม พอร์ตบล.เป็นกลุ่มที่นำซื้อสุทธิ 1.2 พันล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 470 กว่าล้านบาท ส่วนสถาบันในประเทศและรายย่อยขายสุทธิ


       ในวันนี้ตลาดหุ้นอยู่ใน Sentiment บวกอ่อนๆ โดยมีความหวังว่า ECB จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมวันนี้ (10 มี.ค.59) อย่างไรก็ตาม ถ้าราคาหุ้นปรับขึ้นมากก่อนการประชุม ก็ควรระวัง Sell on fact หลังจบเรื่องนี้ ส่วนในประเทศยังติดตามเรื่องการจ่ายค่าใบอนุญาตงวดแรกและวางแบงค์การันตีธุรกิจ 4G ย่าน 900 MHz ของผู้ชนะประมูล ซึ่งทาง TRUE ให้ความชัดเจนแล้วว่าจะจ่ายแน่นอน แต่ JAS ยังไม่ชัดเจนเพราะรอแบงค์การรันตีจากสถาบันการเงินอยู่ อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นในกลุ่มสื่อสารปรับขึ้นมาแล้วพอควร โดยราคา ADVANC และ DTAC ขึ้นมาใกล้เคียงกับเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานที่ DBSV ให้ไว้แล้ว เราจึงแนะนำให้หาจังหวะขายทำกำไร ส่วน TRUE เราเห็นว่าผลประกอบการยังมีความเสี่ยงต่อการขาดทุนทางบัญชีไปอีกหลายปี ส่วน JAS ก็ยังไม่ชัดเจนในทิศทางธุรกิจ จึงแนะนำชะลอการลงทุนไปก่อน ส่วนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง คาดว่าจะมีปัจจัยกระตุ้นจากการเปิดประมูลงานโครงการภาครัฐที่จะคืบหน้าขึ้นในช่วง 1 เดือนข้างหน้านี้ หุ้นเด่นในเชิงกลยุทธ์เป็น CK, UNIQ หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น CK
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมพลิกเป็นบวก ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1400, 1410-1420 ส่วน SET50 มีแนวต้าน 910, 920-930 สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี และมีโอกาสทำ New High หุ้นเข้ามาใหม่เป็น IRPC, VIBHA, SEAFCO, SPRC, TKN ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้น คือ DIF, LHBANK, GPSC, EFORL, CPNRF, TNH, IFEC

Market Drivers

ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
    สหรัฐ : สต็อกภาคค้าส่งม.ค.เพิ่มขึ้น โดย +0.3% ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะ -0.2% ส่วนสต็อกภาคค้าส่งที่ไม่รวมรถยนต์ +0.1% ทั้งนี้สต็อกสินค้าสหรัฐอยู่ในระดับสูงช่วง 2H58 ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 59 อาจจะมี Downside risk
     การเมืองสหรัฐ : เลือกตั้ง 8 พ.ย.59 ขณะนี้นักธุรกิจกลุ่มเทคโนโลยี เช่น ซีอีโอของบริษัทแอปเปิล, เทสลา, ฮิงเลตต์ แพคการ์ด ฯลฯ รวมทั้งผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล ออกมากล่าวไม่สนับสนุนนายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในนามพรรครีพับลิกันอย่างชัดเจน โดยระบุว่านโยบายของนายทรัมป์ โดยเฉพาะเรื่องการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่มาจากจีนและเม็กซิโก อาจทำให้เศรษฐกิจถดถอย การก่อหนี้และขาดดุลจะเพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นการลงโทษบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐที่กำลังหาโอกาสและความได้เปรียบทางธุรกิจในตลาดต่างประเทศ
     ตลาดน้ำมัน : อาจมีข้อสรุปเรื่องจำกัดปริมาณการผลิตในเดือนมี.ค.นี้ ทั้งนี้ตลาดมีความหวังว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะสามารถบรรลุข้อตกลงจำกัดการผลิตในการประชุมเดือนนี้ โดยสมาชิกของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และรัสเซียจะประชุมกันในวันที่ 20 มี.ค.59
- EIA ประกาศลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบปี 59-60 สำหรับราคาน้ำมันดิบ WTI ปี 59 ลดลงเป็น 34.04 ดอลลาร์/บาร์เรล (เดิม 37.59 ดอลลาร์/บาร์เรล) และปี 60 เป็น 40.09 ดอลลาร์/บาร์เรล (เดิม 50 ดอลลาร์/บาร์เรล) และปรับลดคาการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยปี 59 เป็น 8.67 ล้านบาร์เรล/วัน (เดิม 8.69 ล้านบาร์เรล/วัน) ปรับลดปริมาณการผลิตปี 60 เป็น 8.19 ล้านบาร์เรล/วัน (จาก 8.46 ล้านบาร์เรล/วัน)
สต็อกน้ำมันสหรัฐ : สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่สต็อกเบนซินลดลงเกินคาด โดยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ก่อน (สิ้นสุด 4 มี.ค.59) +3.9 ล้านบาร์เรลเป็น 522 ล้านบาร์เรล ทำ Record high แต่สต็อกน้ำมันเบนซิน -4.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ -1.4 ล้านบาร์เรล
+ สัญญาน้ำมันดิบ : ปรับขึ้นแรง โดยสัญญา WTI ส่งมอบเม.ย.ปิด +1.79 ดอลลาร์ หรือ +4.9% แตะที่ 38.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ปิด +1.42 ดอลลาร์ หรือ +3.6% แตะที่ 41.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดหุ้นสหรัฐ : ดัชนี DJIA ขยับขึ้น 36.26 จุดและปิดในระดับ 17,000 จุด หนุนโดยราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นแข็งแกร่ง การเก็งว่า ECB อาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมวันนี้ (10 มี.ค.59)
- สัญญาทองคำ : ปิดอ่อนลง โดยสัญญาตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.ปิดลดลง 5.5 ดอลลาร์ ที่ 1,257.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยสัญญาลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เพราะการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐทำให้ความน่าสนใจลงทุนในตลาดทองคำน้อยลง ขณะเดียวกันนักลงทุนก็กำลังติดตามผลประชุม ECB ในวันนี้ด้วย

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
     กลุ่มสื่อสาร : ความไม่แน่นอนและการแข่งขันในธุรกิจยังคงมีอยู่ โดยในส่วนของ JAS ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะได้รับแบงค์การันตีจากสถาบันการเงินและจ่ายค่าใบอนุญาต 4G ย่าน 900 MHz งวดแรกหรือไม่ การแข่งขันทั้งเพื่อรักษาและชิงส่วนแบ่งการตลาดระหว่าง 3 ผู้ประกอบการใหญ่ คือ ADVANC, DTAC และ TRUE ก็มากขึ้นนับตั้งแต่ปลายปี 58 เป็นต้นมา ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของผู้ประกอบการที่ไม่รวมการตัดจำหน่ายค่าใบอนุญาตสูงขึ้น มีผลขาดทุนจากการขายเครื่องในราคาต่ำ และ ADVANC มีค่าใช้จ่ายในการโรมมิ่ง & เช่าโครงข่ายมากขึ้น ทาง DBSV คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ ADVANC ปี 59 จะลดลง 19% เป็น 3.2 หมื่นล้านบาท (EPS : 10.7 บาท/หุ้น) และกำไรสุทธิ DTAC ลดลง 12% เป็น 5.2 พันล้านบาท (EPS : 2.2 บาท/หุ้น) ณ ราคาปัจจุบันของ ADVANC และ DTAC ที่ 179.50 บาท และ 41.75 บาท ถือว่าใกล้เคียงกับราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานที่ DBSV ให้ไว้ที่ 185 บาท และ 40 บาทแล้ว ตามลำดับ ในเชิงกลยุทธ์จึงแนะนำให้หาจังหวะขายทำกำไร


สำหรับ TRUE เราไม่ได้วิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน แต่มีมุมมองค่อนไปทางลบกับแนวโน้มผลประกอบการ จากการประเมินในเบื้องต้นว่าบริษัทจะขาดทุนทางบัญชีไปอีกหลายปีจากค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาต 4G ที่สูงกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท/ปี ขณะที่ปี 58 บริษัทมีกำไรสุทธิ 4.4 พันล้านบาท (ราคาพื้นฐานใน IAA Consensus อยู่ที่ 6.6 บาท)


ส่วน JAS เราเห็นว่าการได้มาซึ่งใบอนุญาต 4G ก็ทำให้บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก ในการที่จะทำให้ธุรกิจคุ้มทุนและมีกำไรที่ดีในระยะยาว เพราะผู้ประกอบการ 3 รายหลักมีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมากและมีกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะรักษาฐานลูกค้าเอาไว้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกันอัตราการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยก็อยู่ในจุดอิ่มตัว (โดยคนไทยมีอัตราการถือครองราว 1.25 เครื่องต่อคน คิดบนฐานประชากร 66.5 ล้านคน) ส่วนการไม่ได้มาซึ่งธุรกิจ 4G และทำธุรกิจเดิมก็ต้องถูกกดดันจากการแข่งขันที่มากขึ้น เพราะค่าย ADVANC และ TRUE ก็ประกาศเดินหน้าทำธุรกิจบรอดแบนด์อย่างเข้มข้น ในเชิงกลยุทธ์แนะนำชะลอการลงทุนใน JAS (ราคาพื้นฐานใน IAA Consensus อยู่ที่ 3.2 บาท)


+ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : ราคาหุ้นเริ่มขยับขึ้น (เมื่อ 7 มี.ค.59 เราแนะนำซื้อ UNIQ และ 8 มี.ค.59 ได้แนะนำซื้อหุ้น CK และ STEC) ทั้งนี้เพราะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐมีแนวโน้มดีขึ้นใน 1 เดือนข้างหน้า (หลังเงียบมาราว 2-3 เดือน) โดยมีทั้งโครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 , โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และอื่นๆ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้ ซึ่งโดยปกติแล้วหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะน่าสนใจและคึกคักในช่วงประมูลงานและการชนะงานใหม่ขนาดใหญ่ ณ ราคาปัจจุบัน เรายังคงคำแนะนำซื้อ CK (DBSV ให้ราคาพื้นฐาน 33 บาท มี Upside 34%), และ UNIQ (ราคาพื้นฐาน 22 บาท - IAA Consensus มี Upside 32%) แนะนำถือ STEC (DBSV ให้ราคาพื้นฐาน 22 บาท มี Upside 6%)


STPI (ราคาปิด 13.10 บาท) : บอกเลิกสัญญาโครงการ Transmission Gully Motorway (งานโครงสร้างเหล็กสะพานในนิวซีแลนด์) มูลค่า 34.2 ล้านเหรียญออสเตรเลีย เพราะผู้ว่าจ้างไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขสัญญาและละเมิดสิทธิบริษัท...คาดว่าจะมีผลกระทบไม่มาก เพราะมูลค่างานคิดเป็นเพียง 7% ของทั้งหมดที่มีอยู่ขณะนี้ที่ราว 1.1 หมื่นล้านบาท บริษัทประกาศจ่ายปันผลสำหรับปี 58 เท่ากับ 0.37 บาท/หุ้น ขึ้น XD 21 มี.ค.59 ชำระเงิน 12 พ.ค.59 ยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 15.20 บาท

นักกลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!