- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 10 March 2016 17:30
- Hits: 553
บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
แกว่งขึ้น น่าจะทดสอบ 1,400 อีกครั้ง
KGI คาด SET วันพฤหัสฯ ขึ้นทดสอบระดับจิตวิทยา 1,400 (วานนี้ผิดทาง ตลาดขึ้นแรงนำโดยหุ้นมือถือ) หุ้นน้ำมันอาจกลับมาเด่นหลัง EIA ลดคาดการณ์ปริมาณผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ช่วงปี 2559-2560 ผนวกกับกลุ่มโอเปกประกาศวันประชุมนัดพิเศษ (วันอาทิตย์ที่ 20 มี.ค.) เพื่อหารือการสร้างเสถียรภาพราคาน้ำมัน หนุนน้ำมัน WTi +5.1% ขณะที่ทุนต่างชาติยังเข้าตลาดตามค่าเงินบาทที่เช้านี้แข็งค่าใกล้ระดับสูงสุดรอบ 1 เดือน ทั้งนี้ไฮไลท์อยู่ที่ผลประชุม ECB ค่ำวันนี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ KGI และ consensus ต่างคาดว่า ECB จะยกระดับมาตรการหลายอย่างพร้อมๆ กัน เช่นลดดอกเบี้ยให้ติดลบมากขึ้น เพิ่ม/ยืดเวลามาตรการ QE และอาจมีมาตรการเพิ่มปริมาณเงินสู่ระบบธนาคาร เป็นต้น ทั้งนี้เรามองจิตวิทยาตลาดหุ้นยังดีถึงกลางสัปดาห์หน้า (ประชุม BoJ วันที่ 15 มี.ค. และประชุมเฟด วันที่ 16 มี.ค.)
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งหุ้นเล็ก ASEFA, TMC / หุ้นใหญ่ KTB*
ASEFA (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) 1) รูปแบบราคา Breakout กรอบแนวต้าน Sideway ในลักษณะ 3 เหลี่ยมได้แล้ว ประเมินมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไป 6.2 บาท แนวรับ 5.8 บาท 2) ในเชิงพื้นฐานเราประเมินธุรกิจหลักงานระบบไฟฟ้าเป็นขาขึ้นต่ออีก 2 – 3 ปี เป็นอย่างน้อยตามงานภาครัฐฯ (รถไฟฟ้า, สุวรรณภูมิเฟส 2 ฯลฯ) และงานภาคเอกชน (พลังงานทดแทน, โรงงานอุตสาหกรรมฯ, 4G + Datacenter) ขณะที่ธุรกิจเสริมอย่างงานรื้อถอนโรงไฟฟ้าบางปะกง คาดราคาเหล็กในตลาดโลกและในไทยที่ปรับขึ้นในขณะนี้เป็นบวกต่อมูลค่าการขายเศษเหล็กจากการรื้อถอน (ปีที่แล้วขายไปแล้ว 177 ล้านบาท คาดปีนี้เหลือให้ขายอีก 200 – 250 ล้านบาท) ... วันนี้มี Opportunity day
TMC (เป้าพื้นฐาน 3.0 บาท) 1) รูปแบบราคาดีดตัวที่แนวรับหลัก 2.12 บาท ตามคาด แนะนำ “เก็งกำไร” และพิจารณาที่แนวต้านหลัก 2.30 บาท หากผ่านได้จะเป็นการ Breakout ขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไป 2.6 – 2.8 บาท 2) ปีนี้ Turnaround ได้พันธมิตรใหม่ และขยายการขายเครื่องจักรไปยังธุรกิจ ธีมหลัก i) บริหารจัดการน้ำ ii) กำจัดขยะและโรงไฟฟ้าชีวมวล iii) รับเหมากดเสาเข็ม นอกเหนือจากลูกค้าหลักในกลุ่มยานยนต์ คาดกำไรปีนี้ Turnaround + เตรียมล้างขาดทุนสะสมจ่ายปันผล (คาดจะเอาส่วนเกินทุนมาล้างขาดทุนสะสม)
KTB* (เป้าพื้นฐาน 20.7 บาท) 1) เป็นแบงก์ใหญ่ที่จ่ายปันผลปีละครั้ง และของรอบปี 2558 ยังไม่ประกาศจ่าย คาดประกาศใน 1 – 2 สัปดาห์นี้) คาดจ่าย ±0.9 บาท/หุ้น (Dividend yield 4.9%) 2) วานนี้หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ ฟื้นตัวจากประเด็นเรื่องรัฐบาลการเตรียมใช้มาตรา 44 ปลดล๊อกการประมูลโครงการลงทุนต่างๆ โดยไม่ต้องรอผ่าน EIA (เป็นปัจจัยถ่วง ที่ทำให้การประมูลฯล่าช้า) คาดเป็น Sentiment บวกมาที่ KTB* ที่เป็นแบงก์รัฐฯ (เป็นแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อให้โครงการภาครัฐฯ) 3) รูปแบบแกว่งตัว Sideway up ในกรอบ 18 – 19 บาท (หากผ่าน 19 บาทได้ ประเมินแนวต้านถัดไป ±19.6 บาท)
หุ้นในกระแส
กลุ่มรับเหมาฯ (CK*, STEC*) ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัว จากประเด็นภาครัฐฯเตรียมใช้มาตรา 44 ปลดล๊อก ให้การประมูลฯไม่ต้องรอ EIA แนะนำ “เก็งกำไร” CK* และ STEC*
กลุ่มสื่อสาร (TRUE*, ADVANC*, DTAC*, DIF, JAS*) แนะนำเลือกลงทุนใน JASIF ที่คาดว่าจะปลอดภัยที่สุดในกลุ่มสื่อสารขณะนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนในการมีผู้เล่นรายใหม่ ซึ่งจะได้ข้อสรุปในวันที่ 21 มี.ค. นี้ (เส้นตายการชำระเงินประมูล) นอกจากนี้ JASIF ที่ราคาหุ้นปรับลงแรงก่อนหน้า (กังวลเรื่องการอาจถูกยึดธุรกิจอินเตอร์เนตบรอดแบรนด์ ซึ่งเราประเมินว่ามีความเป็นไปได้ต่ำ เพราะจะมีผลกระทบในวงกว้างต่อนักลงทุนรายย่อยอีกจำนวนมาก) ตอนนี้ Consensus คาดปันผล JASIF เฉลี่ยปีละ ±10% (สูงกว่า DIF ที่ตอนนี้ yield เฉลี่ย <7.5% ต่อปี)
กลุ่มโรงพยาบาล (VIBHA, CHG, BDMS*, BH*) คาดการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเพื่อลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในขณะนี้ จะเป็นการส่งสัญญาณเรื่องเม็ดเงิน Fund flow ที่มีโอกาสไหลเข้าหุ้นในกลุ่มฯ โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางที่มี Valuation ยังไม่แพง + มีอัตราการเติบโตเด่นอย่าง VIBHA แนะนำ “เก็งกำไร”
กลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, SUPER, PSTC, UWC, ASEFA, QTC) คาดเปิดจับสลากโครงการโซลาร์ส่วนราชการได้ในเดือน เม.ย. (เลื่อนมาจากเดือน ธ.ค.) และกำหนด COD เป็นช่วงเดือน ธค.59 (เลื่อนจาก ก.ย.59) โดยที่ประชุม กพช วันที่ 11 มี.ค. จะพิจารณาหลักเกณฑ์ใหม่ (หลังมีการเว้นกฏหมายผังเมือง) คาดเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, SUPER, PSTC, UWC) และตัวที่จะได้อานิสงส์งานระบบไฟฟ้าอย่าง ASEFA และ QTC เป็นต้น
หุ้นมีข่าว
(-) รุมค้านบายพาส EIA (โพสต์ทูเดย์) แม้ฝั่งรัฐบาลจะยืนยันยันว่าทุกโครงการขนาดใหญ่ยังต้องทำอีไอเอหรืออีเอชไอเอเหมือนเดิมทุกประการควบคู่ไปกับการประกวดราคาและหากโครงการดังกล่าวไม่ผ่านการพิจารณาอีไอเอก็ให้ยกเลิกโครงการไปได้ อย่างไรก็ตาม ข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้น อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการประมูลรถไฟรางคู่ 4 สาย อาทิ มาบกะเบา-จิระ, นครปฐม-หัวหิน, ประจวบคีรีขันธุ์-ชุมพร และลพบุรี-ปากน้ำโพ, รถไฟฟ้าสายสีม่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ และมอเตอร์เวย์ บางใหญ่-กาญจนบุรี ทั้งนี้ เราประเมินเหตุการณ์ดังกล่าว จะไม่กระทบต่อภาพระยะยาวของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากยังมีงานประมูลอีกมากรอประมูลอยู่ อาทิ ส่วนต่อขยายสนามบินสุวรรณภูมิ รถไฟฟ้าสายสีส้ม เหลืองและชมพู เป็นต้น ดังนั้น เรายังคงน้ำหนัก “มากกว่าตลาด” ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและเลือก CK* เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มราคาเป้าหมาย 36.50 บาท
(0) Media (TV) – ทีวีดิจิตอล น้ำตาตก (มติชน) จากการประชุมบอร์ด กสทช. นัดพิเศษ มีสี่จากสิบวาระที่ได้รับการอนุมัติ โดยวาระที่เป็นบวกมากที่สุดคือการลดค่าธรรมเนียม USO จาก 2% เหลือ 0.1-2% ของรายได้และไม่มีผลย้อนหลัง ในขณะเดียวที่หกวาระการประชุมไม่ได้รับการอนุมัติ โดยมีข้อสำคัญคือ การเลื่อนการชำระใบอนุญาตงวดที่สามการยืดอายุใบอนุญาต และการที่ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลต้องรับผิดชอบค่า Must Carry จนกว่า MUX จะครอบคลุม 95% ของประเทศ อย่างไรก็ดี มีหลายแหล่งข่าวในวันนี้ระบุว่าใบอนุญาตทีวีดิจิตอลสามารถโอนเปลี่ยนมือได้ ไม่น่าจะเป็นความจริงเนื่องจากเราได้ข้อมูลจาก กสทช. เมื่อวานนี้ว่าสิ่งเดียวที่ผู้ประกอบการทำได้ตอนนี้คือปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทเอง
(+) UV* จับทรัพย์เด่นตั้งกองทรัสต์ ผลตอบแทนสนั่นทุ่ง! ปีแรกจัดให้ 8-8.5% (ข่าวหุ้น) แบงก์กสิกรไทยเปิดจองซื้อกองทรัสต์ Golden Ventures REIT ช่วง 14-18 มี.ค.นี้ เคาะราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วย ชูผลตอบแทนปีแรก 8-8.5% ต่อปี พร้อมเข้าเทรดในตลาดช่วงเดือนเม.ย.นี้
(+) MINT* ปักธงแผนดำเนินงาน 5 ปี กำไรโตเท่าตัว (โพสต์ทูเดย์) MINT ลั่น 5 ปี ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน มีกำไรพอสำหรับลงทุนรวมกว่า 4 หมื่นล้าน นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่การเงินส่วนกลาง บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยว่า บริษัทไม่มีแผนเพิ่มทุนภายใน 5 ปี (2559-2563) แม้ว่าจะตั้งงบลงทุนรวมมากกว่า 4 หมื่นล้านบาท เพราะมีกำไรเติบโตเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 15-20% ต่อปี อัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน (ROIC) มากกว่า 15%
(0) หุ้นใหญ่ BKD เปิดทางต่างชาติถือ (กรุงเทพธุรกิจ) กลุ่ม "รัตนสุวรรณชาติ" ถือหุ้นใหญ่บางกอก เดค-คอน พร้อมลดสัดส่วนเหลือ 50-60% จากสัดส่วนถือหุ้นปัจจุบัน 80% เปิดทางกองทุนต่างประเทศเข้าถือหุ้น หวังสร้างเสถียรภาพราคาหุ้น
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
TVO (เป้าพื้นฐาน 28.5 บาท) ประกาศปันผล 0.9 บาท/หุ้น (Dividend yield 3.8%) มากกว่าที่คาดไว้ที่ 0.8 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 22 มี.ค.
IFEC (เป้าพื้นฐาน 13.4 บาท) แนะนำ “สะสม” หากยืนเหนือ 7.1 บาทได้ มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้าน 9 บาท (Breakout กรอบแนวต้าน Sideway ได้ + MACD bullish divergence) ... เตรียมนำเสนอแผนฟื้นฟูฯ รร ดาราเทวี ต่อศาลล้มละลายกลาง และนัดพิจารณาวันที่ 28 มี.ค.นี้ (จบการ Hair cut หนี้ที่เหลือ) + รอข่าวดีเร็วๆนี้ เรื่องการซื้อธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม
SMT (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 13 บาท ... ไม่รวม Upside จากการประกอบแผงโซลาร์เซลล์) แนะนำ “ซื้อสะสม” สำหรับนักเก็งกำไรสั้น พิจารณาที่แนวต้านสั้น 13.6 บาท หาก Breakout ผ่านได้ แนะ “เก็งกำไร” มีโอกาสทดสอบแนวต้าน ±15.5 บาท ... คาดกำไรไตรมาสแรกไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท
COM7 (เป้าสูงสุด Consensus 7 บาท) ราคาหุ้น Sideway บีบกรอบแคบ ในกรอบแนวรับ 6 บาท แนวต้าน 6.20 บาท หากดีดพ้น 6.20 บาท จะเป็นการ Break ขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 6.85 บาท (Stop loss 5.9 บาท) ... คาดกำไรปีนี้โตเด่นจากอัตรากำไร iPhone ที่เพิ่มขึ้น
VIBHA (เป้า Consensus 2.65 บาท) กรอบแนวรับ – แนวต้าน 2.24 – 2.40 บาท หากดีดพ้นแนวต้าน 2.40 บาทได้ จะเป็นการ Breakout ขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±2.80 บาท ... Valuation ถูกกว่ากลุ่มโรงพยาบาล (PE, EV/EBITDA ต่ำกว่ากลุ่มฯ 10-15%)
VGI* (เป้าสูงสุด Consensus 5.2 บาท) แนะนำ “ซื้อสะสม” แนวรับ 4.40 บาท ... ผลการดำเนินงาน Bottom out
SCC* (เป้าพื้นฐาน 620 บาท) รูปแบบราคาแกว่งตัวในกรอบ Uptrend line channel แนวรับ 455 บาท แนวต้าน 490 บาท โดยมีแนวต้านสั้นที่ 476 บาท (ค่าเฉลี่ย 200 วัน) แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ในกรอบดังกล่าว
TVD (ยังไม่มีเป้า Consensus) สำหรับนักเก็งกำไรสั้นที่เข้าเก็งกำไรตามที่เราแนะนำก่อนหน้า แนะนำ “ขายล๊อกกำไร” (Overbought ระยะสั้น) และอาจพิจารณาซื้อเล่นรอบที่แนวรับ ±1.3 บาท
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
LPH คงคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 7.92 บาท เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มกำไรของ LPH ในปีนี้หลังจากที่ได้คุยกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ทั้งนี้ เราคาดว่า กำไรที่แข็งแกร่งขึ้นของ LPH ใน 2H15 (เมื่อเทียบกับ 1H15) จะเกิดจากการรับรู้รายได้จากศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ซึ่งช่วยบรรเทาผลกระทบจากค่าใช้จ่ายก่อนการเปิดดำเนินการจากการเตรียมทีมแพทย์และพยาบาลมาเป็นเวลาหลายปี เราคาดว่ากำไรของ LPH จะแข็งแกร่งในปีนี้ ผลักดันจาก i) ผลการดำนเนินงานของศูนย์ความเป็นเลิกศทางการแพทย์ และ ii) ส่วนแบ่งกำไรจาก AMARC
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘นัยสั้นที่รับ 1385 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1385 จุด อาจกดราคาลงในกรอบ 1385 - 1369 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1385 จุดได้นั้น อาจสะสมแรงผลักขึ้นในกรอบ 1385 - 1413 จุด
แนวรับวันนี้: 1385/1376/1369 แนวต้านวันนี้: 1398/1405
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]