- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 March 2016 18:29
- Hits: 3711
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'SET ไม่หลุด 1360 ยังมีโอกาสกลับไป 1400+/-'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยปิดลดลง 21.13 จุด ปิดที่ 1374.62 หลังขึ้นไปสูงสุดที่ 1397.75 โดยมีรายการ Big lot หุ้น TRUEมูลค่า 1.5 พันล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 7.5 บาท/หุ้น และ TRUE-F มูลค่า 600 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ย 7.50 บาท/หุ้นเช่นกัน นักลงทุนต่างชาติและรายย่อยซื้อสุทธิ ส่วนสถาบันในประเทศขายสุทธิ ทั้งนี้การร่วงลงของตลาดหุ้นไทย เป็นผลจากแรงขายทำกำไรหลังตลาดปรับขึ้นมาต่อเนื่อง (+14.5% ในระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา) ความไม่แน่นอนในกลุ่มสื่อสาร (ทั้งเรื่องการจ่ายค่าใบอนุญาต 4G ของ JAS และปัญหาซิมดับที่จะกระทบลูกค้า 8 ล้านรายของ ADVANC) ประกอบกับกังวลกับเศรษฐกิจจีนชะลอตัวหลังมีรายงานตัวเลขส่งออกเดือนก.พ.59 ที่ร่วงแรงถึง -25.4%YoYอย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีความหวังว่า ECB จะออกมาตรการเพิ่มเติม เช่น การเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรจากปัจจุบันที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือนเป็น 7-8 หมื่นล้านยูโร/เดือน และใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบเพิ่มขึ้น ซึ่ง ECB จะมีประชุมวันที่ 10 มี.ค.นี้ ส่วนของไทยก็มีกระแสหนุนให้ธปท.ปรับลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เรามองว่าคณะกรรมการกนง.อาจประวิงไว้ก่อนเพื่อนำกระสุนนี้ไปใช้ใน 2H59 เนื่องจากไทยมีความเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้งในปีนี้ สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น STPI
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นลบจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ถ้า SET Index ยังไม่หลุด 1360 ก็มีลุ้นที่จะดีดกลับขึ้นไปใกล้ 1400 หรือสูงกว่าได้ ในระยะสั้นเราให้แนวต้านสำหรับการเด้งกลับไว้ที่ 1390-1400, 1420 ส่วน SET50 มีแนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุด 870 และแนวต้าน 900, 910-920
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี และมีโอกาสทำ New High หุ้นเข้ามาใหม่เป็น CPNRF, TNH, IFEC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้น คือ DIF, LHBANK, GPSC, EFORL, TU
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- จีน : ยอดส่งออกเดือนก.พ.59 ดิ่งแรงถึง -25.4%YoY ขณะที่ยอดนำเข้าลดลงน้อยกว่าที่ -13.8%YoY ยอดเกินดุลการค้า -43.3%YoY สู่ระดับ 2.095 แสนล้านหยวน…ตัวเลขการค้าต่างประเทศที่ย่ำแย่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก ส่วนราคาสินแร่เหล็กที่พุ่งขึ้นแรงจากการเก็งว่าจีนจะใช้เหล็กเพิ่มขึ้นในปี 59 หลังประเทศเพิ่มงบประมาณลงทุนให้มากขึ้นในปีนี้คาดว่าอาจยังไม่ยั่งยืนเนื่องจากอุตสาหกรรมยังอยู่ในภาวะอุปทานล้นเกินและอุปสงค์ยังซบเซา
- ญี่ปุ่น : ความเชื่อมั่นผู้บริโภคก.พ.ลดลงเป็น 40.1 จาก 42.5 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงความไม่เชื่อมั่น ซึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาและผลประกอบการที่อ่อนแอของภาคธุรกิจ
+ ยูโรโซน : เศรษฐกิจยูโรโซนใน 4Q58 ขยายตัว 0.3%QoQ และเติบโต 1.6%YoY โดยการขยายตัวมาจากการลงทุนในเครื่องจักร การก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งส่วนหนึ่งถูกชดเชยด้วยการขาดดุลการค้าสำหรับทั้งปี 58 เศรษฐกิจยูโรโซนเติบโต 1.6% ดีขึ้นจากปี 57 ที่ 0.9%
- สหรัฐ : ยอดอนุมัติสินเชื่อให้ผู้บริโภคเดือนม.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 3.6%ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่มี.ค.56 เพราะผู้บริโภคระวังการใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อบัตรเครดิตม.ค.นั้นติดลบ 1.4% จากที่เคยเพิ่มขึ้น 7.5% ในช่วงพ.ย.-ธ.ค.58 ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่ายอดการใช้บัตรเครดิตเป็นตัวสะท้อนความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐได้เป็นอย่างดี
- ราคาน้ำมันดิบ : ยังต้องระวังความผันผวน สำนักวิจัยโกลแมนด์แซคส์ เตือนว่าการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบที่มากและเร็วในช่วงสั้น ทำให้ราคาน้ำมันจะไม่เสถียรและขึ้นได้อย่างไม่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของนักวิเคราะห์โภคภัณฑ์หลายคน ที่ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบจะยังผันผวนและอุปทานที่ยังคงสูงมากจะต้องใช้เวลาในการสร้างสมดุล อย่างน้อยก็ต้องเป็น 4Q59
- สัญญาน้ำมันดิบ : อ่อนตัวลง โดยสัญญา WTI และ BRENT ส่งมอบเม.ย.ปิด -1.4 ดอลลาร์ และ -1.19 ดอลลาร์ มาที่ 36.5 ดอลลาร์/บาร์เรลและ 39.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับ ปัจจัยฉุดคือ คาดการณ์สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 3 ล้านบาร์เรล หลังจากสถาบันปิโตรเลียม(API) ได้เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐสัปดาห์สิ้นสุด 4 มี.ค. พุ่งขึ้น4.4 ล้านบาร์เรล
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ปิดลดลง โดย ราคาน้ำมันอ่อนตัวเพราะแรงขายทำกำไรและวิตกเศรษฐกิจจีนหลังตัวเลขส่งออกเดือนก.พ.ลดลงมากเกินคาดกดดันหุ้นกลุ่มพลังงานและนำตลาดลง ปิดตลาดดัชนี DJIA อยู่ที่16,964.10 จุด ลดลง 109.85 จุด หรือ -0.64%
- ราคาทองคำ : อ่อนลงเล็กน้อย : สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดลดลง 1.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,262.90 ดอลลาร์/ออนซ์ การซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซา
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
-/• เศรษฐกิจไทย : ธปท.เตรียมปรับลด GDP ปี 59 เป็นเติบโตต่ำกว่า 3.5% หลังเศรษฐกิจโลกผันผวนกระทบภาคส่งออก สถานการณ์ภัยแล้งรุนแรงกว่าคาด และการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า โดยจะมีแถลงการณ์วันที่ 31 มี.ค.นี้
• ธปท.ให้ระวังความผันผวนของ FX จากเงินไหลเข้าระยะสั้น : การแข็งค่าของเงินบาทเป็นผลมาจากการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติระยะสั้นซึ่งมาจากความผันผวนของตลาดการเงินโลก และยังไม่แน่นอน จึงแนะนำให้ผู้ส่งออกและนำเข้าปิดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนแม้ว่าปัจจุบันเอกชนจะซื้อประกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม ทางด้านธปท.ก็จะดูแลอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้กระทบความสามารถในการแข่งขันโดยรักษาระดับกลางๆไว้เมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาค
•/+ สินเชื่อรายย่อยขยายตัวไม่มาก แต่สินเชื่อจำนำเติบโตแข็งแกร่ง :ยอดสินเชื่อรายย่อยของธนาคารพาณิชย์ในปี 59 ยังเติบโตจำกัด เพราะภาระหนี้ครัวเรือนของไทยที่สูงถึง 80% ของ GDP ทำให้การอนุมัติสินเชื่อทำได้น้อยลง เช่นเดียวกันการปฎิเสธสินเชื่อสำหรับที่พักอาศัยต่ำกว่า 3 ล้านบาท/ยูนิตก็มากขึ้น รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้อุปสงค์ที่พักอาศัยอ่อนลงด้วย ทำให้โครงการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ในรอบที่จะสิ้นสุดเม.ย.59นี้ไม่คึกคักมาก
แต่...สินเชื่อรับจำนำยังไปได้ดี และเติบโตได้ต่อเนื่องในปี 59 หลังจากขยายตัวสูงในปี 58 ที่ผ่านมา โดยหลักมาจากการขยายสาขาอย่างAggressive ในด้านความเสี่ยงของธุรกิจก็ต่ำ เพราะปล่อยสินเชื่อต่ำกว่ามูลค่าหลักประกันมาก บริษัทที่โดดเด่น คือ MTLS, SAWAD เป็นต้น
+ MTLS (ราคาปิด 20 บาท, ราคาพื้นฐาน 32 บาท) – กำไรปี 59-60เติบโตสูงต่อเนื่อง สำหรับกำไรสุทธิ 4Q15 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอยู่ที่ 240 ล้านบาท (+64%YoY และ +9%QoQ) ส่วนทั้งปี 2015 รายงานกำไรสุทธิที่ 825 ล้านบาท (+52%YoY) สินเชื่อปี 58 เติบโต 70% ด้าน LoanYield 4Q58 อยู่ท 23% แต่ต้นทุนการเงินลดเหลือ 3.7% จาก 4.5% ใน3Q58 ทำให้ Spread เพิ่มเป็น 19.4% ใน 4Q58 จาก 18.7% ใน 3Q58สำหรับ NPL ratio ยังคงต่ำมากที่ 0.9% ในสิ้นปี 58 บริษัทมีการตั้งสำรองฯ1.0% ของสินเชื่อรวม และมี Coverage ratio สูงถึง 288%
แนวโน้มปี 59 ยังสดใส โดย Key Growth คือ การขยายสาขาอีก 400 แห่ง(สิ้นปี 58 มี 940 แห่ง) และต้นทุนการเงินที่ต่ำลง ทาง DBSV คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 59-60 ของ MTLS จะเติบโต 41% และ 39% ตามลำดับ นับว่าแข็งแกร่งมาก แนะนำซื้อ โดยให้ราคาพื้นฐาน 32 บาท
• ADVANC (ราคาปิด 175.50 บาท, ราคาพื้นฐาน 185 บาท) : ขอทำโรมมิ่งกับ DTAC เพื่อประคองลูกค้า 8 ล้านรายที่คงค้างอยู่ใน 2Gและทางกทค.มีมติไม่เยียวยาหลังผู้ชนะประมูลใบอนุญาต 4G ย่าน 900MHz ชำระเงินงวดแรกพร้อมแบงค์การันตีภายใน 21 มี.ค.นี้ สำหรับINTUCH เราให้ราคาพื้นฐาน 63 บาท โดยมี Discount 15% จาก TargetNAV ของบริษัทที่ 74 บาท
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค –[email protected]