- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 March 2016 18:07
- Hits: 2256
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ผันผวน? คาดมีโอกาสปรับลงตามตลาดต่างประเทศภายใต้ปัจจัยลบจากตัวเลขส่งออกของจีนที่ลดลงต่อเนื่องและคาดตลาดฯบ้านเราสะท้อนไปบ้างแล้ววานนี้จากดัชนีที่ปรับลงแรงทำให้คาดการปรับลดลงในวันนี้อาจเป็นไปในกรอบแคบ
ขณะที่คาดอาจมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงานออกมาตามราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างไรก็ตามแนะติดตามประเด็นการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ซึ่งการตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะมีในการประชุมเดือนนี้
ส่วนทางด้าน Fund Flow ยังเป็นแรงซื้อสุทธิต่างชาติต่อเนื่องล่าสุดอีกกว่า600ล้านบาทและทำให้YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นเป็น7,379 ล้านบาทขณะที่คาดสัญญาณFund Flow ยังดีจาก(1) การประชุมECB (10/3/59) ที่คาดจะมีการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยลง? และ(2) คาดการณ์ในเชิงบวกต่อการประชุมของเฟด(15 – 16/3/59) ว่ายังไม่พิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยแนะติดตามหุ้นในกลุ่มBig Cap ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติเช่นPTT, SCC, ADVANC, AOT เป็นต้น
นอกจากนี้ยังแนะจับตา(1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม –มีนบุรีวงเงิน110,116 ล้านบาทที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์- ชุมพรวงเงินประมาณ24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และUNIQ
(2) กลุ่มการบินที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกตินอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำและช่วงHigh Season ของการท่องเที่ยวคาดส่งผลดีต่อBA, AAV
(3) กลุ่มพลังงานระยะสั้น PTT และPTTEP จะได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแต่ในระยะยาวราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกิน
(4) หุ้นกลุ่มโรงกลั่นเช่นIRPC, TOP และSPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
(5) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และTPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า1H/59
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศDJIA -109.85, NASDAQ -59.43, S&P -22.50, FTSE -55.96, CAC -38.27 และDAX -86.11 ภายใต้ปัจจัยลบ(1) ราคาน้ำมันที่ลดลงส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ภายใต้คาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นอีก และ (2) ความกังวลต่อเศรษฐกิจของจีน หลังล่าสุดเปิดเผยยอดส่งออก –ก.พ. ลดลง20.6%yoy อยู่ที่8.218 แสนล้านหยวน(1.263 แสนล้านUSD) และยอดการนำเข้าลดลง8%yoy อยู่ที่6.123 แสนล้านหยวน
ขณะที่ Moody’s ระบุว่า การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันและการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะเป็นปัจจัยกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่ม G20 ปี’59 ลง 0.3% สู่ระดับ 1.8%
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรปยังอยู่ระหว่างรอการประชุมของธนาคารกลางยุโรป(ECB) ในวันที่ 10 มี.ค.นี้หลังก่อนหน้านี้ประธาน ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมเดือนนี้
ราคาน้ำมันดิบ(NYMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. -US$1.40 อยู่ที่US$ 36.50ต่อบาร์เรลภายใต้ปัจจัยลบจาก(1) ตัวเลขข้อมูลการค้าของจีนที่อ่อนแอข้างต้นและ(2) คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะปรับตัวเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำ(COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. -US$1.1 อยู่ที่US$ 1,262.9ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการขายทำกำไร หลังสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยลบจากตัวเลขการค้าของจีน ที่ส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำเป็นไปอย่างซบเซา
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.15 1.79 3.38
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 69,255.75
สถาบัน -5,503.76
บัญชีหลักทรัพย์ 16.38
ต่างประเทศ 640.85
ในประเทศ 4,846.52
(6) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และAOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นและเข้าสู่ช่วงHigh season ใน4Q/58 – 1Q/59
(7) กลุ่มค้าปลีกเช่นCPALL ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร3 โครงการวงเงิน93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ10 ปี-0.07 อยู่ที่1.83% (ระดับสูงสุด3.77% เมื่อกพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง(VIX) +1.32 อยู่ที่18.67
หุ้นแนะนำ: KTC
นักวิเคราะห์: จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788