- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 March 2016 17:48
- Hits: 516
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
Today's Report : ASEFA, CK, LPH, SAWAD
Our Portfolio Mar 2016 : ARROW, KAMART, MINT, SNC, VIBHA
SET เริ่มปรับตัวลงให้เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ แต่ยังเน้นทยอยตั้งรับ...
กลยุทธ์ : SET เริ่มมีจังหวะปรับตัวลงจริงจังมากขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมาดัชนีขยับบวกขึ้นมาแรงมากแล้ว ขณะที่ปัจจัยหนุนตลาดในรอบล่าสุดส่วนใหญ่ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก ทำให้ FSS คาดว่า SET จะยังอยู่ในช่วงปรับพักตัวลงก่อนสักระยะ ดังนั้นหลังจากแนะนำให้รอจังหวะซื้อใหม่เมื่อตลาดปรับลง ช่วงถัดจากนี้จึงเตรียมเลือกหุ้นทยอยกลับเข้าซื้อได้ แต่ต้องเป็นลักษณะทยอยค่อยๆ ตั้งรับในช่วงลบ
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AGE, AKR, M(buy back)
แนวโน้ม : SET เริ่มมีแรงขายกดดันให้กลับย้อนลงมาเคลื่อนไหวด้านลบลึกพอควรวานนี้ หลังจากตัวเลขส่งออกของจีนออกมาต่ำกว่าคาด ส่งผลให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลงกันค่อนข้างแรงด้วยเช่นกัน ซึ่งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ได้รับแรงกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับความต้องการใช้น้ำมันท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังหดตัว ขณะที่ยังมีคาดการณ์ว่าตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะขยับเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งช่วงก่อนหน้าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ฟื้นตัวขึ้นมาแล้วพอควร จึงทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมากดดันด้วย นอกจากนี้เช้านี้ยังมีแรงกดดันต่อเนื่องจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปในช่วงค่ำ ปิดปรับตัวลดลงกันเกือบ 1% จึงทำให้ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังเปิดทำการเป็นลบต่อเนื่อง ซึ่ง FSS คาดว่าปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวจะกดดัน SET ให้อยู่ในช่วงแกว่งตัวพักฐานในด้านลบต่อเนื่องได้อีก โดยคาดว่านักลงทุนบางส่วนคงยังต้องการรอดูความชัดเจนจากผลประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้(10 มี.ค.) ด้วย หลัง SET ขยับขึ้นรับข่าวในเชิงบวกไปพอควรแล้ว
แนวรับ 1372-1370 , 1365-1354 จุด
แนวต้าน 1378-1382 , 1385-1394 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคแต่เบาบางลง US$76 ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$142.4 ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้เป็นวันแรกในรอบ 3 สัปดาห์ US$106 ล้าน กลุ่ม TIP ยังมีเม็ดเงินไหลเข้ารวมกัน US$38 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าแต่น่าจะเบาบางลง นักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุนเพื่อรอการประชุม ECB, BOJ และ FED และราคาน้ำมันเมื่อคืนนี้ปรับฐานลงราว 4% จากคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันและตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) กลุ่มสื่อสารกดดันตลาดต่อไป ความเสี่ยงของ ADVANC และ DTAC อยู่ที่เมื่อ TRUE และ JAS ชำระค่าไลเซนส์งวดแรกพร้อมแบงก์การันตีตามที่เป็นข่าวในวันที่ 11 มี.ค. และ 18 มี.ค. ตามลำดับ เพราะหมายถึงโอกาสที่จะนำไลเซนส์ 4G ที่ JAS ประมูลได้มาประมูลใหม่ หมดไป ขณะที่ลูกค้าของ ADVANC ที่ยังเหลืออยู่บน 900MHz อีกประมาณ 6-7 ล้านรายยังไม่ได้ย้ายมา ส่วน JAS จะทำ 4G และได้พันธมิตร ยังไม่ชัดเจน ADVANC ใกล้เต็มมูลค่าที่ 188 บาท แนะนำเพียงถือ ส่วน DTAC เกินพื้นฐาน 30 บาท แนะนำขาย และหลีกเลี่ยง JAS และ TRUE
(+) BIG วานนี้มี Big lot ที่ราคาปิด 1.87 บาท จำนวน 94 ล้านหุ้น เป็นมูลค่า 176 ล้านบาท เป็นการซื้อเพิ่มของกลุ่มเธียรกาญจนวงศ์ทำให้ทั้งกลุ่มถือเพิ่มเป็น 69.13% จาก 66.38% และเนื่องจากเป็นการซื้อจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายอื่น จึงไม่กระทบ free float ในตลาด 29.34% (1,035 ล้านหุ้น) การซื้อหุ้นเพิ่มของผู้บริหารสะท้อนความมั่นใจที่มีต่อธุรกิจขายกล้องที่ BIG เป็นผู้เล่นรายใหญ่อยู่แล้ว เรายังคาดกำไรสุทธิปีนี้ +20% Y-Y เป็น 553 ล้านบาท ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท (PE 16 เท่า)
(+) LPH เราปรับกำไรปี 2016-18 เพิ่ม 6-13% จากแนวโน้ม margin ที่ดีขึ้นจากการทยอยเปิดศูนย์แพทย์เฉพาะทาง 9 ด้าน (ตา กระดูก สมอง ทางเดินอาหาร ความงาม หัวใจ เด็ก สูตินรีเวช และทันตกรรม) เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ +68.7% Y-Y ปี 2017 +20% Y-Y ปรับเป้าขึ้นเป็น 8.20 บาทจาก 6.50 บาท (DCF) แนะนำซื้อ
(+) BANPU แม้ราคาถ่านหินจะ US$50.38/ตัน แต่โอกาสในการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์มีน้อยเพราะโครงสร้างต้นทุนเหมืองค่อนข้างต่ำ เราคงกำไรปีนี้ที่ 1.01 พันล้านบาท ฟื้นจากขาดทุน 1.53 พันล้านบาทปีก่อน กำไรของโรงไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้หลังโรงไฟฟ้าหงสา (BANPU ถือ 40%) ผลิตครบทั้ง 1,878MW ตั้งแต่ต้น มี.ค. การขาย IPO ของบมจ.บ้านปูพาวเวอร์ (BPP) ใน 2H16 (ผู้ถือหุ้นได้สิทธิ์ pre-emptive right 12 BANPU : 1 BPP) จะช่วยลดหนี้ ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1,200MW ในจีนจะเริ่มผลิตปลายปีหน้า BANPU มี PBV เพียง 0.7 เท่า เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 24 บาท
(+) SAWAD ผู้บริหารตั้งเป้าสินเชื่อโต 30% Y-Y เปิดสาขาเพิ่ม 400 แห่งเป็น 2,000 แห่ง คาด NPLทรงตัวที่ 3.5% ส่วนธุรกิจบริหารหนี้ ปีนี้จะซื้อหนี้มาเพิ่มอีก 4-5 พันล้านบาท แต่คาดว่าจะยังไม่มีนัยสำคัญในปีนี้ จึงไม่รวมในประมาณการ ส่วนสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ยังไม่เห็นการเติบโตมากนัก การขยายไปเวียดนามยังอยู่ในระหว่างศึกษา เรายังคาดกำไรปีนี้ +32% Y-Y โตน้อยกว่า MTLS ที่คาด +36% Y-Y คงราคาพื้นฐาน SAWAD ที่ 55 บาท และยังชอบ MTLS (ราคาพื้นฐาน 25 บาท) มากกว่า
(+) ASEFA เราปรับกำไรปีนี้ขึ้น 10% เป็นโต 17.8% Y-Y จากกำไรที่ดีกว่าคาดในปีก่อนและมีแนวโน้มดีต่อเนื่องในปีนี้ ประเมินราคาพื้นฐาน 7 บาท ยังคงแนะนำซื้อ
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch