- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 March 2016 17:47
- Hits: 534
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Slow Down
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ยังคงมีความพยายามที่จะขยับขึ้นทดสอบด่าน 1,395-1,400 จุด ผลักดันด้วยกลุ่มพลังงาน /ปิโตรเคมี ตามการไต่ระดับของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก แต่เมื่อตลาดหุ้นเอเชียเผชิญกับแรงขายมากขึ้น ตัวเลขการส่งออกจีนออกมาหดตัวมากกว่าคาด น้ำมันเริ่มย่อตัว กดดันให้ SET INDEX ปิดลบ 21.13 จุด มาอยู่ที่ 1,374.62 จุด มูลค่าการซื้อขาย 69,256 ล้านบาท ทั้งนี้ Big Lot หุ้น TRUE จำนวน 200 ล้านหุ้น ณ ราคา 7.51 บาท หรือ 1,502.50 ล้านบาท
เม็ดเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัว แม้คงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 แต่ลดลงเหลือ 641 ล้านบาท ซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 9,104 ล้านบาท แต่เริ่มทยอยปิดสถานะ Long ด้วยการ Short สุทธิใน SET50 Index Futures จำนวน 4,476 สัญญา
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ครม.อนุมัติแผนก่อสร้างมอเตอร์เวย์ 2 เส้นทางด้วยการใช้งบกลาง ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิมที่ใช้เงินกู้ถึง 1.0 ปี
- ผู้ว่าการ ธปท. เตรียมปรับลดเป้า GDP ปีนี้จะลดลงจากปัจจุบันที่ 3.5% เนื่องจากการลงทุนภาครัฐที่ล่าช้า และความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกต่อภาคการส่งออก
- ความผันผวนในประเด็นต่างๆ ของกลุ่ม ICT
- ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง 3.7% dod มาอยู่ที่ US$36.50/barrel
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองต่อการลงทุนเป็น "กลาง" เป็นวันที่ 8 หลัง SET INDEX เริ่มปรับฐานลงเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ และหลุดแนวรับ 1,380 จุดมาปิดที่ 1,374.62 จุด ตามที่เราประเมินไว้ก่อนหน้าถึงการปรับฐานรอบนี้ แนวสำคัญบริเวณ 1,350-1,360 จุดเริ่มอยู่ในโซนที่น่าสนใจเก็งกำไรอีกระลอก ทั้งนี้ปัจจัยที่จะกดดันให้ SET INDEX ย่อตัวลงสู่แนวดังกล่าวตามความเห็นของเราคือ
- ท่าทีของพอร์ตโบรกเกอร์ เพราะ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิหนาแน่นที่สุด 13,442 ล้านบาท หลังต่างชาติเริ่มชะลอการซื้อสุทธิในตลาดหุ้น และเริ่มทยอยปิดสถานะ Long ใน SET50 Index Futures
- Valuation ของตลาดหุ้นไทย ณ ระดับปัจจุบัน ยังไม่น่าดึงดูดการลงทุนมากนัก เราประเมินว่า ณ ระดับ PER59 ที่ 14x หรือบริเวณ 1,340-1,350 จุด ทำให้มี Upside gain เริ่มน่าสนใจมากขึ้น
- หุ้นหลักในกลุ่ม ICT ยังมีความเปราะบาง และผันผวนไปตามประเด็นข่าวที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการชำระเงินงวดแรกของใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900MHz
- หุ้นหลักในกลุ่มธนาคารจะทำได้เพียงทรงตัว ถึงปรับฐานลง หลังมีโอกาสที่ กนง.จะพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้งในปีนี้ เมื่อธปท.ส่งสัญญาณเศรษฐกิจเริ่มมีความเสี่ยงที่มากขึ้นจากที่ประเมินในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
- ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ทางด้านเทคนิคเริ่มส่งสัญญาณปรับฐาน / ย่อตัวระยะสั้น
ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกต่างรอดูผลการประชุม ECB ในวันพรุ่งนี้ ซึ่ง Bloomberg consensus ให้น้ำหนัก 100% ที่ ECB จะลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจากปัจจุบัน -0.3% โดยโอกาสที่จะลดลงเป็น -0.4% หากเป็นไปตามที่ตลาดคาด ย่อมเกิด Sell on Fact เช่นกัน
ด้วยเหตุและปัจจัยดังกล่าว ทำให้เราประเมินว่า SET INDEX จะแกว่งซึมตัวลงระหว่าง 1,360-1,380 จุด หุ้นหลักเข้าสู่โหมดของการพักฐานรอบสั้น ขณะที่หุ้นขนาดกลาง / กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / กลุ่มขนส่ง มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังปรับฐานลงมาก่อนหน้านี้
กลยุทธ์การลงทุน
เรากลับมาแนะนำให้ "นักลงทุน เริ่มกลับมาเก็งกำไรหุ้นขนาดกลางอีกครั้ง เมื่อหุ้นหลักกลับเข้าสู่ช่วงของการพักฐาน โดยแนว 1,350-1,360 จุด จะเป็นแนวแรกของการเข้าเก็งกำไร"
Speculative Buy: AAV/ CK
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "เก็งกำไร" ได้แก่
1. AAV : ราคาปิด 4.88 บาท ราคาเหมาะสม 6.50 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มสายการบินจะ Outperform ตลาด จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับฐานลง โดยน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวลง -3.6% เมื่อคืนนี้ เหลือ US$36.50/barrel และคาดว่าจะมีโอกาสย่อตัวลงทดสอบแนวรับบริเวณ US$35.00/barrel ในสัปดาห์นี้
b) คาดผลประกอบการ 1Q59 จะฟื้นตัว yoy และ qoq จาก Load Factor ที่เพิ่มขึ้นเป็น 85% จาก 1Q58 ที่ 83% และได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันอากาศยานที่ปรับตัวลง โดยมีการทำ Hedging น้ำมันไว้แล้ว 50% ดังนั้น คาดว่าต้นทุนน้ำมันใน 1Q59 จะลดลงเหลือ US$50.00/barrel เทียบกับ 1Q58 ที่ US$85/barrel
c) ได้อานิสงค์จากปัญหาของสายการบิน NOK จึงเชื่อว่าจะส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการสายการบิน AAV เพิ่มขึ้น เนื่องจาก AAV มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดของ Low Cost Airline ที่ให้บริการเส้นทางภายในประเทศ
d) ทิศทางกำไรปี 2559 คาดว่าจะเติบโตสูง +50-60% yoy และ Valuation ไม่แพง ซื้อขายระดับ PBV2559 ที่ 1.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นสายการบินในภูมิภาคที่ 1.3 เท่า
2. CK : ราคาปิด 23.50 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
a) MBKET ประเมินว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะกลับมา Outperform ตลาด หลังหุ้นกลุ่มหลักเข้าสู่การพักฐาน ส่งผลให้เกิด Sector Rotation เข้าสู่หุ้นที่ Underperform ตลาดในช่วงก่อนหน้า
b) คงมุมมองเชิงบวกต่องานประมูลขนาดใหญ่ในปี 2559 หลังวานนี้ ครม.มีมติอนุมัติเปลี่ยนแหล่งเงินทุนก่อสร้างโครงการ Motorway 2 สาย ได้แก่ บางปะอิน-โคราช วงเงิน 8.4 หมื่นล้านบาท และ บางใหญ่-กาญจนบุรี วงเงิน 5.5 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ให้แหล่งเงินกู้ เป็นใช้เงินงบประมาณแทนเพื่อให้ดำเนินโครงการได้เร็วขึ้น
c) มี Catalyst รออยู่ โดยคาดว่าครม.จะมีการอนุมัติแผนลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลืองในการประชุมสัปดาห์หน้า นอกจากนั้น เชื่อว่าโครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท จะโอกาสเปิดประมูลได้ในเดือน มี.ค.
a) NAV จากการถือหุ้นใน 3 บริษัทลูก ได้แก่ BEM, TTW และ CKP คิดเป็น 20.10 บาทต่อหุ้น CK จึงมี Downside Risk ที่จัด และธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซื้อขายที่เพียง 3 บาทต่อหุ้น เทียบกับ BV งบเดี่ยวของ CK ที่ 13 บาทต่อหุ้น
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 9 ลดลงเหลือ US$76 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$250 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัวในตลาดหุ้น
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 แต่ลดลงต่อเนื่องเป็น 641 ล้านบาท รวม 5 วันทำการ ซื้อสุทธิ 15,000 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 7,379 ล้านบาท
แต่ SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Short สุทธิอีกครั้ง 4,476 สัญญา คาดว่าจะเป็นการปิดสถานะ Long อีกครั้ง เมื่อ SET50 Index ปิดหลุดแนว 900 จุดอีกครั้ง และ S50H16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เพียง 0.22 จุด แม้ว่าจะกว้างขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ Discount เพียง 0.07 จุดก็ตาม ส่งผลให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิยังคงทะลุ 120,000 สัญญา เป็น 122,550 สัญญา
ขณะที่คงการซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ เป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 9,104 ล้านบาท เมื่อราคาพันธบัตรไทยเริ่มทรงตัวอีกครั้ง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ เพียง 0.39bps จากวันก่อนหน้าลดลงมากถึง 5.92bps ปิดที่ 1.896%
Short-Selling วานนี้
เร่งขึ้นเป็น 1,423 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,186 กระจุกตัวที่ PTTEP / ADVANC
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 6 ยังคงเน้นกลุ่มธนาคารและพลังงาน
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 2,303 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,732 ล้านบาท รวม 6 วันทำการ ซื้อสุทธิ 16,446 ล้านบาท โดยเม็ดเงินยังคงเลือกลงทุนใน 2 กลุ่มหลักของตลาดหุ้นไทยคือ กลุ่มธนาคาร และพลังงานต่อเนื่อง สรุปภาพการลงทุนโดยรวมได้ดังต่อไปนี้
1. กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิยังคงถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 1,545 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 952 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 972 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 487 ล้านบาท กลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 149 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 119 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มขนส่ง ขายสุทธิสูงสุด 411 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 131 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
ผลผลิตภาคอุตฯ ของเยอรมันเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด: เดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 3.3% mom และฟื้นตัวจากเดือนธ.ค. -0.3% mom เป็นการฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 3 เดือนและดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ +0.5% mom สะท้อนถึงอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง
ไซปรัสได้ออกจากแผนการช่วยเหลือของอียูแล้ว: หลังขอรับความช่วยเหลือจากอียู และ IMF มาตลอด 3 ปี ด้วยวงเงินช่วยเหลือราว 1.0 หมื่นล้านยูโร โดยไซปรัสได้ออกจากแผนไปตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับการใช้เงินช่วยเหลือเพียง 7.3 พันล้านยูโรเท่านั้น
จีน
ดุลการค้าเดือนก.พ. ยังคงเกินดุลต่อเนื่อง
การส่งออกหดตัว 25.4% yoy ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นการหดตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2552 ทั้งนี้เหตุผลหลักมาจากการปิดทำการที่ยาวนานเนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยการส่งออกไปยังตลาดหลัก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ, แคนาดา, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น และอาเซียนต่างหดตัวมากกว่า 20%
การนำเข้าลดลง 13.8% yoy ในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นการหดตัวเดือนที่ 16
ดุลการค้าเกินดุล US$3.26 หมื่นล้าน
เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี
ไทย
ผู้ว่าการธปท. เตรียมปรับเป้า GDP ปีนี้ลง: ผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า วันที่ 31 มี.ค.นี้ ธปท.จะปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปีนี้ลง โดยคาดว่าจะต่ำกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ 3.5% หลังจากที่เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจต่างประเทศผันผวนมากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งนั้น ประเมินว่าจะรุนแรงกว่าที่คาดไว้ ส่วนกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้กระทรวงการคลัง หามาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อย เพื่อใช้ในอีก 3-4 เดือนข้างหน้านั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ดี สะท้อนว่ารัฐบาลเห็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และทำให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย มองเห็นสถานการณ์ภายนอกน่ากังวล ประกอบกับการลงทุนขนาดใหญ่ ช้ากว่าที่คาด ซึ่งมองว่าบทบาทนโยบายการคลังมีส่วนสำคัญ รวมทั้งดำเนินการให้สอดคล้องกับการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ
ครม.ไฟเขียวใช้งบฯกลางสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช/บางใหญ่-กาญจนบุรีแทนเงินกู้: รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอขอเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษ (มอเตอร์เวย์) สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร วงเงิน 84,600 ล้านบาท และมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร วงเงิน 55,620 ล้านบาท จากเดิมที่ให้ใช้แหล่งเงินกู้มาดำเนินการ เปลี่ยนเป็นใช้งบประมาณมาดำเนินการ สำหรับการให้เอกชนดำเนินงานและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) และพื้นที่ให้บริการจุดพักรถ (Rest Area) โครงการมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี และบางปะอิน-นครราชสีมา ขณะนี้อยู่ระหว่างให้บริษัทที่ปรึกษาศึกษารูปแบบ PPP ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมี.ค.นี้ หลังจากนั้นจะเสนอไปที่คณะกรรมการ PPP ได้ภายในเดือน เม.ย.59
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530