- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 07 March 2016 16:45
- Hits: 516
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: ทยอยขายทำกำไรที่ 1395-1400 แนวต้านถัดไป 1425
SET Index: 1392.90 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องทะลุผ่านแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1383 จุดขึ้นไป พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง ซึ่งเราคาดว่า โครงสร้างของการปรับตัวเพิ่มขึ้น น่าจะมีแนวต้านที่ 1400 และ 1425 จุดเป็นเป้าหมายขายทำกำไร ดังนั้น เราจึงแนะนำให้ใช้เป็นจังหวะขายทำกำไร โดยมีแนวรับสำคัญในระยะสั้นที่ 1383 จุด ถ้าหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1370 และ 1350 จุด
แนวต้าน : 1395 และ 1400
แนวรับ : 1390 และ 1385
JAS = 3.40 / 3.50, PTTEP = 76.00 / 78.00, IRPC = 4.80 / 4.90, PTT = 284 / 288, DTAC = 39.00 / 40.00
TPI Polene (TPIPL TB; THB 2.54) - ซื้อ
แนวต้าน : 2.70 และ 2.78
แนวรับ : 2.54 และ 2.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นไป ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ TPIPL โดยมีแนวรับที่ 2.54 และ 2.50 และมีแนวต้านที่ 2.70 และ 2.78 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.44 ลงไป
Energy Absolute (EA TB; THB 21.10) - ซื้อ
แนวต้าน : 22.00 และ 22.40
แนวรับ : 21.10 และ 21.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น
MACD เคลื่อนไหวออกด้านข้างในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 50
แนะนำซื้อ EA โดยมีแนวรับที่ 21.10 และ 21.00 และมีแนวต้านที่ 22.00 และ 22.40 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 20.50 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET... 3 ตัวแปร
แรงซื้อของต่างชาติที่เข้ามาทั้งภูมิภาค ถือเป็นปัจจัยบวกกับตลาดหุ้นเอเชียในขณะนี้ โดยมีปัจจัยหนุนจากการมองว่าค่าเงินหยวน ราคาน้ำมันเริ่มมีเสถียรภาพ และ FED ขึ้นดอกเบี้ยในครึ่งปีหลัง ประเด็นดังกล่าวยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่หากมองผ่านการสำรวจของ Thomson Reuters พบว่าในประเด็นค่าเงินหยวน เริ่มที่จะมองว่าการอ่อนตัวจะมีไม่มาก คือจะอยู่ที่ประมาณ 2-3% ในปีนี้โดยโพลส์สำรวจล่าสุดคาดอยู่ที่ 6.7 หยวนต่อดอลลาร์ ณ. สิ้น ส.ค.และจะอยู่ที่ 6.6 ในสิ้น มี.ค. การอ่อนตัวลงไม่มากน่าจะส่งผลเชิงลบกับค่าเงินเอเชียไม่มาก
ประเด็นที่ 2 คือ ทิศทางราคาน้ำมัน ในช่วงหลังเริ่มมีมุมมองที่ดีขึ้นหลัง OPEC วางแผนที่จะ Freeze output ที่อาจนำไปสู่การลดกำลังการผลิตในการประชุมกลุ่ม OPEC ในเดือน มิ.ย. แต่ก่อนถึงการประชุมใหญ่ทาง OPEC วางแผนจะเจรจาเรื่อง Freeze output กับรัสเชียอีกครั้งในประมาณวันที่ 20 มี.ค. นี้ กลุ่มที่มองในเชิงบวก ก็มีมุมมองว่าราคาน้ำมันจะขึ้นไปที่ 40 ดอลลาร์ต่อบารเรล์หรือมากกว่า ส่วนกลุ่มที่มองในเชิงลบ มองว่าราคาน้ำมันอาจปรับตัวลงไปต่ำกว่า 30 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ หากการประชุมไม่มีอะไรใหม่ๆ แต่ที่เห็นได้ค่อนข้างชัด คือ มุมมองราคาน้ำมันต่ำกว่า 25 ดอลลาร์ต่อบารเรล์แทบไม่เห็น ส่วนมุมมองของพวกเก็งกำไรหรือ Money Manager ตอนนี้มีการ Net Long Position น้ำมันดิบทั้งเบรนท์และ WTI ในตลาด Future และ Option เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ประเด็นที่ 3 คือ การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ หลังตัวเลขสหรัฐกลับออกมาดีอีกครั้ง ส่งผลให้มีการเก็งกันว่าทาง FED จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งจากเดิมที่ 1 ครั้ง โดยเปอร์เซ็นในการปรับขึ้นตอนนี้อยู่ที่เดือน มิ.ย. 37% และเดือน ธ.ค. 53% แนวโน้มการปรับดอกเบี้ยที่ช้ากว่ากำหนดเดิม ส่งผลให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลกยังพอมีเวลาในการเล่น โดยมีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นของ ECB
หากปัจจัยทั้ง 3 เป็นไปตามคาด คือ เงินหยวนจะไม่อ่อนตัวอย่างรวดเร็ว ราคาน้ำมันเริ่มยืนได้และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ อยู่ในครึ่งปีหลัง เม็ดเงินต่างชาติคงจะยังไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลก อย่างไรก็ตามหากปัจจัยทั้ง 3 ประเด็นนี้ยังไม่นิ่งโดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมัน ตลาดหุ้นเอเชียก็น่าจะกลับมาผันผวนได้อีก ซึ่งประเด็นตรงนี้เรามองว่าน่าจับตาดูการประชุมกลุ่ม OPEC ในเดือนนี้ก่อน นอกจากนั้นแม้จะมีเม็ดเงินไหลเข้า แต่หากโครงสร้างหรือตัวเลขเศรษฐกิจของเรา กลับอ่อนแอ เม็ดเงินอาจจะเข้ามาน้อยหรือขายออก
ดัชนี SET ที่ขึ้นมาใกล้ 1400 จุด หากมองในแง่ความถูกความแพง โดยพิจารณาจากอัตราการทำกำไรในปี 2016 ของหุ้น MSCI Thailand จำนวน 30 บริษัท อยู่ที่ 7.27% ถือว่าไม่ถูกแล้ว โดยมี P/E ที่ 13.5 เท่า นอกนั้นในช่วงสั้นๆนี้ความผันผวนอาจจะเกิดขึ้นมาอีกจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ จีนและยูโร เราจึงมองว่าดัชนีในครึ่งแรกของเดือนจะอ่อนตัวลงมาก่อน แล้วหลังจากนั้นไปลุ้นการประชุม FOMC และการประชุมกลุ่ม OPEC แม้ว่าวันนี้ดัชนีจะเปิดมาในแดนบวกต่อจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ แต่เราคาดว่าจะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราประเมินว่าตลาดน่าจะผันผวนและปิดปรับฐานลงในวันนี้ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1364-1370 และแนวต้านที่ 1390-1400 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,392.94 จุด เพิ่มขึ้น 13.41 จุด (+0.97%) มูลค่าการซื้อขาย 29,363.25 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นบวก หลังตัวงเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ส่งผลให้มีแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานในช่วงเช้า
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย แกว่งบวกในกรอบ หลังช่วงเช้า SET ยังมีแรงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ จากเม็ดเงินของต่างชาติที่เข้ามาต่อเนื่อง รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ขณะที่ตลาดยังไม่มีข่าวลบเข้ามา อย่างไรก็ตามในระยะสั้นเรายังให้ระวังแรงขายทำกำไรบริเวณ 1400 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านทางจิตวิทยา มองแนวรับ 1390-1385 จุด แนวต้าน 1395-1400 จุด
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
TPI Polene (TPIPL TB; THB 2.54) - ซื้อ
Energy Absolute (EA TB; THB 21.10) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]