- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 04 March 2016 16:58
- Hits: 1299
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือต่อ'
Stock Picks-Mar 2016 : Fundamental : BA, EPG, ERW, GL, PTT Dark Horse เป็น DTAC
Fundamental Pick -Today: GL(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : TTA & PTTEP 11%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวก แต่ควรระวังแกว่งจากแรงขายทำกำไร
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อค่าบวก 1390,1400,1430 หลุด 1350
SET50 ซื้อค่าบวก 900,910-920 หลุด 860
Technical Picks - Today SCC, PS, INET, GLOW, GFPT, IRCP, TU, VIBHA
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : BTS (จาก Fully Valued เป็น ถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับขึ้นอีก 14.02 จุด ปิดที่ 1379.33 นำโดยกลุ่มสื่อสาร, ธ.พ.ขนาดใหญ่, วัสดุก่อสร้าง (SCC), ขนส่ง (AOT) นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสูงที่ 5.1 พันล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 1.5 พันล้านบาท
ตัวเลขเศรษกิจสหรัฐออกมาค่อนเข้าง Mixed โดยภาคแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานฟื้นตัวในภาพรายเดือน แต่ภาคผลิตและบริการเดือนก.พ.อ่อนตัวลง ขณะเดียวกันสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ทำ Record high ต่อเนื่องทำให้การปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบจำกัด และตลาดหุ้นโลกอาจแกว่งตัวหลังปรับขึ้นต่อเนื่องมากว่าครึงเดือน (นับตั้งแต่กลางเดือนก.พ.2016) อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของกำไรบจ.ที่แข็งแกร่งถึง 30% ในปี 2016 จากฐานที่ต่ำมากของกำไรกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และขนส่ง ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังมี Upside ราว 7% (บนเป้าหมาย 12 เดือนที่ 1480 จุด) แต่ระหว่างทางน่าจะมีความผันผวนจากปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอนทั้งภายนอกและภายใน กลยุทธ์การลงทุน : เล่นรอบไม่ควรหวัง Gap กำไรมากเพราะตลาดยังไม่ทิ้งผันผวน ส่วนการลงทุนระยะยาวแนะนำให้ทยอยซื้อเป็น Step สำหรับหุ้นพื้นฐานที่เลือกวันนี้เป็น GL
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวก แนวต้านระยะสั้น 1390, 1400, 1430 จุด การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี ต่ำกว่า 1350 จุดควรลดพอร์ตตาม สำหรับ SET50 มีแนวต้านระยะสั้น 900, 910-920 จุด Stop loss ถ้าหลุด 860 จุด
สำหรับหุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี แนะนำซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวกวันนี้เป็น SCC, PS, INET, GLOW, GFPT, IRCP, TU, VIBHA
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- สหรัฐ : ดัชนี PMI ภาคบริการ (ISM) เดือนก.พ.ลดลงเป็น 53.4 จาก 53.5 ในเดือนม.ค.และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ก.พ.2014
+ สหรัฐ : จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์เพิ่ม 6,000 ราย สู่ระดับ 278,000 ราย (สิ้นสุด 27 ก.พ.) ตัวเลขยังต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 52 ติดต่อกัน
+ สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2015 และพลิกฟื้นขึ้นหลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 2 เดือน
ตลาดหุ้นสหรัฐขยับขึ้นต่อ ดัชนีดาวโจนส์ปิด +44.58 จุดที่ 16,943.90 จุด เป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังขยายตัวแกร่ง ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 เดือน และภาคแรงงานยังคงฟื้นตัวดี อย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.พ.ที่อ่อนตัวลงทำให้ช่วงบวกของตลาดค่อนข้างจำกัด วันนี้ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะจ้างงานเพิ่มขึ้น 1.9 แสนตำแหน่ง (เดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 1.51 แสนตำแหน่ง) และคาดอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 4.9%
สัญญาน้ำมันดิบแกว่งแคบ โดยสัญญา WTI และ BRENT ส่งมอบเม.ย.2016 ปิด -0.09 ดอลลาร์ และ +0.14 ดอลลาร์ ที่ 34.57 และ 37.07 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับ โดยตลาดยังมีความหวังว่าประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่จะร่วมมือกันตรึงปริมาณการผลิต อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันปรับขึ้นจำกัดเพราะสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐทำ Record high ต่อเนื่อง
+ ราคาทองคำพุ่งขึ้นแรง โดยสัญญาตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.เพิ่มขึ้น 16.4 ดอลลาร์ปิดที่ 1,258.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
Equity Strategy…ปรับเป้าหมาย SET 12 เดือนข้างหน้าเป็น 1480 จุด ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ได้ปรับตัวเลขกำไรปี 2015 และประมาณการกำไรสุทธิปี 2016F ของตลาดหุ้นไทยหลังจบรายงานผลประกอบการปี 2015 แล้ว พบว่ากำไรสุทธิปี 2015 ของตลาดหุ้นไทย -6% (ต่อเนื่องจากปี 2014 ที่ -11%) ส่วนประมาณการกำไรสุทธิปี 2016F จะเติบโตก้าวกระโดดเท่ากับ +30% เนื่องจากฐานที่ต่ำมากของกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และขนส่ง ซึ่งดีกว่าคาดการณ์เดิมที่เราทำไว้.... แต่ถ้าไม่รวมกลุ่มโภคภัณฑ์พบว่า คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2016F จะขยายตัวที่ +9% ใกล้เคียงกับที่เคยประมาณการไว้ ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ปรับ SET Index Target ของปี 2016F เป็น 1480 จุด ซึ่งเทียบเท่ากับ P/E ปี 2016 ที่ 16.4 เท่า (Mean+1SD)
กลยุทธ์การลงทุน : เน้นหุ้นคุณภาพ เลือกหุ้นที่ยังเติบโตได้ดี/หรือหุ้นที่ธุรกิจมั่นคง สายป่านยาว กระแสเงินสดและฐานะการเงินแข็งแกร่ง ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์และบริหารงานโปร่งใส มีการจ่ายปันผลอย่างเหมาะสม หลักทรัพย์ Top Picks เดือนมี.ค.16 คือ BA, EPG, ERW, GL และ PTT ส่วน Dark Horse เป็น DTAC
***ดูรายละเอียดเพิ่มในรายงาน Wealth Perspective Equity***
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.อยู่ที่ 74.7 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เพราะกังวลกับสถานการณ์ภัยแล้ง การส่งออกยังซบเซามากและมีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวช้าเพราะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก สภาพัฒน์ฯมีการปรับลดคาดการณ์ GDP Growth ปี 2016 ของไทยลงเป็น 2.8-3.8% (จากเดิม 3-4%) ปัจจัยภายนอกผันผวน ทั้งในตลาดการเงินและราคาน้ำมันดิบ
ที่มา : ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจม.หอการค้าไทย
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เรามีมุมองที่เป็น Neutral กับการอุปโภคบริโภคของไทย โดยคาดว่าผลประกอบการของธุรกิจที่เกี่ยวกับ Domestic demand จะขยายตัวได้จำกัดเป็นเลขหลักเดียวในปีนี้ เช่นเดียวกันกับกลุ่มธ.พ.ที่เราประเมินว่ากำไรสุทธิจะเติบโตเพียง 4% เพราะสินเชื่อขยายตัวไม่มากและต้องตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงต่อในยามเศรษฐกิจซบเซายาวนาน มาตรการกระตุ้นของรัฐบาลทั้งเรื่องการให้เงินอุดหนุนท้องถิ่นและมาตรการด้านภาษีคาดว่าจะช่วยหนุนให้เกิดจากจับจ่ายใช้สอยได้ แต่ไม่มาก เพราะมีข้อจำกัดเรื่องภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและ การมีงานทำที่น้อยลง
ผู้ประกอบการธุรกิจส่วนใหญ่เร่งปรับปรุงประสิทธิภาพ ลดต้นทุนในช่วงที่รายได้เติบโตได้น้อย เพื่อให้มีกระแสเงินสดที่ดีและกำไรสุทธิยังอยู่ในเกณฑ์สูงได้ ซึ่งเชื่อว่าบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วนใหญ่จะมีศักยภาพที่จะทำได้ ทีมวิเคราะห์ของ DBSV คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของบจ.ที่ไม่รวมกลุ่มโภคภัณฑ์จะเติบโต 9% ในปี 2016 โดยในส่วนของรายได้คาดว่าเพิ่มเล็กน้อย แต่เสริมด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพและควบคุมค่าใช้จ่าย รวมทั้งธุรกิจค้าปลีกและไฟแนนซ์มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ปีนี้คาดว่าจะค่อนข้างเงียบ ยอดขาย Presales ไม่เปรี้ยงปร้างแต่ก็ไม่ถึงกับย่ำแย่มาก ข้อดีคือ ผู้ประกอบการปรับตัวด้วยการลดการเปิดขายโครงการใหม่ เพื่อไม่ให้มีปัญหา Oversupply และฐานะการเงินของผู้ประกอบการในตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่แข็งแรง และยังคงจ่ายปันผลได้สูง
ส่วนกลุ่มสื่อสาร กำลังติดตามว่า JAS จะเข้ามาเป็นผู้เล่นรายที่ 4 ในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือไม่ ซึ่งหากไม่เข้ามา (เส้นตายการจ่ายค่าใบอนุญาตงวดแรกพร้อมแบงค์การันตี 21 มี.ค.นี้) ก็จะทำให้การแข่งขันในธุรกิจไม่รุนแรงมาก แต่อาจต้องระวังเรื่องราคาหุ้น ถ้าปรับขึ้นมารอล่วงหน้ามากแล้ว ก็อาจจะมี Sell on fact ตามมาได้
หุ้นเด่นในกลุ่มที่อิงอุปสงค์และมีรายได้หลักอยู่ในประเทศ ได้แก่ KBANK, MTLS, ADVANC, INTUCH, DTAC, CPN, TMT เป็นต้น
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]