WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBS copyบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

"เลือกซื้อเก็งกำไร/ถือต่อ"
Stock Picks-Mar 2016 : Fundamental : BA, EPG, ERW, GL, PTT Dark Horse เป็น DTAC
Fundamental Pick -Today: DTAC(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : GUNKUL 13%

Technical View ภาพตลาดเป็นบวก แต่ควรระวังแกว่งจากแรงขายทำกำไร
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อค่าบวก 1370-1380 หลุด 1340
SET50 ซื้อค่าบวก 890-900 หลุด 850
Technical Picks - Today KBANK, TTCL, BJCHI, SPRC, CBG, GFPT, RS, CENTEL

หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
      ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวานนี้พุ่งขึ้นต่อ 18.36 จุดปิดที่ 1365.31 โดย Fund flow และการเพิ่มพอร์ตหุ้นของกลุ่มนักลงทุนสถาบันหนุนหุ้น Big Cap ให้ปรับขึ้นต่อโดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ สื่อสาร พลังงานบางตัว (เช่น PTT, PTTEP) สนามบินและสายการบิน นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศซื้อสุทธิกลุ่มละ 3.5-3.6 พันล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ 650 กว่าล้านบาท รายย่อยเป็นกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิ 7.7 พันล้านบาท
      บรรยากาศการลงทุนยังเป็นบวกแต่อ่อนลงจากเมื่อวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีการขายทำกำไรในหุ้นที่ปรับขึ้นต่อเนื่องมาหลายวัน ขณะเดียวกันการปรับขึ้นของราคาน้ำมันที่จำกัดเพราะสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทำให้ราคาหุ้นพลังงานอาจแกว่งตัว สำหรับการเปิดเผยรายงาน Beige Book ของเฟดก็ระบุถึงตัวเลขเศรษฐกิจบางภาคส่วนที่แตกต่าง แม้ว่าโดยรวมจะขยายตัวได้ในระดับปานกลาง ทำให้เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนมองว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.นี้ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ส่วนปัจจัยภายในประเทศเป็นการเลือกซื้อรายบริษัท ปัจจัยจับตา คือ การจ่ายค่าใบอนุญาตของผู้ชนะประมูล 4G ซึ่งคาดว่ากลุ่ม TRUE จะจ่ายแน่นอน แต่ JAS ยังไม่ชัดเจน จึงมีการเข้าซื้อเก็งกำไรเพราะมองว่าถ้า JAS ไม่เข้ามาเป็นผู้ประกอบการรายที่ 4 การแข่งขันก็จะไม่รุนแรงมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ ADVANC และ DTAC ได้เข้าประมูลใบอนุญาตในอนาคต กลยุทธ์การลงทุน : เล่นรอบไม่ควรหวัง Gap กำไรมากเพราะตลาดยังไม่ทิ้งผันผวน ส่วนการลงทุนระยะยาวแนะนำให้ทยอยซื้อเป็น Step สำหรับหุ้นพื้นฐานที่เลือกวันนี้เป็น DTAC

วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวก แนวต้านระยะสั้น 1370-1380, 1400 จุด การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี ต่ำกว่า 1340 จุดควรลดพอร์ตตาม สำหรับ SET50 มีแนวต้านระยะสั้น 890-900, 920 จุด Stop loss ถ้าหลุด 850 จุด

Market Drivers

ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : ADP รายงานภาคเอกชนจ้างงานเพิ่มขึ้น 214,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.2016 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 190,000 ตำแหน่ง จับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ที่จะออกมาวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง (จาก 151,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.) และอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 4.9%
สหรัฐ : ตัวเลขเศรษฐกิจค่อนข้าง Mixed คาดเฟดยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.นี้ เฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ว่ากิจกรรมทางเศรษบกิจสหรัฐยังขยายตัวได้ในเดือนม.ค.ถึงปลายก.พ. โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่สูงขึ้น แต่ราคาน้ำมันที่ลดลงและดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้บางภาคส่วนปรับตัวแตกต่างกัน ธุรกิจโดยรวมปรับขึ้นในระดับปานกลาง ภาคการผลิตได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และกดดันการส่งออกสหรัฐด้วย นอกเหนือจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรปและจีน บรรดาเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินคาดว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในวันที่ 15-16 มี.ค.นี้
ยูโรโซน : เงินเฟ้อด้านต้นทุนยังต่ำมาก...หวัง ECB มีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม สำนักงานสถิติเผยดัชนี PPI ภาคอุตสาหกรรมทั้งของยูโรโซน และ EU ร่วงลง 1%MoM และติดลบ 2.9%YoY ในม.ค.2016 ต่อเนื่องจากเดือนธ.ค.2015 ที่ลดลง 0.8%MoM ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของราคาพลังงงาน นับว่าเงินเฟ้อภาคต้นทุนของประเทศในสหภาพยุโรปโดยรวมยังต่ำมาก ทำให้ตลาดคาดหวังว่าในการประชุมคณะกรรมการโนบายการเงินยุโรปในวันที่ 10 มี.ค.นี้ ทาง ECB น่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นต่อ...สหรัฐผลิตน้ำมันลดลง & ซาอุฯปรับขึ้นราคาส่งออกน้ำมันไปเอเซียและยุโรป สัญญาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ส่งมอบเม.ย.ปิด +0.26 และ 0.12 ดอลลาร์ปิดที่ 34.66 และ 36.93 ดอลลาร์/บาร์เรล หนุนโดยรายงานที่ว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ก่อนลดลง 25,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.077 ล้านบาร์เรล และซาอุฯปรับเพิ่มราคาน้ำมันส่งออกไปยังประเทศเอเซียและยุโรป ซึ่งเป็นสัญญาณบวกเพราะตลาดเอเชียเป็นตลาดใหญ่ที่สุดสำหรับประเทศผู้ผลิตในอ่าวอาหรับ
แต่แรงบวกของราคาน้ำมันจำกัด เนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ยังสูงมาก ล่าสุด IEA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 10.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 518 ล้านบาร์เรล สูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.6 ล้านบาร์เรล และก่อนหน้านี้ API ได้เปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 9.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน จากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.6 ล้านบาร์เรล
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นเล็กน้อย โดยดัชนี DJIA ปรับขึ้น 34.24 จุดที่ 16,899.32 จุด โดยได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งกว่าคาด และราคาน้ำมันดิบยังขยับขึ้นได้ต่อหลังมีรายงานว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐอ่อนลง โดยหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร บวกนำตลาด
+ ราคาทองคำพุ่งต่อ สัญญาตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.ปิด +11 ดอลลาร์ ที่ 1,241.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หนุนโดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนลงในช่วงสั้น

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
+ TU (ราคาปิด 20 บาท, ราคาพื้นฐาน 22.30 บาท) : จะขยายตลาดเอเชียและตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายในยุโรปและสหรัฐคิดเป็น 70% ของทั้งหมด ทั้งนี้ในปี 2016 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% จาก 3,700 ล้านดอลลาร์ในปี 2015 ซึ่งมาจากการเติบโตภายในและการเข้าซื้อกิจการ สำหรับเป้าหมายยอดขายในอีก 5 ปีข้างหน้ายังคงไว้ที่ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทคาดว่าจะทำงบการเงินรวมกับ Rugen Fisch ตั้งแต่ 1Q16 เป็นต้นไป โดยบริษัทได้เข้าซื้อ Rugen Fisch AG ประเทศเยอรมนี ซึ่งดำเนินธุรกิจอาหารทะเลกระป๋อง โดยเป็นเจ้าของแบรนด์ Rugen Fisch, Hawesta, Ostsee Fisch, Lysell เป็นต้น ผลิตภัณฑ์หลัก คือ ปลาเฮอริ่ง ปลาแมคคอเรล และปลาแซลมอน ทั้งสดและแช่เย็น ตลาดคือ ผู้ค้าปลีกทั่วประเทศเยอรมนี บริษัทมีรายได้กว่า 140 ล้านยูโร/ปี โดยกว่า 50% เป็นสินค้าแบรนด์ และส่วนที่เหลือเป็นสินค้า OEM มีส่วนแบ่งการตลาด 37% และมี EBITDA Margin อยู่ในช่วง 9-12%
ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดว่าการทำงบการเงินรวมกับ Rugen Fisch จะช่วยให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2016 เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีก 3% เป็นเติบโต 17% แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 22.30 บาท (อิง P/E ปีนี้ที่ 17 เท่า) บริษัทประกาศจ่ายปันผลสำหรับ 2H15 เท่ากับ 0.31 บาท XD 7 มี.ค.59 และจ่ายปันผล 21 เม.ย.59
+ DTAC (ราคาปิด 34.50 บาท) : Valuation ต่ำ เนื่องจากราคาหุ้นปรับลดลงมาก โดยสัดส่วน Market Cap / EBITDA ของ DTAC อยู่ที่ 5.7 เท่า ขณะที่ของ ADVANC อยู่ที่ 7.2 เท่าและ TRUE 6.7 เท่า รวมทั้งสัดส่วน Market Cap/Net Profit + Depreciation & Amortization ของ DTAC ก็อยู่ต่ำที่ 6.4 เท่า ขณะที่ ADVANC 8.7 เท่าและ TRUE 6.9 เท่า
หากเราให้เป้าหมาย Market Cap/EBITDA เป้าหมายที่ 7 เท่า พบว่ามูลค่าหุ้น DTAC จะเป็น 40.8 บาท/หุ้น ซึ่งมี Upside จากราคาปิด 18% ขณะที่ของ ADVANC และ TRUE จะค่อนข้างเต็มมูลค่าแล้ว
ในเชิงกลยุทธ์จึงแนะนำซื้อเก็งกำไร DTAC และให้เป็นหุ้น Dark Horse ของเดือนมี.ค.2016 (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายงาน Wealth Perspective Equity - March 2016)
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!