- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 02 March 2016 18:45
- Hits: 1116
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ตามตลาดต่างประเทศ? คาดมีโอกาสปรับขึ้นภายใต้สัญญาณที่เป็นบวกต่อราคาน้ำมันที่คาดมีโอกาสปรับขึ้นและส่งผลดีต่อกลุ่มพลังงานหลังรัสเซียระบุมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มโอเปกในการจำกัดการผลิตน้ำมันซึ่งการตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะมีในการประชุมเดือนนี้นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจทั้งของสหรัฐฯและยุโรป
อย่างไรก็ตามยังแนะติดตาม(-) ความกังวลต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโดยเฉพาะจีนแม้จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาแต่ตลาดไม่สะท้อนปัจจัยดังกล่าวเท่าที่ควรขณะที่ตัวเลขการผลิตล่าสุดยังไม่ดีรวมถึง(+)อยู่ระหว่างรอการประชุมECB (10/3/59) ที่คาดจะมีการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่คาดน่าจะเป็นปัจจัยบวกเข้ามาได้บ้างหลังจากนี้
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศคาดยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆแนะติดตามกลุ่มที่ได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร3 โครงการวงเงิน93,000 ล้านบาท เช่น กลุ่มค้าปลีก เป็นต้น
นอกจากนี้ยังแนะจับตา(1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม –มีนบุรีวงเงิน110,116 ล้านบาทที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์- ชุมพรวงเงินประมาณ24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และUNIQ
(2) กลุ่มการบินที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกตินอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำและช่วงHigh Season ของการท่องเที่ยวคาดส่งผลดีต่อBA, AAV
(3) กลุ่มพลังงานระยะสั้น PTT และPTTEP จะได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแต่ในระยะยาวราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกิน
(4) หุ้นกลุ่มโรงกลั่นเช่นIRPC, TOP และSPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศDJIA +348.58, NASDAQ +131.64, S&P +46.12, FTSE +55.79, CAC +53.29 และDAX +221.76
ภายใต้ปัจจัยหนุน(1) ราคาน้ำมันWTI จากประเด็นที่รัสเซียใกล้มีการบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มโอเปกในการจำกัดการผลิตน้ำมันโดยการตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะมีขึ้นในการประชุมในเดือนนี้และ(2) ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯทั้งการใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง–ม.ค. เพิ่มขึ้น1.5% อยู่ที่1.14 ล้านล้านUSD ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ต.ค.’50 และสูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่ม0.4% และดัชนีภาคการผลิตของISM - ก.พ. อยู่ที่49.5 เพิ่มขึ้นจาก48.2 เมื่อม.ค. และเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนก.ย.’58
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยบวกจากธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์(RRR) สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ ลง 0.5% สู่ระดับ17% เพื่อกระตุ้นสภาพคล่องและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศซึ่งมีผลเมื่อ1/3/59 ทำให้มีการเข้าลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และตัวเลขอัตราการว่างงานในยูโรโซน–ม.ค. อยู่ที่10.3% ลดลงจาก10.3%เมื่อธ.ค. และเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ4 ปีครึ่ง
ราคาน้ำมันดิบ(NYMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$0.65 อยู่ที่US$ 34.40ต่อบาร์เรล หลังทางการรัสเซียระบุว่า ใกล้มีการบรรลุข้อตกลงกับกลุ่ม โอเปก ในการจำกัดการผลิตน้ำมัน และยังได้รับปัจจัยหนุนจากธนาคารกลางจีนปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เพื่อกระตุ้นสภาพคล่องและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
(5) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และTPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า1H/59
(6) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และAOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นและเข้าสู่ช่วงHigh season ใน4Q/58 – 1Q/59
(7) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงานคาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ10 ปี+0.09 อยู่ที่1.83% (ระดับสูงสุด3.77% เมื่อกพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง(VIX) -2.85 อยู่ที่17.70
หุ้นแนะนำ: PTT
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
19.29 1.76 3.44
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 41,524.86
สถาบัน 337.39
บัญชีหลักทรัพย์ 1,527.68
ต่างประเทศ -145.61
ในประเทศ -1,719.47
นักวิเคราะห์: จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788