- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 26 February 2016 17:38
- Hits: 3498
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'Sentiment บวกต่างประเทศหนุน'
Stock Picks-Feb 2016 : Fundamental : INTUCH, KBANK, GFPT, PTT, TU และ Dark Horse เป็น SAMTEL
Fundamental Pick -Today: CENTEL(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : GUNKUL 12%, THAI 11%, KBANK 10%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวก ที่พร้อมเปลี่ยนเป็นลบ
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อค่าบวก 1340-1350 หลุด 1310
SET50 ซื้อค่าบวก 860-870 หลุด 830
Technical Picks - Today TISCO, CPN, SCC, PTG, MCS, GFPT, BR, TVO
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยแกว่งแคบ ปิดตลาด +1.49 จุดที่ 1333.42 โดยการซื้อขายค่อนข้างกระจายเป็นรายตัวในแต่ละกลุ่ม แต่ก็ไม่ถึงกับคึกคักมาก ปัจจัยที่มีน้ำหนักหลักช่วงนี้ คือ รายงานผลประกอบการและประกาศเงินปันผลสำหรับปี 2015 ปัจจัยที่จับตา ยังเป็นตัวเลขเศรษฐกิจประเทศชั้นนำ ความเคลื่อนไหวและมุมมองของประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ๆ ความคืบหน้าในการจ่ายค่าใบอนุญาต 4G ของผู้ประกอบการที่ชนะประมูลในกลุ่มสื่อสาร และค่าเงิน
ในวันนี้บรรยากาศการลงทุนเป็นบวก โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมา (ยอดขายสินค้าคงทนม.ค.ที่โตดีกว่าคาด และตัวเลขภาคแรงงานที่แข็งแกร่ง) ทำให้ความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจผ่อนคลายลง และยังคงมีการซื้อเก็งกำไรผลประกอบการปี 2015 และปันผล รวมถึงแนวโน้มปี 2016-2017 ด้วย โดยเราประเมินว่ากลุ่มที่เกี่ยวกับท่องเที่ยวยังไปได้ดี กลุ่มพลังงานจะมีกำไรที่ฟื้นตัวแข็งแกร่งจากฐานที่ต่ำมากในปีก่อน กลยุทธ์การลงทุนใน Equity : เล่นรอบไม่ควรหวัง Gap กำไรมากเพราะตลาดยังผันผวน ส่วนการลงทุนระยะยาวแนะนำให้ทยอยซื้อเป็น Step หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เลือกเป็น CENTEL
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวก แต่พร้อมเปลี่ยนเป็นลบ แนวต้านระยะสั้น 1340-1350 จุด หรือสูงกว่าถ้ายืน 1350 จุดได้ เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี ต่ำกว่า 1310 จุด ควรลดพอร์ตตาม สำหรับ SET50 มีแนวต้านระยะสั้น 860- 870, 880 จุด Stop loss ถ้าหลุด 830 จุด
การ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสทำ New high พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น MCS, GFPT, CENTEL, KKC ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ BIG, CPN ไม่มีหุ้นที่หลุด List และหุ้นที่หาจังหวะขายทำกำไร ได้แก่ CPN, ASK, DIF, TTCL
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
ญี่ปุ่น : ที่ปรึกษาเศรษฐกิจแนะให้รัฐบาลทำมาตรการกระตุ้นวงเงินอย่างน้อย 5 ล้านล้านเยน หรือ 4.5 หมื่นล้านUS$ และให้เลื่อนการปรับขึ้นอัตราภาษีอุปโภคบริโภคอีก 2% เป็น 10% ออกไปอีก 2 ปี ซึ่งเดิมมีกำหนดต้องปรับขึ้นในเดือนเม.ย.2017
ยูโรโซน : อัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าหมายมาก หวังว่า ECB จะมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม ยูโรสแตทประกาศปรับลดอัตราเงินเฟ้อยูโรโซนเดือนม.ค.เป็น 0.3% จากประเมินเบื้องต้น 0.4% ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า ECB จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการประชุมวันที่ 10 มี.ค.นี้ เพราะตัวเลขเงินเฟ้อเดือนม.ค.ยังห่างจากตัวเลขเป้าหมายที่ 2% อย่างมาก สิ่งหนึ่งที่คาดหวัง คือ การขยายวงเงินซื้อพันธบัตรในโครงการ QE จากปัจจุบันที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน รวมทั้งอาจปรับลดอัตราเงินฝากของธ.พ.กับ ECB ซึ่งปัจจุบันเท่ากับ -0.3%
+ สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนม.ค.เติบโตดีกว่าคาด สินค้าคงทน ได้แก่ พวกเครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป) +4.9%MoM ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 10 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ +2.5%MoM
+ สหรัฐ : ภาคแรงงานยังแข็งแกร่ง จำนวนผู้รับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 10,000 รายเป็น 272,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุด 20 ก.พ. บ่งชี้ว่าภาคแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
+ ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น ปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์ +212.30 จุดที่ 16,697.29 จุด ปัจจัยหนุน คือ ราคาน้ำมันดิบที่ดีดขึ้น และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.2016 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 เดือน
ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเล็กน้อย โดยสัญญา WTI และ BRENT ส่งมอบเม.ย.เพิ่มขึ้น 0.92 และ 0.88 ดอลลาร์ ปิดที่ 33.07 และ 35.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยที่เข้ามากระตุ้นคือ ข่าวว่ารมว.น้ำมันของเวเนซูเอล่ายืนยันเข้าร่วมประชุมกับตัวแทนประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ (เช่น รัสเซีย ซาอุฯ กาตาร์ ฯลฯ) ในการประชุมกลางเดือนมี.ค.นี้ และหวังว่าจะมีความคืบหน้าในการพยุงราคาน้ำมัน
ติดตามผลประชุมกลุ่ม G-20 ที่จัดขึ้นในเชียงไฮ้ ประเทศจีน โดยเริ่มประชุมวันนี้ (26 ก.พ.) โดยคาดว่าจะมีการหารือเรื่องผลกระทบจากการทรุดตัวของราคาน้ำมัน และอาจมีข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางพยุงราคาน้ำมันด้วย ทั้งนี้กลุ่ม G-20 ประกอบด้วยสหรัฐ, สหภาพยุโรป, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, แคนาดา, ออสเตรเลีย, รัสเซีย, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อินเดีย, อินโดนีเซีย, อาร์เจนตินา, บราซิล, เม็กซิโก, ซาอุดิอาระเบีย, แอฟริกาใต้ และตุรกี
ราคาทองคำทรงตัว สัญญาตลาด COMEX ปิดอ่อนลงเพียง 0.30 ดอลลาร์ที่ 1,238.80 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีทำให้นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อทองคำไปก่อน
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
มูลค่าส่งออกเดือนม.ค.2016 ของไทยลดลง 8.9%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาค สะท้อนภาวะเศรษฐกิจประเทศทั่วโลกที่ชะลอตัวลง นำเข้า -12.37%YoY เป็นเกินดุลการค้า 238 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : ตัวเลขส่งออกที่อ่อนแอจะส่งผลตามมา คือ เศรษฐกิจไทยจะยังซบเซา เพราะ SME ส่วนใหญ่ของไทยก็อยู่ในภาคส่งออก และมูลค่าส่งออกคิดเป็นกว่า 60% ของ GDP ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่เพียง 60% เราคาดว่ากำลังซื้อและการลงทุนใหม่ภาคเอกชนจะเติบโตได้ไม่มากในปี 2016
อย่างไรก็ตาม บริษัทส่งออกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯมีแนวโน้มธุรกิจดีกว่าภาพมหภาค เพราะเป็นบริษัทชั้นนำที่ยังเติบโตได้ จากคำสั่งซื้อลูกค้าที่มีต่อเนื่อง การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สภาพคล่องการเงินดีและฐานะการเงินแข็งแกร่ง หุ้นเด่น KCE รองลงมาเป็น SVI และ HANA
+ CENTEL (ราคาปิด 39.75 บาท) : กำไร 4Q15 เติบโตได้ดี QoQ โดยประมาณการไว้ว่าจะ +34.7% เนื่องจากปัจจัยฤดูกาล แต่กำไรจะลดลง 10.8% y-o-y เป็น 395 ล้านบาท เพราะโรงแรมมัลดีฟส์ที่อ่อนลงจากการปิดปรับปรุง และอัตราเติบโตสาขาเดิม (SSSG) ของธุรกิจอาหารลดต่ำลง ตามการชะลอตัวลงของการบริโภค รายได้จึงเพิ่มขึ้นเพียง 1.4% y-o-y เป็น 5.1 พันล้านบาท ด้านอัตรากำไรขั้นต้นของโรงแรมได้รับแรงกดดันจากโบนัสพนักงานและการเติบโตของรายได้ต่อห้องพัก (RevPar) ที่ล่าช้ากว่าคาด
แต่...รายได้ต่อห้องพัก ปี 2016 จะเพิ่มขึ้นดีเป็น +6.5% จากอัตราค่าห้องพักที่เพิ่มขึ้นหลังมัลดีฟส์ปรับปรุงห้องพัก 112 ห้องแล้วเสร็จ (มีแผนเพิ่มค่าห้องพัก 8-9%) ส่วนอัตราการเข้าพัก (AOR) จะอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวที่ 81% ขณะที่โรงแรมกรุงเทพฯเจะพิ่มราคาห้องพักราว 3-5% สำหรับธุรกิจอาหารตั้งเป้า SSSG ที่ +1.0% จากปีก่อนที่ -0.7% ด้วยการปิดสาขาที่ไม่กำไร และเพิ่มสาขาที่มีศักยภาพ อัตรากำไรปีนี้มีแรงกดดันจากการตั้งสำรองน้อยลง และราคาเนื้อไก่ก็ไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาก บริษัทเน้นการปรับปรุงด้านการดำเนินงานของสาขาและให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
แนะนำซื้อ โดย DBSV ให้ราคาพื้นฐาน 46.00 บาท ประเมินด้วยวิธี DCF (WACC 10.9%, TG 3%) บริษัทได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวไทยที่สดใส ส่วนธุรกิจอาหารก็ปรับตัวได้เป็นอย่างดี ใช้กลยุทธ์ปิดสาขาที่ขาดทุน เน้นเจาะตลาดที่ให้ผลกำไร นอกจากนี้ยังได้พยายามหาแบรนด์ธุรกิจอาหารใหม่ๆ ด้วยการทำ M&A เพื่อเปิดช่องการเติบโตในอนาคต
VNG (ราคาปิด 13.30 บาท) : กำไรสุทธิปี 2015 ต่ำกว่าที่เราประมาณการไว้ 5% กำไรสุทธิ 4Q15 ลดลง 41%QoQ แต่เติบโต 43%YoY โดยการลดลง QoQ มาจากปัจจัยฤดูกาล คือ รายได้น้อยลงและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่วนการเพิ่มขึ้น YoY หลักๆมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น เพราะต้นทุนวัตถุดิบเศษไม้ ค่าขนส่ง และเคมีภัณฑ์ลดลง สำหรับทั้งปี 2015 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.43 พันล้านบาท เพิ่มก้าวกระโดด 90%YoY แต่ก็ต่ำกว่าที่เราประมาณการไว้ 5% แนวโน้มปี 2016 คาดว่าจะเติบโตได้ 10% ปัจจัยหนุนหลักยังเป็นเรื่องต้นทุนที่ต่ำและสัดส่วนสินค้า High Margin เพิ่มขึ้น แนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 15.30 บาท อิงกับ P/E ปี 2016 ที่ 15 เท่า
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]