- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 26 February 2016 16:55
- Hits: 792
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ยังปรับขึ้น แต่ผันผวนสูง
KGI คาด SET วันศุกร์ขึ้น แต่ไม่แรงและจะผันผวน (เหมือนเมื่อวาน) หุ้นน้ำมันจะมีแรงหนุน SET มากขึ้นหลังราคาน้ำมันขึ้นต่อตามข่าวที่ว่า 4 ประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (รวมทั้งซาอุฯ) ตกลงจะประชุมในกลาง มี.ค. เพื่อหารือการตรึงปริมาณผลิตไว้ที่ระดับของเดือน ม.ค. ขณะที่ตลาดหุ้นฝั่งตะวันตกปรับขึ้นโดดเด่นเช่นกัน หลังผู้ว่าการเฟดสาขาเซ็นหลุยส์ เจมส์ บูลลาร์ด กล่าวว่ามุมมองต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ (Inflation expectations) ในสหรัฐฯ ยังลดลงต่อ และดอกเบี้ยเฟดน่าจะขึ้นอย่างช้ามากๆ (เป็นบวกต่อทุนต่างชาติ ค่าเงินเอเชีย และค่าเงินบาท) อย่างไรก็ดีเนื่องจาก SET ขึ้นโดดเด่นกว่าตลาดเพื่อนบ้านมาพักหนึ่งคาดทางขึ้นมีจำกัด และภาพรวม SET 2-3 สัปดาห์ข้างหน้ามองเป็นไซด์เวย์ รอดูปัจจัยสำคัญได้แก่การประชุม ECB วันที่ 10 มี.ค. BoJ วันที่ 15 มี.ค. และประชุม US FOMC วันที่ 16 มี.ค.
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร ASEFA, AAV* / สะสม IFEC
ASEFA (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) 1) วานนี้รายงานกำไรไตรมาส 4/58 = 66 ล้านบาท (ดีกว่าคาด 29%) และจ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น (ตามคาด) ทำนิวไฮต่อเนื่อง และคาดมีโอกาสที่กำไรไตรมาส 1/59 จะโต QoQ, YoY ต่อ (โดยปกติไตรมาส 4 จะเป็น Low season) 2) เรายังคงประเมินแนวโน้มอุตสาหกรรมฯงานระบบไฟฟ้าเป็นขาขึ้นไปอีก 2 – 3 ปี เป็นอย่างน้อย จากงานรถไฟฟ้า, 4G + Data Center, พลังงานทดแทน (คาดหากที่ประชุม กพช เดือน มี.ค. ได้ข้อสรุปเรื่องหลักเกณฑ์โซลาร์ส่วนราชการฯ จะเป็น Sentiment บวกต่อ ASEFA ไปด้วย), การรื้อ – สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ตามแผน PDP 3) ราคาเหล็กในประเทศมีแนวโน้มปรับขึ้น ตามแนวโมราคาเหล็กในตลาดโลก + การออกกฏระเบียบปกป้องผู้ผลิตเหล็กในประเทศ เป็นบวกต่อธุรกิจรือถอนโรงไฟฟ้าบางปะกง (เอาเศษเหล็กมาขาย) 4) รูปแบบราคาฟื้นตัวหากวันนี้ดีดพ้นแนวต้าน 5.85 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 6.2 บาท แนวรับ 5.60 บาท
AAV* (เป้าพื้นฐาน 6.09 บาท) 1) แม้ว่าจะรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 = 275 ล้านบาท ต่ำกว่าคาด แต่เราประเมินว่าหากวันนี้ราคาหุ้นอ่อนตัวลง เป็นโอกาส “ซื้อ” เพราะประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 – ไตรมาส 2/59 จะเด่น จากการที่คู่แข่งโดยสายการบินต้นทุนต่ำอย่าง NOK กำลังประสบปัญหา (ยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก เพราะปัญหานักบิน) ซึ่งเราคาดว่าปัญหานี้มีโอกาสที่จะลากยาวถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ (ผู้โดยสารยังไม่มั่นใจที่จะจองตั๋วกับ NOK จนกว่าปัญหาจะคลี่คลาย ซึ่งคาดว่าจะไม่ทันกับเทศกาลสงกรานต์) 2) Hedging น้ำมันไว้เพียง 50% ดังนั้น AAV จึงได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่ปรับลงตั้งแต่ต้นปี 3) แนะนำ “ซื้อ” แนวรับ 5.60 บาท แนวต้าน 6.10 บาท (หากผ่านได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้าน ±6.8 บาท)
IFEC (เป้า Consensus 16.2 บาท) 1) คาดรายงานงบไตรมาส 4/58 วันนี้ (อย่างช้าวันจันทร์หน้า) ประเมินกำไรไตรมาสนี้ราว 200 – 400 ล้านบาท (จากการปรับโครงสร้างหนี้ รร ดาราเทวี + ธุรกิจพลังงานทดแทน Break even) 2) วานนี้ นสพ ทันหุ้นลงข่าวเตรียมประกาศแผนลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น 100MW 3) คาดโครงการต่างๆในต่างประเทศ (เวียดนาม, เกาหลีใต้) จะโอนหุ้นเสร็จเป็นทางการในเดือน มี.ค.นี้ 4) กรณีที่ประชุม กพช เดือน มี.ค.ได้ข้อสรุปเรื่องหลักเกณฑ์โครงการโซลาร์ส่วนราชการฯ จะเป็น Upside risk 5) แนะนำ “สะสม” แนวรับ 6.1 บาท แนวต้าน 6.35 บาท MACD bullish divergence หาก Break ผ่าน 6.35 บาทได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ ±7 บาท
หุ้นในกระแส
หุ้นรับกระแสภัยแล้งในไทย (TSR, FVC) จากปัญหาภัยแล้งในปีนี้ คาดมีโอกาสที่น้ำประปาในบางพื้นที่ของ กทม และ ปริมณฑล จะมีรสกร่อย (ไม่มีน้ำจืดมาผลักดันน้ำทะเล) ซึ่งคาดจะส่งผลบวกต่อหุ้นที่ขายเครื่องกรองน้ำตามบ้านเรือนอย่าง TSR และหุ้นที่เด่นเครื่องกรองน้ำสำหรับผู้ประกอบการอย่าง FVC
หุ้นน้ำตาล (KSL) ราคาน้ำตาลดีดตัวขึ้น จากประเด็น International Sugar Organization ปรับลดคาดการณ์ดุลน้ำตาลของโลกปีนี้ จะขาดดุลมากขึ้นเป็น 5 ล้านตัน (จาก 3.5 ล้านตัน) เป็นผลจาก El Nino (เอเชียภัยแล้ง) แนะนำ “เก็งกำไร” KSL
กลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, SUPER, PSTC, ASEFA) กกพ คาดในเดือน มี.ค.นี้ ที่ประชุม กพช. จะมีการกำหนดหลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจการที่ได้รับยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม เพื่อปลดล๊อกโครงการโซลาร์ส่วนราชการฯ คาดจะเริ่มจับสลากได้ ปลาย มี.ค. – ต้น เม.ย. (เลื่อนมาจากเดือน ธ.ค.) และกำหนด COD เป็นช่วงเดือน ธค.59 (เลื่อนจาก ก.ย.59) คาดเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, SUPER, PSTC) และตัวที่จะได้อานิสงส์งานระบบไฟฟ้าอย่าง ASEFA และ QTC เป็นต้น
กลุ่มรับเหมาฯ (CK*) ราคาหุ้นเริ่มสร้างฐานได้ แนะนำ “ทยอยซื้อสะสม” คาดมีโอกาสรีบาวด์ โดยฝ่ายวิจัยฯยังคงประเมินว่าการประมูลงานก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐฯจะเริ่มทยอยเปิดประมูล (สุวรรณภูมิเฟส 2 ที่ล่าช้าจากปีที่แล้ว คาดจะเริ่มขายซองบางสัญญาใน 1H59) และการประมูลงานจะเร่งตัวขึ้นใน 2H59 ในเชิงพื้นฐาน เลือก CK* เป็นหุ้นเด่น แนวรับ 23 บาท แนวต้าน ±25 บาท เป็นจุดขายทำกำไร
หุ้นมีข่าว
(+) 4 หุ้นลิสซิ่งรอรับส้มหล่น 9 หมื่นล้านกระตุ้นศก. ทั้ง ASK-TKและ LIT (ข่าวหุ้น) 4 หุ้นลิสซิ่ง ASK TK SAWAD LIT ผู้ประกอบการที่ให้บริการสินเชื่อในระดับท้องถิ่น รับอานิสงส์มาตรการช่วยผู้ประสบภัยแล้ง 9.3 หมื่นล้าน ดันยอดสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์เพื่อการเกษตรพุ่ง สวนทางเศรษฐกิจประเทศ
(+ SIM, SAMART*) ตั้ง 'ชมรม MVNO' สู้ศึกซิมมือถือ (ไทยโพสต์) 4 ผู้ประกอบการ MVNO รวมตัวตั้งชมรมใหม่ หวังช่วยลดต้นทุนธุรกิจและเพิ่มอำนาจต่อรองทางธุรกิจ
(+) UBIS จ้องบุกแดนมังกร ลั่นปีนี้กำไรทำนิวไฮต่อ (ทันหุ้น) UBIS เล็งสยายปีกธุรกิจประเทศจีน ลั่นดีมานด์ล้น คาดชัดเจนไตรมาส 2/2559 กางแผนงานปี 2559 ตั้งเป้าปั๊มรายได้โต 20-30% จัดทัพลุยขยายฐานลูกค้าต่างแดนเต็มสูบ คาดกำไรทำนิวไฮต่อ หลังบุ๊กรายได้กลุ่ม FAMILY เต็มปีโบรกชี้ต้าน 7 บาท
(+) BWG ลุยพลังงานขยะ ใส่เกียร์บริษัทย่อย ผุดโรงไฟฟ้าแห่งที่2 (ทันหุ้น) บอร์ด BWG ไฟเขียวบริษัทย่อย "เอิร์ธ เท็ค เอนไวรอนเมนท์" ตั้งโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมแห่งที่ 2 กำลังผลิต 9.4 เมกะวัตต์ มูลค่า 1.15 พันล้านบาท พร้อมอนุมัติ "เบตเตอร์ เวิลด์ ทรานสปอร์ต" สร้างศูนย์ควบคุมบริหารและจัดการขนส่ง มูลค่า 180 ล้านบาท
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
TVD (ยังไม่มีเป้า Consensus) 1) คาดไตรมาส 4/58 พลิกเป็นกำไรราว 8 – 10 ล้านบาท จากขาดทุน 62 ล้านบาทในไตรมาส 3/58 และแนวโน้มไตรมาส 1/59 กำไรโตต่อเนื่อง (หมดปัจจัยถ่วง) 2) คาดกำไรปีนี้ราว 80 – 100 ล้านบาท (EPS ราว 0.12 – 0.15 บาท) คิดเป็น PE เพียง 7.9 – 9.8 เท่า เทียบกับกลุ่มค้าปลีก (CPALL*, BIGC*, ROBINS*) และค้าออนไลน์ (COL) ที่ PE เฉลี่ย > 20 เท่า ประเมินแนวรับ ±1.15 บาท แนวต้านสั้น 1.27 บาท หากผ่านได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 1.50 บาท (Stop loss 1.1 บาท)
LIT (เป้าพื้นฐาน 10.5 บาท) แนวรับ 8.25 บาท คาดแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้านแรกที่ 8.75 บาท หากผ่านได้ประเมินแนวต้านถัดไปที่ 9.75 บาท ... คาดกำไรทำนิวไฮอีก 3 ไตรมาสติด
VGI* (เป้า Consensus 3.92 บาท) แนะนำ “เก็งกำไร” แนวรับ 4.3 บาท แนวต้าน 4.56 บาท และถัดไปที่ ±4.9 บาท ... ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุด
MACO (เป้า Consensus 1.60 บาท) แนะนำ “เก็งกำไร” ประเมินแนวรับ 1.13 บาท แนวต้าน 1.30 บาท (Stop loss 1.10 บาท)
SMT (เป้าพื้นฐานเบื้องต้น 13 บาท ... ไม่รวม Upside จากการประกอบแผงโซลาร์เซลล์) ประเมินแนวรับ 12.9 บาท แนวต้านสั้น 13.9 บาท และถัดไปที่ ±15 บาท ... คาดกำไรไตรมาส 4/58 ราว 20 – 40 ล้านบาท (กำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส)
ข่าวเด่นจากสถาบันวิจัยฯ
(0) พาณิชย์เผย ส่งออก ม.ค.ลดต่อเนื่องเดือนที่ 13, ยังคงเป้าปีนี้โต 5% มูลค่าส่งออกของไทยในเดือนม.ค. มีมูลค่า 1.57 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 8.91%YoY เป็นการหดตัวลงเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี 2 เดือน นับตั้งแต่เดือนพ.ย.54 ที่มีมูลค่าส่งออก 1.54 หมื่นล้านดอลลาร์ และหดตัวลง 11.59% YoY นำเข้ามีมูลค่า 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 12.37% YoY เกินดุลการค้าประมาณ 0.24 พันล้านดอลลาร์ การส่งออกในเดือนม.ค.ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว และราคาน้ำมันที่ลดลง ซึ่งกระทบต่อมูลค่าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน และกำลังซื้อของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน รวมถึงราคาสินค้าเกษตรโลกอยู่ในระดับต่ำหลายประเทศได้ใช้มาตรการ ลดค่าเงิน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ยังคงเป้าหมายการส่งออกในปี 59 ไว้เติบโต 5% (Bisnews) เรามีความเห็นว่าเป้าการขยายตัวของมูลค่าส่งออก 5% เป็นไปได้ยากมาก ถ้าราคาน้ำมันดิบดูไปเฉลี่ยต่ำกว่า 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้วมูลค่าส่งออกทั้งปียังจะติดลบอยู่ มูลค่าส่งออกเดือนกุมภาพันธ์อาจจะหดตัวประมาณ 8% การส่งออกทองคำจะเป็นตัวช่วยให้ติดลบน้อยลง และถ้าราคาน้ำมันดิบดูไบยังอยู่แถวระดับ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว เราจะเห็นมูลค่าส่งออกหดตัวลงแรงกว่านี้อีกในเดือนพฤษภาคม ปัจจัยเดิมๆ ที่มีผลให้มูลค่าส่งออกลดลง เรายังคาดว่าปริมาณส่งออกของไทยในปี 2559 จะขยายตัวเพียง 1% เนื่องจากการขยายตัวการค้าโลกยังอยู่ในภาะซบเซาเศรษฐกิจโลกขยายตัวเพียง 3.2% เหมือนปี 2558 มูลค่าส่งออกในรูปของค่าเงินดอลลาร์ฯ ปี 2559 มีแนวโน้มหดตัวลง 2.0% ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้มูลค่าส่งออกน้ำมันกลั่นสำเร็จรูป มูลค่าสินค้าส่งออกที่เกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันลดลง เช่น ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ปิโตรเคมี และ เคมีภัณฑ์ ส่วนราคาสินค้าเกษตรเช่น ข้าว ยางพารา มีแนวโน้มลดลงตาม แต่มูลค่าส่งออกในรูปของค่าเงินบาทอาจจะขยายตัว 6.6% ตามการอ่อนค่าลงของค่าเงินบาทเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ฯ 8.7% จากที่ระดับเฉลี่ย 34.3 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในปี 2558 เป็น 37.3 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในปี 2559
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มอสังหาฯ คงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” Agency for Real Estate (AREA) เผยข้อมูลของตลาดที่อยู่อาศัยในเดือนม.ค. ว่าจำนวนโครงการที่เปิดตัวใหม่ขยับเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตรา take-up ยังต่ำ ฝ่ายวิจัยฯประเมินอัตราการลดลงของอุปสงค์ยังแซงหน้าการปรับตัวของด้านอุปทาน เลือก AP* กับ ANAN* เป็นหุ้นเด่น
CBG* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 48.5 บาท รายงานกำไรไตรมาส 4/58 = 288 ล้านบาท (+4.7% YoY แต่ลดลง 4% QoQ) แย่กว่าคาด 17.5%
WORK* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 45 บาท รายงานกำไรไตรมาส 4/58 = 3 ล้านบาท ดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยฯคาด แต่แย่กว่าที่ Bloomberg consensus คาด
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘นัยสั้น 1332 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1332 จุดนั้น อาจสะสมแรงผลักราคาขึ้น +39 จุด ผลักขึ้นสู่ต้าน 1371 จุด แต่หากวันศุกร์นี้ SET ปิดต่ำกว่ารับ 1332 จุดนั้น อาจกดราคาลงในกรอบ 1332-1315 จุด
แนวรับวันนี้: 1332/1321 แนวต้านวันนี้: 1340/1348
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]