- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 February 2016 17:46
- Hits: 2813
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อเนื่อง จากเงินทุนไหลเข้า ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น
คาดทิศทางตลาดวันนี้ยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ปัจจัยหลักมาจากเงินทุนไหลเข้า จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ เข้ามายังหุ้นกลุ่มหลักๆ เช่นพลังงานและธนาคารและไอซีที ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นส่งผลบวกระยะสั้นต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานเช่น PTT และ PTTEP แต่ในระยะกลาง-ยาว ราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกินที่ยังคงล้นตลาด
ด้านปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนยังคงจับตาความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน ซึ่งจะมีผลต่อการขึ้น-ลงตลาดหุ้นต่างประเทศ ค่อข้างมาก ในขณะที่ทางด้านสหรัฐฯ ยังคงจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่สำคัญ เช่น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และตัวเลขการบริโภคส่วนบุคคล ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในช่วงต่อไป
ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ยังคงมีทิศทางบวก และนักลงทุนยังคงจับตามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล หลังจากรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท ซึ่งแม้การบริโภคจะดูฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงติดตามยอดส่งออก ม.ค. (ประกาศ 26 ก.พ. นี้) ซึ่งอาจติดลบราว 8-9% ซึ่งยังคงได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ส่วนทางด้านปัจจัยอื่น ในระยะถัดจากนี้ ต้องติดตามความรุนแรงภัยแล้ง หลังระดับน้ำในเขื่อนอยู่ในระดับต่ำในรอบหลายปี ซึ่งจะกระทบต่อพื้นที่เกษตรกว่า 4 ล้านไร่ และคาดอาจมีความเสียหายกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท
ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
(2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และช่วง High Season ของการท่องเที่ยว คาดส่งผลดีต่อ BA, AAV
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +53.21, NASDAQ +39.02, S&P +8.53, FTSE -95.13 CAC -83.08 และ DAX -248.97
โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นได้ในช่วงท้ายตลาด หลังจากราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของกลุ่มธนาคาร ที่มีต่อการชำระหนี้ของบริษัทในกลุ่มน้ำมัน ในขณะที่มาร์กิต เปิดเผยข้อมูลดัชนี PMI เบื้องต้นภาคบริการของสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับ 49.8 ในเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 2 ปี ประกอบกับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานยอดขายบ้านใหม่เดือน ม.ค. ลดลง 9.2% แย่กว่าคาด ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปลดลงจากแรงเทขายหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงกลุ่มน้ำมัน
(+) ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) +0.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดที่ 32.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของการใช้น้ำมันเบนซิน ในขณะที่ EIA ของสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์เพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าคาด อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบยังคงได้รับแรงกดดัน หลังจากซาอุดิอาระเบียออกมาส่งสัญญาณว่ายังไม่มีแผนลดกำลังการผลิต
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +16.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,239.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจาก ความผันผวนของตลาดหุ้นและน้ำมัน ทำให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าสู่สินทรัยพ์ปลอดภัยอย่างทองอีกครั้ง
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,363 ล้านบาท สะสม YTD
-6,081 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
19.52 1.77 3.44
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 43,349.09
สถาบัน +1,088.94
บัญชีหลักทรัพย์ -73.29
ต่างประเทศ +1,362.57
ในประเทศ -2,378.22
(3) กลุ่มพลังงาน ระยะสั้น PTT และ PTTEP จะได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น แต่ในระยะยาวราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกิน
(4) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
(5) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า 1H/59
(6) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
(7) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน คาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 1.74% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.26 อยู่ที่ 20.72
หุ้นแนะนำ : AAV
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ โทร.02-684-8789