- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 25 February 2016 17:16
- Hits: 706
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ High Beta
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ยังคงเป็นการแกว่งในกรอบระหว่าง 1,320-1,330 จุด กลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี โดนขายทำกำไร ตามทิศทางการอ่อนตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก แต่กลุ่มธนาคาร / อสังหาฯ กลับโดดเด่น ด้วยผลตอบแทนจากเงินปันผลที่อยู่ในระดับสูง ปิด ณ สิ้นวัน SET INDEX อยู่ที่ 1,331.93 จุด บวกเพียง 6.14 จุด มูลค่าการซื้อขายชะลอตัวเหลือ 43,349 ล้านบาท
เม็ดเงินทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 เร่งขึ้นเป็น 16,137 ล้านบาท แต่กลับมา Long สุทธิใน SET50 Index Futures จำนวน 1,454 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดหุ้นเป็นวันที่ 7 อก 1,363 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- เม็ดเงินทุนต่างชาติยังคงทยอยสะสมหุ้นหลักของตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง คาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลงวดนี้
- แรงกดดันที่สำคัญอยู่ที่ท่าทีของพอร์ตโบรกเกอร์ MTD ซื้อสุทธิ 6,379 ล้านบาท
- ติดตามตัวเลขการส่งออกเดือนม.ค.ของไทย Bloomberg consensus คาด -8.0% yoy ชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า -9.23% yoy
มุมมองต่อตลาด
เมื่อเงินทุนต่างชาติยังคงทยอยสะสมหุ้นหลักของไทยทั้งผ่านตลาด Spot และตลาด Futures อย่างต่อเนื่อง โดย QTD ของ SET50 Index Futures นักลงทุนต่างชาติ Long สุทธิมากถึง 107,254 สัญญา ย่อมสะท้อน Downside risk ของ SET Index โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 Index เป็นไปอย่างจำกัด อีกทั้งปัจจัยที่สนับสนุนจำกัด Downside risk ของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้คื
- ผลการดำเนินงานใน 4Q58 ของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทยออกมาใกล้เคียงกับคาด โอกาสที่จะปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลงเป็นไปอย่างจำกัด
- การทยอยประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H58 หรือ 2558 ของบริษัทจดทะเบียนในรอบนี้ มักสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลรอบนี้อยู่ในเกณฑ์ที่สูง และมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีที่ต่ำเพียง 2.07%
- โอกาสที่เฟดจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไป 2H59 มีความเป็นไปได้สูงมากขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาดต่อเนื่อง อีกทั้งธนาคารกลางหลักที่สำคัญ อย่าง ECB / BoJ / BoE ส่งสัญญาณผ่อนคลานนโยบายการเงินเพิ่มเติม ทำให้เฟดอาจประวิงเวลาเพื่อรอดูผลกระทบจากการปรับนโยบายการเงินของธนาคารกลางเหล่านี้
- ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะทรงตัวถึงอ่อนค่า นั่นย่อมทำให้ค่าเงินในเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงค่าเงินบาทไทย ทำให้ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจำกัดมากยิ่งขึ้น แต่กลับเปิดโอกาสทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จึงทำให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นในเอเชียเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย
เราประเมินช่วงท้ายของสัปดาห์นี้ กลุ่มหลักอย่างกลุ่มธนาคาร / อสังหาฯ จะยังมีความโดดเด่น ในแง่ของผลตอบแทนจากเงินปันผลงวดปี 2558 หรือ 2H58 ที่อยู่ในระดับสูง 3% +/-
ทั้งนี้จับตากลุ่มรับเหมาก่อสร้าง / high beta มีแนวโน้มจะเกิดแรงเก็งกำไรตามมา หลังหุ้นหลักอย่างกลุ่มพลังงาน / ปิโตรเคมี / ธนาคาร / ICT ขยับขึ้นมาอย่างโดดเด่นในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่ SET INDEX มีแนวโน้มแกว่งแคบในช่วง 1-2 วันนี้ ทำให้หุ้นขนาดกลางและเล็กที่ผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่น คาดว่าจะกลับมาขยับเด่นในช่วงสั้นนี้ เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,325-1,340 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
เราแนะนำให้ "นักลงทุนคงเป้าการทยอยขายทำกำไรบริเวณ 1,330 จุดขึ้นไป เพื่อรอจังหวะย่อของ SET INDEX เพื่อกลับเข้าสะสม/เก็งกำไรอีกระลอกหนึ่ง"
Speculative Buy: CK/ ITD
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "เก็งกำไร" ได้แก่
1. CK : ราคาปิด 23.30 บาท ราคาเหมาะสม 34.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ Underperform ตลาดในปีนี้ โดยปรับตัวลง -10.6% เทียบกับ SET INDEX +3.4% จะเริ่มฟื้นตัว เนื่องจาก Upside ของหุ้นกลุ่มหลักเริ่มจำกัดในช่วงสั้น และส่งผลให้เกิด Sector Rotation กลับเข้าสู่กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
b) และเชื่อว่า Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะดีขึ้น หลังการประชุมครม.ในวันอังคารที่ผ่านมามีมติรับทราบและผลักดันแผนยุทธศาสตร์ PP Fast Track 7 โครงการเร่งด่วน ได้แก่ รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าความเร็วสูง และ Motorway
c) NAV จากการถือหุ้นใน 3 บริษัทลูก ได้แก่ BEM, TTW และ CKP คิดเป็นมูลค่า 20.10 บาทต่อหุ้น สะท้อนให้หุ้น CK มี Downside Risk ที่จัด และธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซื้อขายที่เพียง 3 บาทต่อหุ้น เทียบกับ BV งบเดี่ยวของ CK ที่ 13 บาทต่อหุ้น
d) คาดกำไรปกติปี 2559 เติบโต +33% yoy เป็น 1,531 ล้านบาท และมี Upside 46%
2. ITD : ราคาปิด 6.50 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ Underperform ตลาดในปีนี้ โดยปรับตัวลง -10.6% เทียบกับ SET INDEX +3.4% จะเริ่มฟื้นตัว เนื่องจาก Upside ของหุ้นกลุ่มหลักเริ่มจำกัดในช่วงสั้น และส่งผลให้เกิด Sector Rotation กลับเข้าสู่กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
b) และเชื่อว่า Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะดีขึ้น หลังการประชุมครม.ในวันอังคารที่ผ่านมามีมติรับทราบและผลักดันแผนยุทธศาสตร์ PP Fast Track 7 โครงการเร่งด่วน ได้แก่ รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าความเร็วสูง และ Motorway
c) ITD จะรายงานผลประกอบการ 4Q58 ในวันจันทร์ที่ 29 ก.พ. และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา และจะเป็น Catalyst ต่อราคาหุ้นเมื่อเทียบกับ STEC, UNIQ ที่รายงานงบก่อนหน้า และออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด
d) คาดโครงการเหมืองแร่โปรแตซจะมีความคืบหน้าใน 1Q59 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างกำหนดวันทำประชาพิจารณ์ระดับจังหวัดครั้งสุดท้าย ซึ่งเชื่อว่าหากมีการกำหนดวันทำประชาพิจารณ์ที่ชัดเจนเมื่อใด จะส่งผลบวกต่อราคาหุ้นอย่างมีนัย
e) ราคาปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ 7.00 บาท จึงเปรียบเสมือนได้ธุรกิจอื่นฟรี ได้แก่ เหมืองแร่โปรแตซ, โครงการทวายและทางด่วนที่บังกลาเทศคิดเป็นมูลค่ารวม 5.00 บาทต่อหุ้น
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ขายสุทธิ US$12 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$45 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติทยอยสะสมหุ้นไทยผ่านทั้งตลาด spot และตลาด futures
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 7 เร่งขึ้นเป็น 1,363 ล้านบาท รวม 7 วันทำการซื้อสุทธิ 8,504 ล้านบาท และส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ขายสุทธิสะสมลดลงเหลือ 6,082 ล้านบาท
SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิอีกครั้ง 1,454 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาเปิดสถานะ Long อีกครั้ง เมื่อ SET50 Index ปิดทะลุแนว 850 จุด ส่งผลให้ S50H16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นอีกเล็กน้อย เป็น 6.66 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 6.20 จุด ทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิยังคงทะลุ 100,000 สัญญา เป็น 107,254 สัญญา
แม้ว่าตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิเป็นวันที่ 5 มากถึง 16,137 ล้านบาท รวม 5 วันทำการขายสุทธิ 39,768 ล้านบาท เทียบกับ 6 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 21,997 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยปรับฐานลงแรงขึ้น ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมากถึง 2.61bps จากวันก่อนหน้าลดลงเพียง 0.10bps ปิดที่ 2.070%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเหลือ 910 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,160 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 เร่งขึ้นอย่างโดดเด่น กลับมาเน้นกลุ่มธนาคารอีกครั้ง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิมากถึง 2,027 ล้านบาท เร่งขึ้นจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 811 ล้านบาท รวม 8 วันทำการซื้อสุทธิ 7,794 ล้านบาท โดยกลับมาเน้นกลุ่มธนาคารและขนส่งอย่างโดดเด่น สรุปภาพรวมดังต่อไปนี้
1. กลุ่มธนาคารกลับมาซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 431 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 266 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 398 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 267 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 372 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 481 ล้านบาท และกลุ่มโรงพยาบาล ซื้อสุทธิ 341 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า ซื้อสุทธิ 149 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่ม ICT ถูกขายสุทธิสูงสุด 104 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขายสุทธิ 3 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง:
ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น เดือนก.พ. เท่ากับ 49.8 จุด ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 53.7 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 53.7 จุด เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ Government shutdown ในเดือนต.ค. 2556 แม้ว่าคำสั่งซื้อใหม่จะเพิ่มขึ้นแต่เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวต่ำสุดในรอบ 6 ปี
ยอดขายบ้านใหม่ เดือนม.ค. เท่ากับ 4.94 แสนหลัง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 5.20 แสนหลัง และเดือนก่อนหน้าที่ 5.44 แสนหลัง ทั้งนี้ราคาเฉลี่ยลดลง 5.7% mom เป็น US$2.788 แสน และลดลง 4.5% yoy น่าจะเป็นปัจจัยพยุงยอดขายบ้าน
ยุโรป
ไม่มี
จีน
เศรษฐกิจฮ่องกงคาดเติบโตชะลอตัว: ทางการฮ่องกงประเมินเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโต 1-2% ชะลอตัวจากปี 2558 ที่ขยายตัว 2.4% ขณะที่ 4Q58 เศรษฐกิจเติบโตเพียง 0.2% qoq ต่ำกว่าที่ Bloomberg consensus คาดการณ์ที่ 0.3% qoq ทั้งนี้เป็นผลจากแรงกดดันในภาคการบริโภค และการลงทุนภายในฮ่องกง
เอเชียแปซิฟิก
ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในอินโดนีเซียเริ่มเผชิญกับหนี้เสีย: ธนาคาร Mandiri เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่สุดในแง่ของสินทรัพย์ รายงาน NPLs แตะระดับ 2.6% ของยอดสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2558 เป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี จาก 2.1% ณ สิ้นปี 2557 แนวโน้มในปีนี้ NPLs จะอยู่ระหว่าง 2.5-3.0% ของสินเชื่อรวม
คำสั่งภาคส่งออกไต้หวันหดตัวแรงกว่าคาด: ลดลง 12.4% yoy ในเดือน ม.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 12.3% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาดลดลง 10.5% yoy โดยคำสั่งซื้อจากยุโรป, จีนและสหรัฐฯลดลง 18.0%, 11.9% และ 9.5% yoy
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530