- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 24 February 2016 17:59
- Hits: 610
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET เริ่มเสี่ยงขึ้น ดังนั้นจากลงซื้อ-ขึ้นถือ เปลี่ยนเป็น ลงซื้อ-ขึ้นขาย!!
กลยุทธ์ : SET ดีดกลับขึ้นแรงพอควรในช่วง 2 วันนี้ ทำให้อาจมีแรงขายกดดันให้ผันผวนและพักตัวลงอีกครั้งได้ แต่คาดกรอบลบยังจำกัด และลุ้นโอกาสขยับขึ้นไปแถว 1350 จุดหรือใกล้เคียงได้อีกตามคาด จึงยังเน้นถือเพื่อรอขายตามเป้าหมายได้ต่อ อย่างไรก็ตาม SET ขยับขึ้นมาพอควรแล้วในช่วงต้นปี 2016 ทำให้ต้องระวังแรงขายกดดันมากขึ้น ดังนั้นแนะนำให้เริ่มทยอยขายลดพอร์ตลงบ้างในช่วงตลาดบวก
หุ้นเด่นทางเทคนิค : THCOM, AKR, CHG(short)
แนวโน้ม : SET วานนี้แม้ว่าจะเคลื่อนไหวในด้านบวกเป็นหลัก แต่ก็เป็นเพียงการขยับบวกต่อในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด และแกว่งตัวผันผวนพอควรอยู่ในกรอบ 1320-1330 จุดโดยประมาณตลอดวัน แสดงถึงแรงขายทำกำไรที่มีออกมากดดันต่อเนื่อง หลังจากปลายสัปดาห์ที่แล้วดัชนีดีดขึ้นมาค่อนข้างแรง ในขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน ส่วนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ฟื้นตัวขึ้นมาหนุนตลาดในสัปดาห์ที่แล้ว ก็เริ่มมีจังหวะปรับพักตัวลงอีกครั้ง เนื่องจาก รมว.น้ำมันของซาอุดิอาระเบียระบุว่ายังไม่มีแผนที่จะปรับลดกำลังการผลิตในเร็วๆ นี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงถึงกว่า 4% เมื่อคืนนี้ ซึ่งกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปิดปรับตัวลดลงกว่า 1% รวมทั้งตลาดหุ้นประเทศต่างๆ ยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ผันผวนด้วย ส่วนตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียเช้านี้ก็ยังอยู่ระหว่างแกว่งพักตัวลงต่อเนื่องจากวานนี้อีก ทำให้ FSS คาดว่า SET มีสิทธิที่จะปรับพักตัวลงบ้าง แต่เรายังมองว่าเป็นการพักตัวในกรอบจำกัด และยังมีแนวโน้มรีบาวด์กลับขึ้นหาเป้าหมาย 1350 จุด(+/-) เพื่อให้เป็นจังหวะในการทยอยขายได้อีกในช่วงถัดไป
แนวรับ 1322-1318 , 1315-1310 จุด
แนวต้าน 1329-1330 , 1334-1338 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$45ล้าน ส่วนใหญ่เข้าไต้หวัน US$40.8ล้าน อินโดนีเซีย US$33.7ล้าน และไทย US$26.6ล้าน ขณะที่ไหลออกเกาหลีใต้ US$60.9 ล้าน แนวโน้มเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคจากการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางในหลายประเทศแต่อาจชะลอตัวลงเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงอีก 4% เมื่อคืนนี้หลังจากซาอุฯปฏิเสธที่จะลดกำลังการผลิต และผลประกอบการกลุ่มธนาคารยุโรปและสหรัฐที่น่าผิดหวัง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) BIG มูลค่าตลาดกล้อง Mirrorless เป็นตลาดเดียวที่โตถึง 92% ในปี 2015 สวนทางตลาดกล้อง Compact และ DSLR ที่ลดลง 20% และ 31% ตามลำดับ ขณะที่ BIG เป็นผู้เล่นรายใหญ่มีส่วนแบ่งตลาดในตลาดกล้อง Mirrorless ถึง 70% จึงได้ประโยชน์เต็มที่ เห็นได้จากกำไรปี 2015 ที่โต 235% Y-Y อัตรากำไรสุทธิต่อรายได้ขยับขึ้นเป็น 11% และมี ROE สูงถึง 49% ตลาดกล้อง Mirrorless ยังขยายตัวได้อีก 2 ปีเป็นอย่างน้อย เราปรับกำไรในปีนี้ขึ้น 11% เป็นเติบโต 20% Y-Y ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 2.50 บาทจาก 2.30 บาท (PE 16 เท่า) ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE เพียง 12.8 เท่า ยังคงแนะนำซื้อ
(0) TVT กำไร 4Q15 ดีกว่าคาด เพิ่มถึง 176% Q-Q เป็น 25 ล้านบาท จากการควบคุมต้นทุนบริการดีกว่าคาด ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 32.6% จาก 18.5% ใน 3Q15 ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปีโต 80% Y-Y เรายังคงคาดกำไรปีนี้โตต่อ 41.5% Y-Y คงราคาพื้นฐาน 2.22 บาท ราคาหุ้นปรับขึ้นจนเหลือ upside ต่ำกว่า 10% ประกอบกับความชัดเจนของดีล M&A เลื่อนออกไปเป็น 2Q16 จาก 1Q16 ลดคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ
(+) TU กำไรสุทธิต่ำสุดในรอบ 4 ไตรมาสจากรายการพิเศษ เหลือ 757 ล้านบาท -53% Q-Q, +8.5% Y-Y ส่วนกำไรปกติเป็น 1.41 พันล้านบาท -21% Q-Q ตามฤดูกาล ทำให้กำไรปกติทั้งปี +4.8% Y-Y การเติบโตต่ำมาจากราคาปลาทูน่าที่ปรับลงและค่าใช้จ่ายสูงขึ้น เราคาดกำไรปกติปีนี้จะกลับมาโต 16.6% Y-Y จากราคาปลาทูน่าที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ธุรกิจกุ้งฟื้นตัว และรับรู้กำไรของ Rugen Fish (ธุรกิจอาหารทะเลกระป๋องในเยอรมนี) ตั้งแต่ ก.พ. นี้ เรายังคงราคาพื้นฐาน 22.50 บาท ยังแนะนำซื้อ
(+) GFPT กำไรสุทธิดีกว่าคาดเล็กน้อย +38% Q-Q, +22% Y-Y จากอัตรากำไรขั้นต้นและส่วนแบ่งกำไรจาก McKey ที่สูงกว่าคาด แต่กำไรสุทธิทั้งปีหดตัว 33% Y-Y จากปริมาณขายและราคาขายไก่ที่ลดลง เราคาดกำไรปีนี้กลับมาฟื้นตัว +11.6% Y-Y จากปัญหา Oversupply ที่เริ่มคลี่คลายและแนวโน้มราคาวัตถุดิบอ่อนตัวลง ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE เพียง 10.4 เท่าและ PBV 1.5 เท่า ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 13 บาท
(-) TASCO กำไรผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในปี 2015 แม้จะมีปัจจัยบวกหลายอย่างในปีนี้ทั้งปริมาณขายที่จะเพิ่มขึ้นจาก demand ในประเทศที่ยังดีและการรุกตลาดส่งออก พร้อมกับตั้งเป้าเป็นผู้ผลิตระดับโลก และดอกเบี้ยจ่ายที่จะลดลงจากการคืนเงินกู้ไปเป็นจำนวนมากในปีก่อน รวมถึงการวางแผนภาษี แต่ต้นทุนน้ำมันดิบที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและทยอยขยับขึ้นอย่างช้าๆ ขณะที่ราคายางมะตอยปรับลงสะท้อนราคาน้ำมันดิบมากขึ้น จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นแคบลง เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ -22% Y-Y ราคาพื้นฐาน 27 บาท แนะนำถือเพื่อรอขาย หรือ switch เข้า ARROW
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดลบกว่า 1% จากราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงหลังซาอุดิอาระเบียปฏิเสธที่จะลดกำลังการผลิตลง รวมถึงตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ที่ต่ำกว่าคาด
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบค่อนข้างแรงเช่นกันจากราคาสินค้า Commodity ที่ปรับลง รวมถึงนัลงทุนตอบรับเชิงลบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
(-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใส
(0) ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออกข้างโดยเคลื่อนไหวในกรอบ 35.68-35.77 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ร่วงลง 1.52 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 31.87 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังซาอุดิอาระเบียระบุว่ายังไม่มีแผนที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง ขณะที่ IEA คาดว่าราคาน้ำมันจะยังเคลื่อนไหวในระดับต่ำ
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 12.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,222.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตลาดหุ้นทั่วโลกและน้ำมันปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง ทำให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
24-ก.พ. - ฮ่องกง: 2015 GDP
- สิงคโปร์: 4Q15 (ตลาดคาด +1.8% Y-Y ชะลอจากปีก่อนที่โต 2.5%)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (ม.ค.)
25-ก.พ. - ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการ วันปฎิวัตประชาชน Edsa People Power
- ไทย: ดุลการค้า (ม.ค.)
- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ม.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ม.ค.)
26-ก.พ. - สหรัฐ: 4Q15 GDP (ตลาดคาด +0.5% Q-Q ชะลอจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ +0.7% Q-Q)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.พ.)
29-ก.พ. - ตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการ
- ไทย: วันสุดท้ายส่งงบการเงินปี 2015, ธปท.รายงานเศรษฐกิจเดือน ม.ค.
- สหรัฐ: Pending home sales (ม.ค.)
1-มี.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ก.พ.)
- จีน: Manufacturing PMI (ก.พ.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ก.พ.)
2-มี.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ก.พ.), Fed Beige Book
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch