- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 10 July 2014 18:21
- Hits: 2363
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ยืนเหนือ 1490 ยังเลือกซื้อ/ถือต่อได้”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาพตลาดวันก่อน : # ดัชนีปิดทรงตัวที่ 1507.92 มูลค่าซื้อขายประมาณ 4.1 หมื่นล้านบาท นักลงทุนเลือกซื้อหุ้นกระจายไปในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ
ขณะเดียวกัน ก็มีการขายทำกำไรในหุ้นที่ราคาปรับขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า ปัจจัยที่ติดตาม คือ สัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ และ
รายงานกำไรไตรมาส 2/57 ของบริษัทจดทะเบียน นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อ 1.9 พันล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อ-ขายใกล้เคียงกัน ส่วนสถาบันในประเทศ
และรายย่อยขายสุทธิ (จะสังเกตได้ว่า นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อสุทธิเพิ่มขึ้น ขณะที่กองทุนในประเทศเริ่มเบาพอร์ตลง)
ปัจจัยและกลยุทธ์ : # Sentiment ตลาดต่างประเทศเป็นบวกเล็กๆ หลังจากรายงานการประชุมเฟดย้อนหลังเมื่อ 17-18 มิ.ย.57 ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องจับตา คือ อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ซึ่งล่าสุดได้ปรับขึ้นมาเหนือเป้าหมายระยะยาวที่ 2%เล็กน้อยแล้ว หากมีการเร่งตัวขึ้นอีก อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
# สำหรับภายในประเทศ วันนี้จับตาว่าการเข้าพบคสช.ของกสทช.เพื่อชี้แจงความจำเป็นในการเปิดประมูล 4G จะเป็นอย่างไร ทั้งนี้เราประเมินว่าในที่สุดก็จะมีการเปิดประมูล เพราะผู้บริโภคอาจได้รับผลกระทบเรื่องซิมดับถ้าการประมูลเลื่อนออกไปนาน ในเชิงกลยุทธ์เราจึงแนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นหลักในกลุ่มสื่อสารในจังหวะราคาอ่อนตัว ซึ่งจุดเด่นอีกประการของกลุ่มนี้ คือ การจ่ายปันผลสูง โดยปัจจุบัน Yield ของ ADVANC, INTUCH, DTACอยู่ที่ประมาณ 5% ต่อปี นอกจากนั้นยังคงมีการเลือกซื้อหุ้นขนาดกลาง-เล็กทั้งเพื่อเก็งกำไรและลงทุน หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น PCSGH
# กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก การอ่อนตัวต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ 1490 จุด มีแนวเด้ง 1480, 1460-1450 จุด ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1515-1520 จุด
Fundamental Pick
PCSGH แนะนำซื้อปิด 10.50 บาท ราคาเป้าหมาย 12 บาทหมายเหตุ : ราคา IPO เท่ากับ 8.60 บาท เข้า
ซื้อขายในตลาดฯวันแรก 14 มี.ค.57
# ผลประกอบการปี 57 จะอ่อนลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนที่ถูกกระทบจากโครงการรถยนต์คันแรก โดยยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นจะต่ำลงทั้งสองส่วน เนื่องจากอานิสงค์ทางบวกจาก Economy of scale ลดลงไปมาก (อัตรากำไรขั้นต้นในช่วงที่ดีมากของปี 56 อยู่สูงเกือบ 40% ซึ่งในช่วงสั้นมีการผลิตชิ้นส่วนในโครงการรถยนต์คันแรก ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 1/57 อยู่ที่ 25%)
# จุดเด่นของบริษัท คือ การที่มีเทคโนโลยีที่ดีทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าคู่แข่งขัน โดยมีการเขียนโปรแกรมการควบคุมการใช้แขนกลในการผลิตได้เอง ขณะที่คู่แข่งขันจะใช้ระบบ Turn key คือ ซื้อสายการผลิตทั้งหมดมาติดตั้ง ทำให้ต้นทุนในการผลิตของ PCSGH ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมมาก อัตรากำไรขั้นต้นจึงสูงกว่าค่าเฉลี่ยราว 10%
# คาดการณ์ว่าผลประกอบการปี 58 จะเติบโตได้ดี 15-20% และขยายตัวได้ต่อเนื่องในระยะต่อไปซึ่งเป็นไปตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่คาดการณ์ว่าปริมาณการผลิตรถยนต์ของไทยจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 2.2 ล้านคันในปีนี้เป็น 3 ล้านคันในปี 60
# แนะนำซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมาย 12 บาท อิงกับ P/E ปี 58 ที่ 12 เท่า หรือเทียบเท่ากับ PEG ที่0.7 เท่า
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
• สหรัฐ : เฟดคาดจะยุติ QE หลังประชุมในเดือนต.ค.ปีนี้
# รายงานการประชุมของเฟดระบุว่าการปรับลดขนาดโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบสุดท้ายจะมีขึ้นภายหลังการประชุมเดือนต.ค.57 ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของทาง RetailResearch DBSV โดยปัจจุบันวงเงิน QE ลดลงเหลือ 3.5 หมื่นล้านUS$/เดือน (ลดลงจากครั้งก่อนหน้า 1 หมื่นล้านUS$/เดือน) สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ เราคาดว่าจะเริ่มตั้งแต่3Q57 เป็นต้นไป
# ญี่ปุ่น : ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานพ.ค.อ่อนแอกว่าคาด
# ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐาน (ไม่รวมการต่อเรือและสาธารณูปโภค) ในภาคเอกชนของญี่ปุ่นปรับตัวลดลง 19.5%MoM ในเดือนพ.ค.57 มาอยู่ที่ระดับ 6.853 แสนล้านเยน สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น
+ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น หลังเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบ 17-18 มิ.ย.ที่ผ่านมา
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,985.61 จุด เพิ่มขึ้น 78.99 จุด หรือ +0.47% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,419.03 จุด เพิ่มขึ้น 27.57 จุด หรือ +0.63% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,972.83 จุดเพิ่มขึ้น 9.12 จุด หรือ +0.46% ทั้งนี้เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด ในรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)ประจำวันที่ 17-18 มิ.ย.57
- สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังคาดว่าจะมีSupply จากลิเบียเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 1.11 ดอลลาร์ ปิดที่ 102.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 66 เซนต์ ปิดที่ 108.28ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ตลาดคาดการณ์ว่าอาจจะมีน้ำมันดิบหลายแสนบาร์เรลจากลิเบียเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลก
+ สัญญาทองคำ COMEX ปรับขึ้น
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 7.8 ดอลลาร์หรือ 0.59% ปิดที่ 1,324.3 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
• ธปท.คาดปี 58 เศรษฐกิจไทยเติบโตเต็มศักยภาพที่ 5.5% ได้ ส่วนปี 57 จะขยายตัวได้ 2.5% ต้องอาศัยแรงกระตุ้นจากการลงทุนภาครัฐ
# นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาเติบโตได้เต็มศักยภาพในปี 58 ที่ระดับ 5.5% ส่วนช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ 3-4% และทั้งปีนี้ก็น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ธปท.คาดการณ์ไว้ 1.5%
# ความเห็น Retail Research DBSV : เราเห็นเช่นเดียวกันกับธปท.ว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระดับ 2.5% ปีนี้ มีโอกาสเป็นไปได้ถ้าภาครัฐมีการลงทุนมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2H58 แต่ในส่วนของภาคครัวเรือนยังมีข้อจำกัดการเติบโตตรงที่หนี้สินภาคครัวเรือนของไทยสูงมากราว 80% ของ GDP สำหรับภาคส่งออกและท่องเที่ยว ก็คาดว่าจะขยายตัวได้ไม่มากเพราะเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวอย่างเปราะบางและบางอุตสาหกรรมส่งออกของไทยก็ติดปัญหาปริมาณผลผลิตตกต่ำ เช่น กุ้ง และราคาตกต่ำ เช่น ยางพารา, น้ำตาล ฯลฯ บางอุตสาหกรรมปรับตัวไม่ทันกับโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น HDD และบางอุตสาหกรรมเพิ่งเริ่มฟื้นตัว เช่นยานยนต์และชิ้นส่วน เป็นต้น ส่วนการท่องเที่ยว ใน 3Q ยังเป็น Low Season แต่คาดว่าจะดีขึ้นใน4Q ซึ่งเป็น High season รอบใหม
• กสทช.เตรียมชี้แจงความจำเป็นเปิดประมูล 4G ต่อคสช.วันนี้ (10 ก.ค.)
# กสทช.เตรียมเสนอความจำเป็นเรื่องการประมูล1800 MHz และ 900 MHz (4G) ให้คสช.พิจารณาในวันนี้ (10 ก.ค.57) โดยประเมินว่าลูกค้าราว 4 ล้านรายอาจมีปัญหาซิมดับ ถ้าการประมูลต้องเลื่อนออกไปเป็นเวลานาน
# สำหรับ ADVANC ขณะนี้เป็นผู้ประกอบการที่มีความเสี่ยงมากกว่า DTAC และ TRUE เพราะเหลืออายุสัมปทาน อีกประมาณ 1 ปีกว่า (จะสิ้นสุด 15 ก.ย.58) และมีฐานลูกค้าใหญ่เป็นจำนวนมาก ขณะที่มีคลื่นความถี่น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งขัน ซึ่งเป็นความเสียเปรียบทางธุรกิจ แต่บริษัทก็กำลังหารือกับเจ้าของสัมปทาน คือ TOT เพื่อบริหารจัดการในเรื่องนี้
# ด้าน DTAC และ TRUE ซึ่งได้รับผลกระทบจากเลื่อนเปิดประมูล 4G น้อยกว่า ADVANC เพราะมีคลื่นความถี่เหลือมากกว่า แต่ทางผู้บริหารก็ประเมินว่าอาจกระทบถ้าการเลื่อนประมูลนานกว่า 6-7เดือนขึ้นไป
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]