- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 18 February 2016 22:13
- Hits: 757
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด ทิศทางตลาด ปรับขึ้น? ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ภายใต้ปัจจัยบวก (1) ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้ม มีเสถียรภาพมากขึ้น และคาดกลับเป็น Sentiment ที่ดีต่อการกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังอิหร่านตัดสินใจให้ความร่วมมือกับโอเปก เพื่อพยุงราคาน้ำมัน และ (2) ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงการส่งสัญญาณของเฟดที่คาดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม (15 – 16/3/59) จากรายงานการประชุมเฟดที่มีความกังวลต่อราคาน้ำมันที่ลดลง และความผันผวนของตลาดเงินทั่วโลก ว่าอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้คาดว่าเฟดอาจไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ 4 ครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตามยังแนะติดตามทิศทางเศรษฐกิจของจีน แม้ในช่วงที่ผ่านมาทางการจีนใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยการอัดฉีดเม็ดเงินต่อเนื่อง แต่ตลาดยังไม่สะท้อนปัจจัยดังกล่าวเท่าที่ควร ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ คาดมีน้ำหนักเป็นบวก (1) แรงเก็งกำไรผลการดำเนินงาน / เงินปันผล ต่อเนื่อง ถึงปลาย
ก.พ. และ (2) Fund Flow จากแรงซื้อสุทธิของต่างชาติ ล่าสุดกว่า 2,900 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดขายสุทธิสะสม ลดลงเหลือประมาณ 11,000 ล้านบาท และยังคงแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ล่าสุดเช้านี้เคลื่อนไหว 35.58 – 35.61 บาท แข็งค่าเล็กน้อยจากวานนี้ที่ 35.60 บาท อย่างไรก็ตามคาดยังมีแนวโน้มแข็งค่า หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป อย่างไรก็ตามคาดหลังจากนี้ไป อาจได้รับปัจจัยบวกเข้ามาบ้างจากความเป็นไปได้ที่รัฐฯ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ทั้งกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ผ่านการปฏิรูปโครงสร้างภาษี และการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวในประเทศ และต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทย ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มท่องเที่ยวทั้งกลุ่มโรงแรม และกลุ่มสายการบิน รวมถึงประเด็นที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาการต่ออายุสิทธิประโยชนิ์ นำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวภายในประเทศ มาหักลดหย่อนการเสียภาษี หลังครบระยะเวลาบังคับใช้ไปเมื่อสิ้นปี’58 นอกเหนือจากการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการภาครัฐ ที่คาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งปลายก.พ. – ต้นมี.ค. กระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติการก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่อีก 4 เส้นทาง ประกอบด้วย (1) รถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี - ปากน้ำโพ 148 กิโลเมตร (2) ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ 131 กิโลเมตร (3) ช่วงนครปฐม - หัวหิน 170 กิโลเมตร และ (4) ช่วงประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร 167 กิโลเมตร ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้ (+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +257.42, NASDAQ +98.11, S&P +31.24, FTSE +168.15, CAC +122.81 และ DAX +242.10 ภายใต้ปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมัน หลังมีรายงานว่าอิหร่านได้ตัดสินใจร่วมมือกับโอเปก เพื่อพยุงราคาน้ำมันให้มีเสถียรภาพ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดย (1) การผลิตภาคอุตสาหกรรม – ม.ค. เพิ่มขึ้น 0.9% สูงกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% (2) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) – ม.ค. เพิ่มขึ้น 0.1% สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 0.2% และ (3) ผลสำรวจของ Investors Intelligence (II) ระบุว่า จำนวนที่ปรึกษาทางการเงินที่มีความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นสหรัฐ ได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 26.5% ในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 24.7% เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มี.ค. +US$1.62 อยู่ที่ US$ 30.66ต่อบาร์เรล หลังอิหร่านได้ตัดสินใจร่วมมือกับกลุ่มโอเปก เพื่อพยุงราคาน้ำมันให้มีเสถียรภาพ และปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ข้างต้น โดยเฉพาะตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ดีกว่าคาด ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$3.2 อยู่ที่ US$ 1,211.4 ต่อออนซ์ จากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง หลังเปิดเผยรายงานการประชุมเฟด บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้แสดงความกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +2,909 ล้านบาท สะสม YTD -11,093 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ) P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%) 21.16 1.72 3.42 ที่มา : www.set.or.th มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.) มูลค่าการซื้อขาย 44,948.91 สถาบัน -5,958.94 บัญชีหลักทรัพย์ +127.02 ต่างประเทศ +2,908.58 ในประเทศ +2,923.34
ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ (2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และช่วง High Season ของการท่องเที่ยว คาดส่งผลดีต่อ BA, AAV (3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP
และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจาก 4Q/58-1Q/59 โดยคาดผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 4Q/58 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า 1H/59 (5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59 (6) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน คาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59 ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.04 อยู่ที่ 1.82% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.80 อยู่ที่ 22.31 หุ้นแนะนำ : AAV
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788