- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 17 February 2016 19:31
- Hits: 3095
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'แกว่งไม่หลุด 1280 ยังถือลุ้นได้'
Stock Picks-Feb 2016 : Fundamental : INTUCH, KBANK, GFPT, PTT, TU และ Dark Horse เป็น SAMTEL
Fundamental Pick -Today: EPG(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : ANAN 66%, DTAC 17%, TRUE & TU 13%, KCE 12%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อค่าบวก 1300,1310-1320 หลุด 1280
SET50 790,780 820, 830-840 หลุด 800
Technical Picks - Today KKP, GL, CPN, SPRC, MINT, TVT, IVL
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : KCE (จากถือเป็นซื้อ) BH (จากถือเป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับขึ้นในช่วงแรก แล้วอ่อนลงจากแรงขายทำกำไรระยะสั้นในช่วงบ่าย ปิดตลาด SET Index ทรงตัวที่ 1289.36 ทั้งนี้นักลงทุนมองว่าราคาหุ้นที่ปรับขึ้นได้สะท้อนปัจจัยบวกระยะสั้นไปแล้ว และกำลังรอดูว่าจะมีข่าวบวกใหม่หรือไม่ นักลงทุนสถาบันในประเทศนำซื้อสุทธิ 2.6 พันล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิเล็กน้อย ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิ
ในระยะสั้นนักลงทุนมีมุมมองดีขึ้นกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐหลังตัวเลขค้าปลีกเดือนม.ค.ออกมาเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด และยอดปล่อยสินเชื่อเดือนม.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นมาก สถานการณ์ในตลาดน้ำมันที่ดีขึ้น โดยผู้ผลิตบางรายเริ่มเจรจาหาทางพยุงราคากัน มีความหวังว่า ECB และ BOJ จะมีมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง นอกจากนั้นกองทุนขนาดใหญก็มีโอกาสเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นหลังราคาตราสารหนี้ปรับขึ้นมามากจน Yield ต่ำหรือติดลบ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตลาดก็ยังต้องรอดูต่อว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐและจีนจะมีพัฒนาการทางบวกต่อหรือไม่ ผู้ผลิตน้ำมันจะตรึงปริมาณการผลิตได้ตามที่ตกลงหรือไม่ รวมถึงต้องจับตาผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB, BOJ และ FED ในเดือนมี.ค.นี้ด้วยว่าจะมีมุมมองต่อเศรษฐกิจและมีมาตรการกระตุ้นอย่างไร โดยรวมเห็นว่าแม้ตลาดหุ้นจะดูดีขึ้นในช่วงสั้น แต่ยังต้องระวังการลงทุนเพราะยังเป็นการรีบาวด์ในตลาดขาลง กลยุทธ์ : ลงทุนระยะยาว เลือกและทยอยสะสมหุ้นจังหวะอ่อนตัว ลงทุนตามรอบ เลือกซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวเพื่อขายช่วงรีบาวด์ โดยไม่ควรหวัง Gap กำไรมากนักเพราะตลาดยังผันผวน หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เลือกเป็น EPG
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวกเล็กๆ ให้แนวต้านระยะสั้น 1300, 1310-1320 จุด เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี ต่ำกว่า 1280 จุด ควรลดพอร์ตตาม สำหรับ SET50 มีแนวต้านระยะสั้น 820, 830-840 จุด และมีจุด Stop loss ที่ 800 จุด และแนวรับ 790, 780-770 จุด การ SCAN หุ้นที่เทคนิคดี ราคามีโอกาสทำ New High พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น HFT, KKP, MINT
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
จีน : การปล่อยกู้เดือนม.ค.พุ่งขึ้นแรง...แต่น่าจะเป็นเพียงชั่วคราว โดยยอดการปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 71%YoY สู่ระดับ 2.51 ล้านล้านหยวน (3.85 แสนล้านดอลลาร์) และเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบ MoM ด้านตัวเลขเงินทุนที่บริษัทนอกภาคการเงินและครัวเรือนได้รับจากระบบการเงินในเดือนม.ค.ก็เติบโตเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบ MoM เป็น 3.42 แสนล้านหยวน
นักวิเคราะห์ของ DBS Bank กล่าวว่าการเติบโตสูงในเดือนม.ค.2016 มาจากการที่ธนาคารหลายแห่งปล่อยสินเชื่อไม่มากใน 4Q15 เพราะปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมายแล้ว จึงเลื่อนมาปล่อยสินเชื่อในต้นปี 2016 เพื่อให้เป็นไปตาม KPI ของปีนี้ และบางแห่งมองว่าจะทำให้ NIM ปี 2015 แคบลง นอกจากนั้นการฟื้นตัวของอสังหาริมทรัพย์ก็ช่วยหนุนการเติบโตของสินเชื่อด้วย (สินเชื่อที่พักอาศัยเดือนม.ค.16 เพิ่มเป็น 4.78 แสนล้านหยวนจาก 2.92 แสนล้านหยวนในเดือนธ.ค.ปีก่อน) ทาง DBS มองว่าการเติบโตสูงอาจจะเป็นเพียงชั่วคราวเพราะติดเรื่องโควต้าในการปล่อยสินเชื่อและเศรษฐกิจยังชะลอตัว
- ญี่ปุ่น : ยอดซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเขตโตเกียวยังซบเซา โดยยอดจดทะเบียนคอนโดมิเนียมในเขตกรุงโตเกียวเดือนม.ค.16 ลดลง 11%YoY แต่ราคาคอนโดเพิ่มขึ้น 25%YoY เป็น 4.87 แสนดอลลาร์สหรัฐ/ยูนิต อัตราส่วนผู้สนใจซื้อลดลงเป็น 58.6% (ต่ำกว่า 70% คือความสนใจต่ำ) โดยเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีที่ตัวเลขนี้ต่ำกว่า 60%
4 ประเทศผู้ผลิตน้ำมันเห็นพ้องที่จะตรึงปริมาณการผลิต แต่ไม่ปรับลดการผลิต และจะตรึงปริมาณผลิตเมื่อผู้ผลิตรายอื่นๆ ต้องปฎิบัติตามนี้ด้วย ทั้งนี้เมื่อวาน (16 ก.พ. 2016) มีการประชุมร่วมระหว่างประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ คือ ซาอุดิอาระเบีย, รัสเซีย, กาตาร์ และเวเนซูเอล่า ที่ประเทศกาตาร์ ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องที่จะตรึงกำลังการผลิตน้ำมันไว้โดยมีเงื่อนไขว่าประเทศผู้ผลิตอื่นๆก็ต้องตรึงปริมาณผลิตด้วยเช่นกัน โดยยังไม่มีการปรับลดปริมาณการผลิตลง ซึ่งนักวิเคราะห์และตลาดผิดหวังในจุดนี้ และวันนี้ (17 ก.พ.) รัฐมนตรีน้ำมันเวเนซูเอล่าจะมีการประชุมหารือกับอิรักและอิหร่านต่อ
- ราคาน้ำมันดิบอ่อนลง โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบมี.ค.ปิด -0.40 ดอลลาร์ที่ 29.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเม.ย.ปิด -1.21 ดอลลาร์ที่ 32.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
+ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้น โดยดัชนี DJIA ปิด +222.57 จุดที่ 16,196.41 นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ธนาคาร ค้าปลีก และพลังงาน ซึ่งได้อานิสงค์ทางบวกจากตัวเลขค้าปลีกเดือนม.ค.ของสหรัฐที่เติบโตดีเกินคาด และการปล่อยสินเชื่อใหม่ของจีนที่เติบโตก้าวกระโดดในเดือนม.ค.16
- สัญญาทองคำตลาด COMEX ร่วงลงแรง โดยสัญญาส่งมอบเม.ย.ปิด -31.2 ดอลลาร์ มาปิดที่ 1,208.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการกลับมาแข็งค่าของเงินดอลลาร์และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐและจีนเดือนม.ค.ที่ออกมาดี
+ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับขึ้น โดยเช้าวันนี้อยู่ที่ 97+/- จากระดับต่ำสุดของรอบนี้ที่ 95.56 หนุนโดยตัวเลขค้าปลีกของสหรัฐที่ออกมาดี ส่วนค่าเงินเยนทรงๆ ที่ 114.2 เยน/ดอลลาร์ และเงินบาทเคลื่อนไหวใกล้กับวันก่อนหน้าที่บริเวณ 35.65 บาท/ดอลลาร์
+ ในระยะสั้นหลายกองทุนกำลังพิจารณาลดน้ำหนักลงทุนในตราสารหนี้และเพิ่มการลงทุนในหุ้น ทั้งนี้กองทุนขนาดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญมีโอกาสที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น (Equity) มากขึ้น หลังจากที่ราคาพันธบัตรและตราสารหนี้ปรับขึ้นมาก โดยหลายกองทุนได้ขายทำกำไรในตราสารที่ Yield ต่ำมากหรือติดลบ รวมถึงลดการลงทุนในตราสารหนี้ที่ไม่มีอันดับความน่าเชื่อถือ (High yield bond) ที่กำลังมีความเสี่ยงสูงขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
- อดีตเลขาฯอังค์ถัดมองเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวและเติบโตอย่างจำกัด นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการอังค์ถัดเปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ส่องเศรษฐกิจโลกเจาะธุรกิจไทย 2016 ซึ่งจัดโดยธนาคารทหารไทยว่า เศรษฐกิจโลกยังซึมลึกและอยู่ในภาวะตกต่ำเพราะการค้าโลกยังซบเซา การขยายตัวเหลือเพียง 1-2% หลังส่งออกลดลง สินค้าโภคภัณฑ์และน้ำมันราคาตกต่ำ ที่สำคัญเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะเปราะบางเห็นได้จากการที่สหรัฐอัดเงินเข้าไปในระบบ 6-7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เศรษฐกิจก็ขยายตัวได้เพียง 2% และการขยายตัวเกิดเฉพาะภาคบริการ แต่ภาคอุตสาหกรรมยังไม่ฟื้นตัว ตัวเลขการจ้างงานที่ดีขึ้นน่าจะเป็นการจ้างชั่วคราวในกลุ่มของงานบริการเท่านั้น
กลุ่มทีวีดิจิตอล : ยังไม่มีข้อสรุปแนวทางแก้ปัญหาทีวีดิจิตอล กสทช.ได้รายงานวการแก้ไขปัญหาทีวีดิจิตอลให้ที่ประชุมบอร์ดกสทช.รับทราบว่ายังไม่สามารถสรุปแนวทางแก้ไขปัญหาได้ชัดเจน เนื่องจากตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงการคลัง ขอกลับไปพิจารณารายละเอียดและจะนำมาหารือในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ข้อยุติที่ชัดเจนภายในเดือนก.พ. หรืออย่างช้าก่อนวันที่ 5 มี.ค.นี้
KCE (ราคาปิด 73.25 บาท) : ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 84 บาท (เดิม 77 บาท) โดยอิงกับ P/E ปี 2016 ที่ 15 เท่า ทั้งนี้กำไร 4Q15 ออกมาเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งตามคาด โดย Core Profit เท่ากับ 631 ล้านบาท (+47%YoY และ +5%QoQ) ยังผลให้ทั้งปี 2015 มี Core Profit 2.2 พันล้านบาท (+22%YoY) ทาง DBSV ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2016-2017 ขึ้นสะท้อนประสิทธิภาพในการผลิตที่ดีกว่าคาด ทำให้ต้นทุนลดลงและมีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้นเป็น 33.9% และ 34.4% ในสองปีดังกล่าว ซึ่งเพิ่มจาก 31.4% ในปี 2015 คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2016 ขยายตัว 45% และเติบโตได้อีก 20% ในปี 2017 แนะนำซื้อ ส่วนความเสี่ยงหลัก คือ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน, การแกว่งตัวของราคาวัตถุดิบ และการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี แต่บริษัทก็มีความพร้อมที่จะรองรับความเสี่ยงเหล่านี้พอควร
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]