WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

กลยุทธ์การลงทุน
     การที่ SET Index ยืนอยู่ที่ระดับ Current PER 15.9 เท่า ถือเป็นระดับที่มีความเสี่ยงต่อการปรับฐานได้ตลอดเวลา การเลือกหุ้นเก็บในพอร์ตต้องเข้าสู่โหมดปลอดภัย เน้นหุ้น Dividend อย่างเช่น KKP และ BECL ส่วนหุ้นในกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมามาก และเริ่มมีปัจจัยลบกดดัน ควรทยอยขายทำกำไร โดยวันนี้นักวิเคราะห์แนะนำ ขายทำกำไร ITD

ส.ค.-ก.ย. 2557 ตั้ง ครม. คาดเลือกตั้งทั่วไปได้ ส.ค.-ต.ค. 2558
      โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ชี้แจงทำความเข้าใจต่อผู้ช่วยทูตทหาร 20 ประเทศ ซึ่งได้มีการกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการภายใต้ คสช. เบื้องต้นดังนี้คือ ภายในเดือน กรกฎาคม 2557 คาดว่าจะสามารถนำร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราว ขึ้นทูลเกล้าฯ ช่วงเดือน สิงหาคม - กันยายน 2557 จะเป็นกระบวนกาแต่งตั้ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.), ตั้งคณะรัฐมนตรี และ การสรรหาสมาชิกสภาปฎิรูป เดือน ตุลาคม 2557 ตั้งสภาปฎิรูป ช่วง ตุลาคม 2557 - กรกฎาคม 2558 เป็นช่วงเวลาที่สภาปฎิรูป จัดทำข้อเสนอในการปฎิรูปประเทศกรกฎาคม 2558 การร่างรัฐธรรมนูญ ใหม่ แล้วเสร็จ


        เดือน สิงหาคม – ตุลาคม 2558 รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ และจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. – ส.ว.
        ถือเป็นกรอบเวลาที่มีความชัดเจน และเป็นไปตามที่หัวหน้า คสช. ได้เคยประกาศไว้ ประเด็นที่ต้องติดตามต่อไปคงเป็นเรี่องของรายละเอียดของแต่ละขั้นตอน เฉพาะอย่างยิ่งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญชั่วคราว และฉบับถาวร รวมถึงตัวบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่ คณะรัฐมนตรี ในช่วงเวลาก่อนที่จะมีการจัดการเลือกตั้ง สำหรับผลกระทบต่อ SET Index อันเนื่องมาจากปัจจัยทางด้านการเมืองโดยภาพรวม ในช่วงเวลานี้ไม่น่าจะมีน้ำหนักมากนัก แต่การที่ SET Index มีค่า Current PER เข้าใกล้ 16 เท่า ก็อาจจะทำให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมาได้ตลอดเวลา หากมีประเด็นที่ผิดจากความคาดหมายเกิดขึ้น นักลงทุนควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง

กลยุทธ์การลงทุนจึงควรทยอยขายหุ้นที่มี P/E สูง ๆ พร้อมกับราคาหุ้นได้ขยับขึ้นแรงเกินไป เช่น IFEC (current P/E 506 เท่า) NWR (285 เท่า) TSTH (261 เท่า) EA (104 เท่า) PF (89 เท่า) GL (43 เท่า) ITD (35 เท่า) WORK (31 เท่า) ส่วนหุ้นเลือกลงทุนยังเน้นหุ้นใน 2 กลุ่มหลักคือ
1) EPS Growth สูง เกิน 10% และ P/E ไม่เกิน 15% และราคาหุ้นยังมี upside เกิน 10% ได้แก่ INTUCH (FV@B 109), STPI(FV@B 28.46), PTTEP(FV@B 195), SYNTEC(FV@B 2.23), AP(FV@B 7.1
2) Dividend Yield สูงเกิน 4% มีค่า P/E ไม่เกิน 15 เท่า และราคาหุ้นยังมี upside เกิน 10% ได้แก่ INTUCH (FV@B 109), PTTGC(FV@B 87), BCP(FV@B 36), TTW(FV@B 13.3), BECL(FV@B 45.0), KKP (FV@B 52.2), TISCO(FV@B 47.31), PTT(FV@B 360), PTTEP(FV@B 195)

เลื่อนประมูลโครงการรถไฟรางคู่ กดดันกลุ่มรับเหมาฯ ปรับลดคำแนะนำ ITD เป็น ขาย
        การประมูลโครงการรถไฟรางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย และช่วงบุใหญ่-แก่งคอย พร้อมทางคู่เลี่ยงเมือง ต้องถูกเลื่อนกำหนดออกไปอีกครั้ง จากที่เคยระบุว่าจะเปิดให้แข่งราคาในวันที่ 15 ก.ค. นี้ เนื่องจากคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) ยังตรวจสอบโครงการไม่เสร็จ เช่นเดียวกับการเปิดขายซองประมูลรอบใหม่ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-คูคต ที่ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังประธานบอร์ด รฟม. ลาออก เชื่อว่าการเลื่อนกำหนดการประมูลโครงการหลักดังกล่าว จะส่งผลลบต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาร้างที่ปรับตัวขึ้นมาแรงก่อนหน้านี้ จากความคาดหวังเชิงบวกต่อการเดินหน้าประมูลโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จากภาครัฐ โดยวันนี้ฝ่ายวิจัยมีการปรับลดคำแนะนำ ITD ลงจาก ซื้อ เป็น ขาย หลังราคาหุ้น ITD ปรับเพิ่มขึ้นจนเกิน Fair Value ที่ 4.89 บาท อีกทั้ง ITD ยังมีความเสี่ยงเพิ่มเติม หลังคณะ คสช. สั่งให้มีการทบทวนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านบาท ซึ่งอาจรวมถึงโครงการทวายที่ ITD ได้ลงเงินไปแล้วกว่า 6 พันล้านบาท และอยู่ในระหว่างกระบวนการทำเรื่องขอเงินคืน ต้องล่าช้าออกไปด้วย

รายงาน Fed เป็นไปตามคาด น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยฯ ครึ่งปีแรกของปีหน้า
       ผลการรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED Meeting) ระหว่างวันที่ 17-18 มิ.ย. ที่ผ่านมา เป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด โดย FED ยังคงดำเนินนโยบายการเงินเช่นเดิม คือ จะตัดลดวงเงินในการเข้าซื้อสินทรัพย์ทางการเงินต่อเนื่องอีกเดือนละ 1 หมื่นล้านเหรียญฯ (ในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาตัดลดครั้งที่ 5 มีมูลค่า 3.5 หมื่นล้านเหรียญฯ และคาดว่าจะสิ้นสุดโปรแกรมราวเดือน ต.ค. 2557) เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจาก FED ยังมีความกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับการผันผวนในสินทรัพย์ ค่าเงิน และ ตลาดตราสารหนี้
ทั้งนี้ หากพิจารณา ดัชนีชี้นำ ที่ FED ให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น อัตราเงินเฟ้อ ที่บรรลุเป้าหมายที่ 2% ต่อเนื่อง 2 เดือน (ล่าสุดเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 2.1%) และอัตราการว่างงาน ที่ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 6.5% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 (ในเดือน มิ.ย. อยู่ที่ 6.1% ต่ำสุดในรอบ 6 ปี) ซึ่งเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด แต่อัตราการว่างงานยังอยู่ไกลจากระดับ 5.5% หรือในช่วงก่อนวิกฤติซับไพร์ม ซึ่ง FED คาดว่าจะสามารถลดลงที่ระดับ 6% ได้ภายในสิ้นปี 2557 ซึ่งเป็นไปตามการรายงานตัวเลขของตลาดแรงงานที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น FED จึงมีมติให้ใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำ 0.25% ไปจนกระทั่งสิ้นปีนี้ แม้มาตรการตัดลด QE จะสิ้นสุดลง และยังไม่มีการกำหนดระยะเวลาในการปรับเพิ่มที่แน่นอน โดยมีทำให้นักเศรษฐศาสตร์ บางกลุ่ม ได้แก่ JP Morgan, Bank of Tokyo และ ประธาน FED สาขา เซ็นหลุยส์ คาดว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เร็วขึ้นกว่าเดิม คือ ในระหว่างช่วง 1Q58 - 3Q58 ซึ่งคาดว่าประเด็นนี้น่าจะมีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นโลกอีกครั้งหนึ่ง

ต่างชาติขายหุ้นภูมิภาค แต่ยังคงซื้อไทย
    วานนี้นักลงทุนต่างชาติสลับมาขายสุทธิหุ้นในภูมิภาคเล็กน้อยราว 68 ล้านเหรียญฯ (หลังจากซื้อสุทธิติดต่อกัน 2 วันก่อนหน้า) แต่เป็นการเลือกขายสุทธิเบาบางรายประเทศ เริ่มจากไต้หวันที่สลับมาขายสุทธิราว 64 ล้านเหรียญฯ (ซื้อสุทธิ 2 วันก่อนหน้า) ตามมาด้วย เกาหลีใต้ พลิกมาขายสุทธิใกล้เคียงกัน ราว 59 ล้านเหรียญฯ (ซื้อสุทธิ 9 วันก่อนหน้า) และฟิลิปปินส์สลับมาขายสุทธิเล็กน้อยราว 5 ล้านเหรียญฯ (ซื้อ 2 วันก่อนหน้า) สวนทางกับไทย ที่ยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ราว 60 ล้านเหรียญฯ (1.9 พันล้านบาท, ลดลง 9%) ส่วนตลาดในอินโดนีเซียปิดทำการ
     แม้ว่าต่างชาติจะเริ่มขายสุทธิหุ้นในภูมิภาคออกมาอีกครั้ง แต่กลับขายสุทธิออกมาเพียงเบาบาง และยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิในประเทศไทย เชื่อว่าเป็นผลจากการเทขายหุ้นไทยอย่างหนักในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตามต่างชาติมีโอกาสที่จะขายทำกำไรออกมาหลังจากที่เป็นผู้ซื้อสุทธิถึง 7 จาก 8 วันหลังสุด หนุนให้ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และ เข้าสู่ช่วงเทศกาลหยุดยาว

ภรณี ทองเย็น, CISA เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
พบชัย ภัทราวิชญ์
กษิดิ์เดช รัตนสมบูรณ์
มาราพร กี้วิริยะกุล

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!