- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 16 February 2016 16:23
- Hits: 815
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
อารมณ์การลงทุนกลับมา
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อวันนี้ด้วยหลายปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ค่าเงินเยน เงินหยวน หุ้นจีนเริ่มกลับมามีเสถียรภาพ ราคาน้ำมันบวกขึ้นจากความหวังมากขึ้นว่ามีการเจรจาลดกำลังการผลิต หุ้นยุโรปบวกแรงนำโดยหุ้นธนาคาร ซึ่งหมายความว่าที่ผ่านมานั้นกังวลไปกว่าเหตุ เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.8% ในปี 58 เป็นไปตามที่ตลาดคาด แต่การที่สภาพัฒน์ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ลงเป็น 2.8-3.8% จากเดิม 3.0-4.0% เป็นลบเล็กน้อยแต่ไม่น่าแปลกใจ
หุ้นเด่นวันนี้ : TU (ราคาปิด 19.10 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 59 ของ AWS 22.00 บาท)
บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป คือผู้ผลิตทูน่ากระป๋องอันดับหนึ่งของโลกและมุ่งมั่นที่จะก้าวเป็นผู้นำในการผลิตอาหารทะเลป้อนสู่ตลาดโลก เราคาดว่ายอดขายของบริษัทจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในปี 59-60 สนับสนุนโดยการเติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบัน, การคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บวกกับความสำเร็จในการเจรจาควบรวมกิจการ (M&A) ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจกุ้งของบริษัทก็ได้ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาหลังสามารถแก้ไขปัญหาโรคกุ้งตายด่วน (อีเอ็มเอส) ได้สำเร็จ ขณะที่การเข้าสู่ตลาดในตะวันออกกลางผ่านกิจการร่วมค้าซึ่งบริษัทถือหุ้น 50% ร่วมกับบริษัท Savola Foods Company และประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 51% บริษัท รูเก้นฟิช เอจี ซึ่งผู้นำแบรนด์อาหารทะเลในประเทศเยอรมนี คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของยอดขายได้ประมาณ 4-5% ในปีนี้ อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% มาอยู่ที่ 16.5% หลังการควบรวมบริษัทรูเก้นฟิช ซึ่งมีอัตราการทำกำไรที่สูงกว่าธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และยังคงไม่มีสัญญาณว่าราคาวัตถุดิบปลาทูน่าจะเพิ่มขึ้นจะยิ่งช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นในธุรกิจที่มีตราสินค้าของตนเองเพิ่มสูงขึ้น เราประมาณการกำไรจากการดำเนินงานจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งอยู่ที่ 20% YoY และ 8% YoY ในปี 59 และ 60 ตามลำดับ (ยังไม่ได้รวมดีลการเจรจาควบรวมกิจการใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นเพิ่มเติม) รูปแบบราคาของ TU ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นจากการเกิดสัญญาณซื้อทั้งรายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน หลังสามารถปิดตลาดเหนือเป้าหมายเบื้องต้นที่ 18.80 บาทเมื่อวานนี้ ราคาหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 19.70 บาท และ 20.70 บาท ตามลำดับ โดยมีจุด Stop Loss สำหรับรอบนี้อยู่ที่ 18.40 บาท (แนวต้าน: 19.20, 19.30, 19.60; แนวรับ: 19.00, 18.90, 18.60)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
เติบโต GDP ปี 58 ตกเป้า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานวานนี้ว่าไตรมาส 4 เศรษฐกิจขยายตัว 2.8% YoY ลดลงจาก 2.9% ไตรมาส 3 โดยหลังปรับผลของฤดูกาลแล้ว เศรษฐกิจไตรมาส 4/58 ขยายตัว 0.8% QoQ เศรษฐกิจทั้งปี 58 จึงขยายตัวที่ 2.8% จากที่คาดไว้ 2.9% แต่ก็ยังดีกว่าการเติบโต 0.8% ในปี 57 (Bangkok Post)
สภาพัฒน์คาด GDP โตดีขึ้นปีนี้ สศช. คาดว่า GDP ปีนี้จะโตเฉลี่ย 3.3% (ค่ากลางจากช่วง 2.8-3.8%) กดดันจากปัจจัยลบต่างประเทศ โดยจะโตจากการเร่งใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานและมาตรการกระตุ้นต่างๆที่รัฐจะออกมา และราคาน้ำมันที่ลดลงยังช่วยเพิ่มกำลังซื้อของบุคคลและภาคธุรกิจด้วย (The Nation)
เทียบข้อดีข้อเสีย TPP รมว.พาณิชย์กำลังอยู่ระหว่างศึกษาข้อดีข้อเสียของการเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) แม้ว่าการเข้าร่วมข้อตกลงนี้จะช่วยกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจไทยโดยรวมได้เร็วขึ้น แต่ก็จะต้องมีมาตรการช่วยเหลือภาคที่ได้รับผลกระทบจากข้อตกลงนี้ และถ้าไทยตัดสินใจเข้าร่วม TPP ก็จะต้องปรับเกณฑ์ให้สอดคล้องกับสมาชิก TPP รายอื่นด้วย (Bangkok Post)
ผลักดันซื้อขายในรูปเงินดอลลาร์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กำลังอยู่ระหว่างเสนอธนาคารแห่งประเทศไทยให้อนุญาตให้ชำระราคาซื้อขายในรูปเงินดอลลาร์สำหรับบริษัทต่างประเทศที่จะจดทะเบียนในประเทศ เช่นเดียวกับสินค้าโภคภัณฑ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้แก่ตลาดหุ้นไทย (Bangkok Post)
PTTGC (53.00 บ.) รายงานกำไรสุทธิงวด 4Q58 อยู่ที่ 4.7 พันลบ. ปรับตัวสูงขึ้น 288% QoQ จากฐานที่ต่ำ และพลิกจากขาดทุนสุทธิ 4.8 พันลบ. ในงวด 4Q57 PTTGC ประกาศจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิครึ่งปีหลังของปี 58 ในอัตรา 1.30 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนงวดครึ่งปีที่ 2.5% (4.9% เทียบรายปี) วันขึ้นเครื่องหมาย XD คือวันที่ 25 ก.พ. 59 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 เม.ย. 59 (SET) ความเห็น: ผลการดำเนินงานที่ออกมาน้อยกว่า Bloomberg consensus ซึ่งอยู่ที่ 5.3 พันลบ. แต่ดีกว่าที่เราประเมินไว้ที่ 3.3 พันลบ. เนื่องจากประเมินผลกระทบจากการขาดทุนสต็อกมากเกินไป ขณะที่รายการอื่นๆ เป้นไปตามคาด โดยเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานที่ยังอยู่ในระดับต่ำ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมายที่ 62.70 บาท/หุ้น บนความคาดหวังการฟื้นตัวของกำไรสุทธิในปีนี้ ประกอบกับอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่จูงใจ โปรดดูรายงานฉบับเต็มวันนี้
ต่างประเทศ
รัฐบาลยุโรป ญี่ปุ่นและจีนและบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างส่งสัญญาณว่าพวกเขาจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากขึ้นและปกป้องค่าเงิน นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ชี้ว่าจะออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนธนาคารในยุโรปและทำให้เศรษฐกิจเคลื่อนตัวไปได้อีกครั้ง ทั้งนี้ นายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเตือนว่าญี่ปุ่นจะดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อต่อสู้กับ “ความผันผวนของสกุลเงินที่มากเกินขนาด” ส่วนผู้ว่าธนาคารกลางจีน นาย Zhou Xiaochuan ลดความกังวลเกี่ยวกับการอ่อนค่าลงของเงินหยวน (Reuters)
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบกับเงินเยนและเงินยูโรในเช้าวันนี้ จากการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงซึ่งทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงในสัปดาห์ก่อนได้ผ่อนคลายลงและทางการได้ส่งสัญญาณว่าพวกเขาจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากขึ้น ดอลลาร์สหรัฐปิดเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอยู่ที่ 114.435 เยน ซึ่งแข็งค่าขึ้นกว่า 1% (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์เนื่องจากเป็นวันประธานาธิบดี (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อวันจันทร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดกลับของหุ้นกลุ่มธนาคารและหุ้นในกลุ่มโทรคมนาคมของฝรั่งเศสเนื่องจากมีสัญญาณของการควบรวมกิจการในกลุ่มนี้ ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนตอบรับแผนของธนาคารกลางยุโรปในการซื้อหนี้เสียของธนาคารในอิตาลีในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเข้าซื้อสินทรัพย์ของเอกชน ยังมีข่าวดีอีกเรื่องหนึ่งที่เพิ่มน้ำหนักตลาดให้เป็นไปในทางบวกมากขึ้น คือรัฐบาลกรีซประกาศว่ามีงบประมาณเกินดุลจำนวน 1.193 พันล้านยูโร (1.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนมกราคม (Reuters)
เอเชีย :
อัตราดอกเบี้ยติดลบจะทำให้เงินไหลผ่านเศรษฐกิจ นายโนบูเทรุ อิชิฮารา รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจญี่ปุ่นกล่าวในวันนี้ว่าการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบของธนาคารกลางญี่ปุ่นมีวัตถุประสงค์ให้เงินไหลผ่านเศรษฐกิจได้ เขากล่าวว่าอัตราดอกเบี้ยติดลบเริ่มมีผลกระทบต่อสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรถยนต์แล้ว (Reuters)
การประชุมสหรัฐ-อาเซียนซัมมิท: นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐและบรรดาผู้นำจากอาเซียนได้รวมตัวกันเมื่อวันจันทร์ในการประชุมสุดยอดอาเซียนโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะกระตุ้นการค้าและกำหนดทิศทางร่วมกันในกลุ่มทะเลจีนใต้ สหรัฐหวังว่าการประชุมดังกล่าวจะเสริมอิทธิพลของสหรัฐให้แข็งแกร่งมากขึ้นในภูมิภาคนี้ นายโอบามาจะหารือถึงความพยายามที่จะสกัดกั้นเกาหลีเหนือและเพื่อต่อสู้กับกลุ่มหัวแรงของสมาพันธ์รัฐอิสลามหรือไอเอสในระหว่างการประชุม 2 วันนี้ พวกเขาจะหารือเกี่ยวกับปัญหาการเดินเรือในทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนและหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความขัดแย้งและมีการเรียกร้องพื้นที่ทับซ้อนกัน (Reuters)
อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL ratio) ของธ.พ.จีนสูงขึ้นมาอยู่ที่ 1.67% เมื่อสิ้นปีที่แล้ว จาก 1.64% เมื่อสิ้นปี 2557 โดยหนี้เสียสุทธิรวมอยู่ที่ 1.27 ล้านล้านหยวน (1.9558 แสนล้านดอลลาร์ฯ) อ้างอิงข้อมูลจากคณะกรรมการกำกับกิจการธนาคารของจีน (CBRC) (Reuters)
การส่งออกของจีนเดือน ม.ค. ผิดจากนักวิเคราะห์คาด โดยลดลง 11.2% ขณะที่การนำเข้าลดลง 18.8% ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรแห่งชาติรายงานเมื่อวันจันทร์ ส่งผลให้ประเทศเกินดุลการค้าอยู่ที่ 63.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือน ม.ค. เพิ่มขึ้นจาก 60.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือน ธ.ค. ก่อนหน้านักเศรษฐศาสตร์ได้คาดว่าการส่งออกจะหดตัว 1.9% และคาดว่าการนำเข้าจะลดลง 0.8% การเกินดุลการค้าดังกล่าวบ่งบอกว่าจีนจะยังคงเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างมากต่อไป และจะช่วยลดผลกระทบจากเงินทุนไหลออกและแรงกกดดันต่อการอ่อนค่าของค่าเงินหยวน (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบโลกบวกเกือบ 2% วันจันทร์ จากข่าวว่า รมว.พลังงานกลุ่มประเทศซาอุฯ รัสเซีย กาตาร์และเวเนซุเอลาจะจัดประชุมในโดฮาสัปดาห์นี้ ทำให้เก็งกันเรื่องการลดกำลังการผลิต Brent ช่วงต้นวันไปอยู่ที่ 33.39 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เกือบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันศุกร์ แต่ก็กลับบวกขึ้นเหนือ 34 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากที่วันศุกร์เพิ่มไปแล้ว 11% ที่เป็นการเพิ่มขึ้นรายวันมากสุดในรอบกว่า 7 ปี น้ำมันดิบล่วงหน้าสหรัฐ ปรับขึ้น 30 เซนต์ก่อนที่จะปิดการซื้อขายเนื่องจากวันหยุด Presidents Day (Reuters)
ราคาทองร่วง 3% วันจันทร์ เพราะตลาดหุ้นดีดหลับสะท้อนความต้องการความเสี่ยงพุ่งขึ้น ฉุดราคาทองให้ต่ำลงจากจุดสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อสัปดาห์ก่อน ราคาทองคำตลาดจรปิดลดลง 2.7% ปิด 1,204.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากที่เคยไปแตะจุดต่ำสุดถึง 1,201.65 ดอลลาร์ ราคาทองคำล่วงหน้าส่งมอบ เม.ย.ลบ 2.7% ปิด 1,205.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331