WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

Asiawealthบล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook

 

ความกลัวลดลง
  คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปที่พุ่งขึ้นแรงในวันศุกร์ด้วยเหตุที่ความกลัวต่อปัญหาเศรษฐกิจโลกลดลง จากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐที่ออกมาแข็งแกร่ง หุ้นยุโรปดีดกลับแรง และราคาน้ำมันพุ่งขึ้นหลังจากมีความหวังมากขึ้นว่าจะเจรจาลดการผลิตน้ำมันลงได้ ความต้องการเลี่ยงความเสี่ยงก็ลดลงเห็นได้จากราคตาทองคำลดลง อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ความเสี่ยงต่ำก็เพิ่มขึ้น เงินเยนก็อ่อนค่าลง ภายในประเทศการแก้ไขภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้ภาระภาษีลดลงของกระทรวงการคลังมีผลกระตุ้นเศรษฐกิจ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชน

หุ้นเด่นวันนี้ : SCC (ราคาปิด 426.00 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 548.11 บาท)
      เราเลือกบมจ. ปูนซีเมนต์ไทย เป็นหุ้นเด่นในวันนี้เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจท่ามกลาง Outlook ที่สดใสและพื้นฐานทางธุรกิจที่ยังแข็งแกร่ง เรายังคงเห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจปิโตรเคมีที่จะช่วยสร้างฐานกำไรที่มั่นคงให้กับ SCC ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ล่าสุดสามารถสะท้อนให้เห็นได้จากส่วนต่างราคา (Spread) HDPE-Naphtha สัปดาห์ที่แล้วที่สามารถยืนเหนือระดับ 700 ดอลลาร์ฯ ต่อตันได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง ขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างกำลังจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้น มูลค่ากว่า 1.80 ล้านล้านบาท และขับเคลื่อนผลการดำเนินงานการเติบโตนับจากนี้ไปที่จะฟื้นตัวจากภาวะชะลอตัวในปีที่แล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ SCC ได้ประกาศผลการดำเนินงานของปี 2558 โดยสามารถสร้างระดับกำไรสุทธิสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 4.54 หมื่นลบ. หนุนจากภาวะขาขึ้นของธุรกิจปิโตรเคมีที่แข็งแกร่งแม้ว่าหน่วยธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างจะเผชิญกับภาวะชะลอตัวก็ตาม จากประมาณการกำไรของ Bloomberg consensus คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะสามารถทรงตัวในระดับสูงเช่นปีที่แล้ว

      ก่อนที่จะเติบโตต่อเนื่องอีก 4% ในปีหน้ามาอยู่ที่ 4.77 หมื่นลบ แต่เชื่อว่าจะเห็นการปรับประมาณการกำไรของตลาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมปูนซีเมต์ในประเทศ ล่าสุด SCC ประกาศจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิครึ่งปีหลังของปี 58 ในอัตรา 8.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนงวดครึ่งปีที่ 2.0% (4.0% เทียบรายปี) วันขึ้นเครื่องหมาย XD คือวันที่ 4 เม.ย. 59 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 เม.ย. 59 ราคาหุ้น SCC ปัจจุบันยังมีความน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ระดับ PER ปีนี้ที่เพียง 10.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตย้อนหลัง 5 ปีที่ 15.6 เท่า และยังให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอีกราว 4.1-4.4% ในส่วนของ Price Pattern ของ SCC ได้กลับมาเกิดความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ ประกอบกับการเกิดสัญญาณ Bullish Divergence แต่ยังคงถูกกดดันจากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal อยู่ โดยคาดว่า Price Pattern ของ SCC จะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นเพื่อไปทดสอบเป้าหมายแรกที่ 436 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 456 บาท ตามลำดับ โดยมีจุด Stop Loss ของ SCC ในรอบนี้อยู่ที่ 408 บาท (แนวต้าน: 430.00, 434.00, 438.00; แนวรับ: 422.00, 418.00, 414.00)

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :

รฟท. เตรียมเปิดประมูลที่ดิน กทม. ชั้นใน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วางแผนที่จะประมูลที่ดิน 3 ผืนในกรุงเทพชั้นในภายในต้นปีหน้าด้วยพื้นที่รวม 942 ไร่ ได้แก่ แถวบางซื่อ 305.5 ไร่ นิคม กม.11 359 ไร่ และบริเวณพระราม 4 277.5 ไร่ โดยการรถไฟคาดว่า ครม.จะเห็นชอบในกลางปีนี้ (Bangkok Post)
พิจารณาโครงสร้างภาษีให้เหมาะสมขึ้น การปรับโครงสร้างภาษีเงินได้ส่วนบุคคลซึ่งรวมการแก้ฐานภาษีและขยายเพดานสำหรับค่าใช้จ่ายที่นำมาลดหย่อนภาษีจะถูกเสนอให้ รมว. การคลังพิจารณาในเดือนนี้เพื่อช่วยเพิ่มอำนาจซื้อแก่ประชาชน ในเบื้องต้น กรมสรรพากรมีแผนเพิ่มจำนวนค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลที่หักลดภาษีได้จาก 6 หมื่นบาทเป็น 1-1.2 แสนบาทต่อปี และอัตราภาษีสูงสุดที่ 35% จะถูกปรับลดลง โครงสร้างภาษีใหม่นี้คาดว่าจะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้หลายหมื่นลบ.(The Nation)
พิจารณาตั้งกองทุนโทรคมแห่งชาติ รมว.ไอซีทีจะประชุมร่วมกันกับโทรคม 5 รายคือ ทีโอที กสท. ADVANC (166.50 บาท ราคาเป้าหมาย 199 บาท) DTAC (31.75 บาท ราคาเป้าหมาย 39 บาท) และ TRUE (6.05 บาท) เพื่อเจรจาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมแห่งชาติ ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้มากขึ้นในราคาที่ต่ำลง สินทรัพย์ที่คาดว่าจะนำเข้ากองคือโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์มูลค่า 1.5 หมื่น ลบ. ของทีโอทีและ กสท.ซึ่งจะครอบคลุม 7 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ (The Nation) ความเห็น: น่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกบริษัทโทรคมเนื่องจากเป็นการร่วมกันแชร์ต้นทุน และจากการมุ่งเน้นด้านบรอดแบนด์ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อ ADVANC ในการรุกขยายบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตามสาย (FBB)
เปิดแผนกระตุ้นการท่องเที่ยว กลยุทธ์ 11 ข้อได้ถูกร่างขึ้นเพื่อสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้แข็งแกร่งผ่านการพัฒนาที่ยั่งยืน ช่วยเพิ่มรายได้และสร้างผลตอบแทนทางการเงินแก่ชุมชนต่างจังหวัด อาทิ โครงการประชารัฐระยะเวลา 3 เดือนซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกัน หนึ่งในแผนคือการกระตุ้นกลุ่มที่มาประชุม กลุ่มท่องเที่ยวจากการได้รับรางวัลจากการสร้างผลงาน การประชุมที่จัดขึ้นเป็นวาระประจำและงานแสดงสินค้านิทรรศการ (MICE) เพื่อโปรโมทอาหารไทย (The Nation)
เข้าถือหุ้น BIGC ผ่าน BJC ทีซีซี กรุ๊ป ได้ให้บริษัทย่อยซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 58.56% และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยชื่อ "BJC” เป็นผู้เข้าถือหุ้นแทนกลุ่มคาสิโนและทำการเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้น BIGC รายอื่นที่ราคาไม่เกิน 252.88 บาท โดย BJC จะกู้ยืมเงินกู้ระยะสั้นจำนวน 2.2 แสนลบ. ระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน โดยบริษัทจำเป็นต้องขายสินทรัพย์ออกเพื่อหาเงินมาชำระเงินกู้ดังกล่าวเนื่องจากมีส่วนทุนเพียง 2 หมื่นลบ. (SET/ Bangkok Post)
NOK (7.20 บ.) วานนี้ได้ยกเลิกเที่ยวบินบางส่วนจากนักบิน 10 คนซึ่งสอบตกมาตรฐานการบินใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้นได้หยุดงานประท้วง โดยจำนวนเที่ยวบินที่ยกเลิกคิดเป็น 10% จากทั้งหมด 200 เที่ยวบินต่อวัน ทั้งนี้ จะไม่มีการยกเลิกเที่ยวบินในวันนี้หลังสายการบินใช้แผนสำรองแก้ปัญหาได้แล้ว (The Nation)
TOP (58.00 บ.) รายงานกำไรสุทธิงวด 4Q58 อยู่ที่ 3.75 พันลบ. พลิกจากขาดทุนสุทธิ 2.29 พันลบ. ในงวด 3Q58 และขาดทุนสุทธิ 6.48 พันลบ. ในงวด 4Q57 และดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะมีกำไรสุทธิ 3.40 พันลบ. โดยผลประกอบการได้รับแรงหนุนจากค่าการกลั่นตลาดของโรงกลั่นปรับตัวสูงขึ้นโดดเด่นถึง 28.8% QoQ มาอยู่ที่ 8.5 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล รวมไปถึงส่วนต่างราคา (Spread) ผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ของบริษัทฯ ที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้ TOP ประกาศจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิครึ่งปีหลังของปี 58 ในอัตรา 1.80 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนงวดครึ่งปีที่ 3.1% (6.2% เทียบรายปี) วันขึ้นเครื่องหมาย XD คือวันที่ 24 ก.พ. 59 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 29 เม.ย. 59 (SET)
ต่างประเทศ

     ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกผ่อนคลายลง หุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคในสหรัฐกลับมาฟื้นตัวในเดือนมกราคม หุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปดีดตัวขึ้นมากและราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเนื่องจากมีความหวังมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดกำลังการผลิต ข้อมูลผู้บริโภคสหรัฐชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่ชะลอตัวมากอย่างที่นักลงทุนจำนวนมากวิตกกังวลในช่วงสัปดาห์ก่อน ๆ อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าจับตามองในตอนนี้จะเกี่ยวกับจีน ซึ่งตลาดหุ้นจะกลับมาเปิดทำการในวันนี้หลังจากเทศกาลตรุษจีนซึ่งปิดทำการไป 1 สัปดาห์ (AWS)
     จีนจะประกาศรายงานตัวเลขการค้าประจำเดือนมกราคมในวันนี้ หากตัวเลขเป็นที่น่าผิดหวังก็จะเป็นอุปสรรคต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน ตัวเลขประมาณการเฉลี่ยสำหรับมูลค่าส่งออกคาดว่าจะลดลง 1.9% YoY และมูลค่าการนำเข้าจะลดลง 0.8% YoY อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าจะผิดคาดและประมาณการจากหลายแห่งมีความหลากหลายนับแต่ร่วงลงอย่างหนักไปจนถึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก (รอยเตอร์)
      อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐขยับขึ้นเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากตลาดหุ้นทะยานขึ้นหลังจากมีรายงานว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐกลับมาฟื้นตัวในเดือนมกราคม เป็นการบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่ชะลอตัวมากอย่างที่นักลงทุนจำนวนมากวิตกกังวลในช่วงสัปดาห์ก่อน ๆ (รอยเตอร์)
สหรัฐ :

     ตลาดวอลล์สตรีทปิดพุ่งเมื่อวันศุกร์ หลังจากที่ลดลงติดต่อกัน 5 วัน โดยหุ้นในกลุ่มธนาคาร กลุ่มที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์และหุ้นอื่น ๆ ที่ราคาถูกกระหน่ำก่อนหน้าต่างดีดกลับ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 12.3% กระตุ้นให้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น นักลงทุนได้เข้าซื้อหุ้นธนาคารที่ราคาถูกกระหน่ำก่อนหน้าหลังจากหุ้นกลุ่มธนาคารยุโรปดีดกลับอย่างมาก (รอยเตอร์)
     การใช้จ่ายผู้บริโภคในสหรัฐกลับมาฟื้นตัวในเดือนมกราคม เนื่องจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นในสินค้าหลายประเภท ตัวเลขค้าปลีกสหรัฐซึ่งไม่รวมรถยนต์ เชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้างและบริการร้านอาหารและภัตตาคารเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมกราคมหลังจากที่ลดลง 0.3% ในเดือนธันวาคม นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกหลักดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก่อน ทั้งนี้ การใช้จ่ายผู้บริโภคคิดเป็นมากกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐ (รอยเตอร์)
     ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงในเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนร่วงลงอยู่ที่ 90.7 จุดในต้นเดือนกุมภาพันธ์จาก 92 จุดในเดือนมกราคมเนื่องจากภาคครัวเรือนมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ (รอยเตอร์)
ยุโรป :

      ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ปรับตัวสูงขึ้น ฟื้นตัวจากการปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้ นำโดยการปรับตัวสูงขึ้นของราคาหุ้นกลุ่มธนาคารและหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยหุ้นธนาคารได้แรงหนุนจากการประกาศผลประกอบการของ Commerzbank ที่น่าพอใจ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลกที่ดีดตัวแรงเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Reuters)
Deutsche Bank ประกาศซื้อหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ (Senior debt) คืนด้วยมูลค่ากว่า 5.0 พันล้านดอลลาร์ฯ นับว่าเป็นประเด็นที่ช่วยคลายความกังวลต่อหุ้นกู้ของบริษัทฯ ลงได้ ขณะที่ธนาคารคู่แข่ง Commerzbank รายงานผลประกอบการงวด 4Q58 พลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิ (Reuters)
เอเชีย :

      Zhou Xiaochuan ผู้ว่าฯ PBOC กล่าวว่าไม่มีหลักเกณฑ์สำหรับทิศทางค่าเงินหยวน และจีนจะรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวนไว้เทียบกับตระกร้าเงินสกุลอื่นๆ ขณะที่ยินยอมให้มีความผันผวนที่มากกว่าได้เมื่อเทียบกับดอลลาร์ฯ (Reuters)
ยอดค้าปลีกจีนขยายตัว 11.2% ในช่วงสัปดาห์วันหยุดตรุษจีน เมื่อทียบกับช่วงตรุษจีนของปีที่แล้ว (Reuters)
เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวมากกว่าที่คาด เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัว 1.4% YoY ในไตรมาส 4/58 เนื่องจากการใช้จ่ายผู้บริโภคตกต่ำซึ่งเพิ่มปัญหาให้แก่ผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจ การหดตัวของจีดีพีมากกว่าประมาณการเฉลี่ยของตลาดที่คาดว่าจะลดลง 1.2% และตามด้วยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/58 ที่เพิ่มขึ้น 1.3% ซึ่งเป็นตัวเลขปรับปรุงใหม่ สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นประกาศตัวเลขจีดีพีในเช้าวันนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับการลดลงในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ของปีก่อน (รอยเตอร์)
สินค้าโภคภัณฑ์ :

      น้ำมันดิบโลกพุ่งถึง 12% วันศุกร์ จากรายงานว่ากลุ่มประเทศ OPEC ตกลงร่วมกันลดปริมาณการผลิตอีกครั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นที่บวกทำให้มีความกล้าเสี่ยงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง น้ำมันดิบสหรัฐ ปรับขึ้น 3.23 ดอลลาร์ (+12.3%) ปิดที่ 29.44 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยราคาได้แตะถึง 29.66 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยน้ำมันได้แตะจุดต่ำสุดรอบ 12 ปีที่ 26.05 ดอลลาร์ในวันก่อนหน้า แต่ถ้ามองรายสัปดาห์ยังคงลดลง 4.7% Brent ปรับขึ้น 3.30ดอลลาร์ปิดที่ 33.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังปิดต่ำกว่า 30 ดอลลาร์ในวันพฤหัส รายสัปดาห์ถือว่าเป็นลบลดลงเหลือ 2% (Reuters)
ราคาทองแผ่วลงวันศุกร์ หลังบวกไป 5% ในวันก่อนหน้า กดดันจากแรงขายทำกำไรหลังวิ่งขึ้นไปมากสุดรอบกว่า 7 ปี ราคาทองคำตลาดจรลดลง 0.7% ปิด 1,238.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าส่งมอบ เม.ย.ลบ 0.7% ปิด 1,239.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่รายสัปดาห์ยังถือว่าเพิ่ม 7.1% ขึ้นแรงสุดนับแต่ ธ.ค. 51 (Reuters)

Thailand Research Department
  Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
  Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
  Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
  Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
  Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!