- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 09 February 2016 17:43
- Hits: 1667
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET ยืนเหนือ 1290'
Stock Picks-Feb 2016 : Fundamental : INTUCH, KBANK, GFPT, PTT, TU และ Dark Horse เป็น SAMTEL
Fundamental Pick -Today: DIF(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : THAI 36%, KBANK & CPN 12%, EGCO & VGI 10%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวก แต่ต้องระวังการแกว่ง
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อบวก 1310-1320,1340 หุลด 1290
SET50 ซื้อบวก 830-840,850 หลุด 815
Technical Picks - Today KTB, STPI, SF, S11, ASIMAR, KAMART, TTA, ROBINS
+ หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index ปิดบวกเล็กน้อย 1.28 จุดที่ 1307.57 การซื้อขายไม่คึกคักนักเพราะเป็นช่วงตรุษจีน หลายตลาดหุ้นปิดทำการ นักลงทุนต่างชาติรายงานซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน รายย่อยขายสุทธิ ส่วนสถาบันในประเทศนำขายสุทธิ ขณะที่พอร์ตบล.ซื้อสุทธิ
การร่วงลงต่อของราคาน้ำมันดิบ รวมถึงความกังวลกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยังกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก นอกจากนั้นนักลงทุนยังจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในวันพุธ-พฤหัสฯนี้ ว่าจะส่งสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐหรือไม่ ส่วนในประเทศยังเป็นการซื้อ/ขายเก็งกำไรผลประกอบการปี 2015 และการจ่ายเงินปันผล นักลงทุนก็ระมัดระวังการลงทุนมากขึ้นเมื่อดัชนีขึ้นมาที่ 1300 ต้นๆ ซึ่งสอดคล้องกับคำแนะนำของเรา ที่เห็นว่าการปรับขึ้นของดัชนีจะยังจำกัด เนื่องจากขาด Catalyst ด้านผลประกอบการ โดยใน 1Q16 กำไรของตลาดโดยรวมจะยังอ่อนแอเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงต่อและต่ำกว่าระดับปิดของสิ้นปี 2015 กลยุทธ์การลงทุน : เลือกซื้อหุ้นที่ธุรกิจมั่นคง & จ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ และหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการพลิกฟื้นหรือเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2016 หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อจังหวะอ่อนตัวเป็น DIF
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นบวก (ปิดบวกและเหนือเส้น SMA10) แต่โครงการขาลงในระยะกลางยังกดดันให้มีการแกว่งถึงอ่อนตัวได้อีก แนวต้านระยะสั้นให้ไว้ที่ 1310-1320,1340 จุด ค่าลบดูไม่ค่อยดี ดัชนีต่ำกว่า 1290 จุด ควรลดพอร์ตตาม หรือตัดขายขาดทุน (Stop loss) เพราะมีโอกาสอ่อนลงอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับ SET50 มีแนวต้านระยะสั้น 830-840, 850 และ Stop loss ถ้าต่ำกว่า 815 จุด การ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น ASK, SF, TTA, S11 ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ TACC, BBL, SUPER, PTTGC, MTLS หุ้นที่รอจังหวะปรับขึ้นเพื่อขายทำกำไร คือ KTB, ASIMAR หุ้นหลุด List เป็น TKN, HFT
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
สหรัฐ : จับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งนางเยลเลนจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านบริการทางการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันพุธนี้ และแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาในวันพฤหัสบดี ว่านางเยลเลนจะส่งสัญญาณเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.2016 ออกไปหรือไม่
กรีซ : หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงกว่า 20% เพราะกังวลกับแนวโน้มธุรกิจและเศรษฐกิจที่แท้จริงของกรีซ ทั้งนี้ตัวแทนเจ้าหนี้ต่างชาติได้เจรจากับกรีซเป็นเวลา 5 วันเกี่ยวกับเงื่อนไขในการเบิกจ่ายเงินกู้รอบใหม่ ซึ่งหากล่าช้าออกไปหลายเดือนก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจกรีซที่กำลังอ่อนแอมาก
- ราคาน้ำมันดิบดิ่งต่อ หลังการประชุมระหว่างรัฐมนตรีพลังงานของซาอุดิอาระเบียและเวเนซูเอลาสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่สามารถตกลงกันเรื่องมาตรการกระตุ้นราคาน้ำมัน สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบมี.ค.ปิดร่วงลง 1.2 ดอลลาร์ ที่ 29.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเม.ย.ปิดร่วงลง 1.18 ดอลลาร์ ที่ 32.88 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ตลาดหุ้นสหรัฐลดลง...กังวลราคาน้ำมันดิ่ง & ความเห็นเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ย Mixed โดยเมื่อคืนนี้ดัชนี DJIA ปิด -177.92 จุดปิดที่ 16,027.05 จุด การซื้อขายซบเซาเพราะราคาน้ำมันดิบร่วงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยความเสี่ยงเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ในปี 2016 จะมีมากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ Fitch Rating ระบุว่าการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทผลิตและสำรวจน้ำมันเพิ่มเป็น 11% ในสิ้นปี 2015 จาก 0.1% ในสิ้นปี 2014 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกมากในปีนี้ นอกจากนั้นกลุ่มธนาคารยังถูกกระทบจากความไม่แน่นอนเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด (ก่อนหน้าคาดว่าเฟดจะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยและช่วยให้ธนาคารมี Spread ดีขึ้น)
+ ราคาทองคำพุ่งแรง โดยสัญญาตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.ปิดเพิ่มขึ้นถึง 40.2 ดอลลาร์ หรือ +3.47% ที่ 1,197.90 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยความไม่แน่นอนในตลาดหุ้นและน้ำมัน และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ กระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในทองคำ
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
+/- ทีวีดาวเทียม & BBL : บอร์ดกสท.มีมติให้ไทยทีวีจ่ายค่างวดทั้งหมด 1.6 พันล้านบาท พร้อมกับค่าปรับผิดนัด 14 ล้านบาท + ค่าธรรมเนียมรายปีอีก 2% โดยให้เวลาอีก 30 วัน หากไม่มาชำระจะส่งเรื่องถึง BBL ถ้าไม่จ่ายจะยึดแบงค์การันตี สำหรับ ZPAY TV จ่อปรับ 1 แสนบาท/วันโดยให้ GMMB-GMMZ ส่งแผนเยียวยา (ไทยโพสต์)
+ กลุ่มวางระบบไอที : รมว.ไอซีทีเปิดเผยว่าใน 1 ปี 6 เดือนจากนี้จะเป็นช่วงวางรากฐานดิจิตอลของประเทศ โดยจะจัดทำ Free WiFi 1 หมื่นจุดทั่วประเทศ วงเงิน 3,756 ล้านบาท โดยจะให้ชุมชนท้องถิ่นเข้าถึงระบบสื่อสารดิจิตอลมากขึ้นเพื่อต่อยอดการค้าการขายของ SME ผ่านช่องทางดิจิตอล เรามองว่าโครงการนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการลงทุนด้านพัฒนาและวางระบบไอทีของไทย โดยในส่วนของภาคเอกชนก็จะมีการลงทุนใหม่จำนวนมากเป็นหลักแสนล้านบาทด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับ 4G และธุรกิจออนไลน์เต็มรูปแบบ เรามองว่าธุรกิจเกี่ยวกับการวางระบบไอทีและการจัดการด้านข้อมูลจะเติบโตได้ดีในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า เพราะทั้งภาครัฐและภาคเอกชนไทยต่างก็หันมาใช้ไอทีในการดำเนินงานมากขึ้นเป็นลำดับ ขณะเดียวกันหลายบริษัทก็ไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านด้วย
สำหรับหุ้นที่ทาง DBSV ทำการวิเคราะห์ในกลุ่มนี้และให้คำแนะนำเป็นซื้อ คือ SAMTEL (ราคาพื้นฐาน 22 บาท) และ SAMART (ราคาพื้นฐาน 22.3 บาท) นอกจากนั้นยังมีหุ้นเด่นอื่นในหมวดนี้ที่จะได้รับผลบวกด้วย เช่น AIT, MFEC เป็นต้น
+ DIF (ราคาปิด 12.60 บาท) : มีโอกาสเติบโตและจ่ายปันผลสูง โดยบริษัทมีแหล่งที่มาของรายได้และกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีสัญญาเช่าระยะยาวจาก TRUE และบริษัทในกลุ่ม อีกทั้งนโยบายการจ่ายเงินปันผลขั้นต่ำ 90% จึงมีผลดีทำให้การจ่ายเงินปันผลมีความสม่ำเสมอและอยู่ในเกณฑ์สูง DBSV แนะนำซื้อ ด้วยคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรจากการลงทุนปี 59 ที่ดีเป็น 13% และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปี 2016 ที่ 7.8%
ทั้งนี้ในปี 2015 TRUE ได้ทำการก่อสร้างและส่งมอบเสาสัญญาณ 3,000 ต้น และมีการส่งมอบล็อตใหญ่ในเดือนมี.ค.2015 คือ ส่งมอบสินทรัพย์มูลค่า 13,000 ล้านบาท ประกอบด้วยเสา 338 ต้น และเคเบิลไฟเบอร์ออปติคความยาว 7,981 กม. สำหรับใช้ในงาน fixed-broadband internet
DBSV ประเมินราคาพื้นฐาน DIF ไว้ 14.80 บาท (วิธี DCF (WACC ที่ 8.5% และ Terminal Growth 2%) จุดแข็ง คือ รายได้ในงวดปี 2016 ยังได้รับการรับประกันจากการเช่าจาก TRUE และบริษัทในกลุ่มแล้ว ด้วยอัตราผลตอบแทนปันผลในช่วง 8-8.5% ส่วนความเสี่ยงหลัก คือ เทคโนโลยีที่อาจจะเปลี่ยนแปลงในอนาคต
นักกลยุทธ์ & วิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]