- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 04 February 2016 18:25
- Hits: 1094
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET เริ่มมีแรงซื้ออีกครั้ง...น่าลุ้นบวกต่อ ดังนั้นซื้อแล้วเน้นถือ!
กลยุทธ์ : หลังจาก SET ได้ปรับพักฐานลง เพื่อลดความร้อนแรงจากการขยับขึ้นรอบก่อนไปบ้างแล้ว และเริ่มมีแรงซื้อหนุนตลาดอีกครั้งวานนี้ ทำให้เรายังคาดหมายว่า SET จะสามารถกลับไปแกว่งบวกต่อ เพื่อลุ้นขยับขึ้นหา 1350 จุดหรือใกล้เคียงได้ตามคาด ดังนั้นยังเน้นถือเพื่อรอขายสูงต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : RS, FSMART, THAI(short)
แนวโน้ม : หลังจาก SET ปรับพักตัวลงไปพอควรในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา จากแรงกดดันหลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอ่อนตัวลงต่ำกว่า 30 ดอลลาร์/บาร์เรลอีกครั้ง อย่างไรก็ตามยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วยพยุงตลาดไว้ได้ดีในช่วงครึ่งวันเช้าวานนี้ ก่อนที่แรงซื้อจะช่วยผลักดันให้ดัชนีมีจังหวะรีบาวด์ขึ้นได้บ้างในภาคบ่าย จนกระทั่ง SET สามารถขยับปิดเป็นบวกได้ในที่สุด ขณะที่เช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศกลับมาดูดีขึ้นได้บ้าง หลังจากช่วงค่ำวานนี้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้อีกครั้ง โดยสามารถปิดเป็นบวกถึง 8% จากการที่รัสเซียส่งสัญญาณพร้อมที่จะเปิดช่องทางในการเจรจากับกลุ่มประเทศโอเปก ซึ่งช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐที่ช่วงแรกปรับตัวลงเกือบ 200 จุดให้พลิกกลับมาปิดเป็นบวกเกือบ 200 จุดแทนได้ รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าคาดได้ในเดือน ม.ค.ด้วย ทำให้ FSS ยังมองว่า SET จะสามารถขยับกลับไปแกว่งบวกต่อได้ตามคาด โดยมีเป้าหมายของรอบขึ้นนี้อยู่ที่บริเวณ 1350 จุดหรือใกล้เคียงได้ ดังนั้นหลังจากเลือกหุ้นซื้อช่วงลบไปแล้ว ยังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อนเช่นเดิม
แนวรับ 1290-1285 , 1282-1277 จุด
แนวต้าน 1296-1300 , 1308-1313 , 1316-1324 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคและทุกประเทศรวมกัน US$284 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$179.7 ล้าน และไต้หวัน US$53.4 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนในภูมิภาคมีทิศทางไหลออกแต่วันนี้อาจชะลอตัวลงหลังราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้น 8% เมื่อคืนนี้จากข่าวรัสเซียแสดงทีท่าเปิดการเจรจากับกลุ่มโอเปกเพื่อหารือเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันซึ่งน่าจะหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) กลุ่มพลังงานดันตลาด ราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนบวกแรง 7-8% หลังเวเนซุเอลาประกาศว่าผู้ผลิตน้ำมันหลายประเทศ รวมถึงอิหร่านและรัสเซียหนุนให้มีการประชุมฉุกเฉินเพื่อแก้ปัญหาราคาน้ำมัน ประกอบกับดอลลาร์อ่อนค่า หนุนหุ้น PTT, PTTEP, PTTGC วันนี้ ตรงข้ามกับ TASCO, EPG, VNG และกลุ่มสายการบินที่น่าจะพักฐาน
(-) DTAC น่าผิดหวัง กำไร 4Q15 ต่ำกว่าคาดมากถึง 37% ทำได้เพียง 941 ล้านบาท -21.7% Q-Q, -46.6% Y-Y จากค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงเกินคาด ทำให้กำไรปกติทั้งปีหดตัว 45% Y-Y เหลือ 5,808 ล้านบาท และจ่ายปันผลงวด 4Q15 จำนวน 0.52 บาท/หุ้น (yield 1.5%) และลดนโยบายปันผลปีนี้จากไม่ต่ำกว่า 80% เหลือไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบเดี่ยว ทำให้ Yield ปีนี้เหลือเพียง 4% จาก 8% ส่วนกำไรปี 2016-17 คาดลดลงต่อเนื่องอีก 29% Y-Y และ 8 % Y-Y เรายังคงราคาพื้นฐาน 30บาท ราคาหุ้นเกินพื้นฐานแล้ว ปรับคำแนะนำเป็นขาย จากเดิมถือ
(+) BEM เราคาดกำไรปกติ 4Q15 โตต่อเนื่อง +7% Q-Q, +58% Y-Y เป็น 588 ล้านบาท หนุนด้วยธุรกิจรถไฟฟ้าจากจำนวนผู้โดยสารที่ขยายตัวได้ดี +5% Y-Y และค่าโดยสารเฉลี่ยต่อเที่ยวก็เพิ่มขึ้น 3% Y-Y ขณะที่ธุรกิจทางด่วนค่อนข้างทรงตัวตามปริมาณการจราจร แต่กำไรสุทธิคาด -63% Q-Q, -40% Y-Y เพราะไม่มีรายการพิเศษเหมือนไตรมาสก่อนๆ ซึ่งจะทำให้กำไรปกติทั้งปี +2% Y-Y แต่ยังคาดกำไรปกติปีนี้โตก้าวกระโดด +41% Y-Y จากการรับรู้รายได้จากรถไฟฟ้าสายสีม่วงและทางพิเศษศรีรัชวงแหวนรอบนอกตั้งแต่ 3Q16 ยังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 6 บาท
(+) ภาวะดอกเบี้ยต่ำเอื้อกลุ่มไฟแนนซ์ เราเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวในระดับต่ำตลอดทั้งปีและมีโอกาสปรับลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจของคู่ค้า เอื้อกลุ่มไฟแนนซ์ที่จะสามารถระดมทุนด้วยต้นทุนทางการเงินถูก ขณะที่ผลตอบแทนจากการให้สินเชื่ออยู่ในระดับสูงกว่า 15% เราเห็นว่า MTLS (ราคาพื้นฐาน 25 บาท) ได้ประโยชน์สูงสุดเพราะมีเงินกู้ระยะสั้นมากที่สุดในกลุ่มคือ 90% ส่วนบริษัทอื่นในกลุ่มส่วนใหญ่มีโครงสร้างเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวใกล้เคียงกันคือ 50:50 ขณะที่ SAWAD (ราคาพื้นฐาน 55 บาท) ได้ประโยชน์น้อยสุดเพราะมีเงินกู้ระยะยาวมากกว่าระยะสั้นมาก สำหรับกำไรสุทธิ 4Q15 ของทั้งกลุ่ม เราคาด +6% Q-Q, +40% Y-Y โดย TK กำไรสุทธิน่าจะโดดเด่นสุดเพราะไตรมาสก่อนมีรายการพิเศษ แต่ในส่วนของกำไรปกติ GL, SAWAD และ MTLS จะโดดเด่นสุด ทั้งนี้ Top pick ของเรายังคงเป็น MTLS
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาพลิกมาปิดบวกได้วันแรกในรอบ 3 วันทำการราว 1% หลังราคาน้ำมันดิบรีบาวด์ขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือน ม.ค. ที่ออกมาสูงเกินคาด
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนยังปิดต่อเนื่องอีกราว 1.5% หลังตัวเลข PMI ภาคบริการของประเทศในยูโรโซนหดตัวในเดือน ม.ค.
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปปรับตัวสวนทางกัน ขณะที่ราคาน้ำมันยังแกว่งตัวผันผวน
(+) ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าค่อนข้างเร็ว ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.55-35.68 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. พุ่งขึ้น 2.40 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 32.28 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังรัสเซียส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะเปิดช่องเจรจากับกลุ่ม OPEC ในการจัดการกับปัญหา Oversupply
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. พุ่งขึ้น 14.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,141.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากดอลลาร์ที่อ่อนค่า รวมถึงแรงหนุนหลังเจ้าหน้าที่ FED ระบุว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
4-ก.พ. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค.), ADVANC ประกาศผลประกอบการ
- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ธ.ค.)
5-ก.พ. - อินโดนีเซีย: 4Q15 GDP (ตลาดคาด -1.9% Q-Q, +4.8% Y-Y ทั้งปี +4.7%)
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราว่างงาน (ม.ค.) (ตลาดคาดจ้างงานเพิ่ม 1.9 แสนราย ลดลงจากเดือนก่อนที่เพ่ม 2.75 แสนราย)
8 ก.พ. - ไทย: 2015 GDP (ตลาดคาดทั้งปี +2.7% Y-Y)
- อินเดีย: 2015 GDP
10 ก.พ. - จีน: ยอดสินเชื่อเดือน ม.ค.
11-ก.พ. - ฟิลิปปินส์: ธนาคารกลาง (BSP) ประชุม
12-ก.พ. - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ม.ค.)
- ยูโรโซน: 4Q15 GDP, Industrial Production (ธ.ค.)
15 ก.พ. - จีน: ดุลการค้า (ม.ค.)
- ญี่ปุ่น: 2015 GDP (ตลาดคาด -1.2%)
16 ก.พ. - ไทย: 2015 GDP (ตลาดคาด +2.8%)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ก.พ.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch