- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 July 2014 16:42
- Hits: 2409
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“สั้นๆมีแกว่งถึงอ่อน แต่ถ้าไม่หลุด 1490 ยังมีลุ้นไปต่อ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : HEMRAJ (จากซื้อเป็น ถือ)
ภาพตลาดวันก่อน : # ดัชนีปรับขึ้นต่อ 4.37 จุด มาปิดที่ 1507.58 มูลค่าซื้อขายประมาณ 4 หมื่นล้านบาท นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นแบงค์ใหญ่, สื่อสาร,ที่พักอาศัย, ขนส่ง, พาณิชย์ แต่ขายทำกำไรกลุ่มพลังงาน วัสดุก่อสร้าง และรับเหมาก่อสร้าง โดยเป็นการเวียนกลุ่มซื้อขาย และสามารถเลี้ยงดัชนีให้ยืนเหนือ 1500 จุด นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเพิ่มเป็น 2.1 พันล้านบาท (Foreign chase return) สถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ซื้อสุทธิแต่ไม่มาก ด้านรายย่อยเป็นการขายสุทธิ
ปัจจัยและกลยุทธ์ : # ตลาดต่างประเทศปรับฐานเล็กๆ จากแรงขายทำกำไร โดยกำลังรอดูรายงานการประชุมเฟดที่จะออกมาในคืนนี้ (เวลาไทย) ว่าคณะกรรมการฯมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่? รวมทั้งติดตามผลประกอบการไตรมาส 2/57 ของภาคเอกชนที่จะทยอยรายงานออกมาในเดือนก.ค.-ส.ค.57
# สำหรับตลาดหุ้นไทย มีการซื้อเก็งกำไรหุ้นขนาดเล็กที่มี Stories กันมากขึ้นมาก และมีการซื้อขายเวียนในกลุ่มหลัก ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดเข้าสู่โซนValuation สูงแล้ว อย่างไรก็ตามรายงานและคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/57 ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการลงทุนในระยะสั้นอยู่ สำหรับทิศทางค่าเงินบาท เรามองว่าจะอยู่ในระดับ 32+/- บาท/US$ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยนิ่งมากขึ้นและการส่งออกทยอยฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ถ้านักลงทุนต่างประเทศมีการปรับ Fund flow ก็อาจทำให้แกว่งในกรอบที่กว้างมากขึ้น
# กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก การอ่อนตัวต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ 1490 จุด มีแนวเด้ง 1480, 1460-1450 จุด ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1515-1520 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนระยะยาววันนี้เป็น GFPT
Fundamental Pick
GFPT แนะนำซื้อปิด 13.10 บาท ราคาเป้าหมาย 16.40 บาท
# คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 เติบโต 39%YoY และทรงตัว QoQ เป็น 420 ล้านบาท โดยเป็นผลจากปริมาณส่งออกไก่สดแช่แข็งไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น และยอดขายอาหารปลาสูงขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนลงเล็กน้อยตามการขยับขึ้นของราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์
# โครงสร้างรายได้ใน 1Q57 ประกอบด้วย รายได้จากไก่แปรรูปส่งออกโดยตรงและโดยอ้อม33%, รายได้จากไก่แปรรูปในประเทศ 10%, รายได้จากอาหารสัตว์ 26%, รายได้จากฟาร์มและลูกไก่ 26% และรายได้จากไส้กรอก ลูกชิ้น 5% ทั้งนี้กลุ่ม GFPT มีการส่งออกเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย โดยคิดเป็น 14% ของมูลค่าส่งออกไก่ทั้งหมด ตลาดหลักเป็นสหภาพยุโรป 51%และญี่ปุ่น 48% ที่เหลือ 1% เป็นสิงคโปร์ และรัสเซีย
# แนวโน้ม 3Q57 ยังไปได้ดี แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบจะปรับขึ้น โดย 3Q เป็น High Season ของการส่งออก ทำให้ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นชดเชยกับมาร์จิ้นที่อ่อนลงได้เป็นส่วนใหญ่ สำหรับปี 58คาดว่าจะได้รับผลดีจากอุปสงค์ในประเทศและตลาดส่งออกที่เติบโต รวมถึงปริมาณขายไก่สดให้กับ GFN จะเพิ่มขึ้น 12-13% ด้วย
# แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 16.40 บาท อิงกับ P/E ปี 57 ที่ 12.5 เท่า ทั้งนี้เราประมาณการว่ากำไรสุทธิปี 57-58 ของ GFPT จะเติบโต 10% และ 11% ตามลำดับ (จากกำไรสุทธิปี 56 ที่บวกขึ้นก้าวกระโดดง 549%)
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+ ญี่ปุ่น : เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้จำนวนบริษัทที่ล้มละลายลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 23 ปี
# โตเกียว โชโกะ รีเสิร์ช ซึ่งเป็นสำนักงานวิจัย เปิดเผยว่า จำนวนบริษัทที่ล้มละลายในญี่ปุ่นช่วงครึ่งปีแรกของปี 57 ลดลง 9.7%YoY เป็น 5,073 แห่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 34 ด้านปริมาณหนี้ของบริษัทที่ล้มละลายช่วง 1H57 ลดลง 41.4%YoY เป็น 1.05 ล้านล้านเยน ปัจจัยที่ช่วยให้บริษัทล้มละลายน้อยลง คือ การฟื้นตัวที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจและการที่บริษัทขนาดเล็กได้รับการขยายระยะเวลาผ่อนปรนในการชำระหนี้จากสถาบันการเงินมากขึ้น
• สหรัฐ : จับตารายงานผลประชุมเฟดคืนนี้เพื่อดูว่ามีการส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่?
# สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) รายงานว่าดัชนีมุมมองเชิงบวกของธุรกิจขนาดเล็ก ปรับตัวลง 1.6 จุด สู่ระดับ 95 ในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่วอลล์สตรีท เจอร์นัลสำรวจความคิดเห็น คาดว่าดัชนีจะอยู่ที่ 97
# จับตารายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนวันนี้ เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ โดยนักวิเคราะห์จากวาณิชธนกิจหลายแห่งรวมถึงเจพีมอร์แกน และโกลด์แมน แซคส์ ต่างก็คาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่เคยประเมินไว้
- ตลาดหุ้นสหรัฐปรับฐาน
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,906.62 จุด ร่วงลง 117.59 จุด หรือ -0.69% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,391.46 จุด ลดลง 60.07 จุด หรือ -1.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,963.71 จุดลดลง 13.94 จุด หรือ -0.70% เนื่องจากการขายทำกำไร อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นยังมีปัจจัยกระตุ้นเรื่องรายงานผลประกอบการที่จะทำให้กลับมาลงทุนในตลาดหุ้นอีกระลอกหนึ่ง
- สัญญาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงต่อ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 13 เซนต์ ปิดที่ 103.40 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.30 ดอลลาร์ปิดที่ 108.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบ BRENT ร่วงลงแรงเพราะคลายวิตกกังวลเกี่ยวกับอิรัก และลิเบียผลิตน้ำมันดิบได้เพิ่มขึ้น
• สัญญาทองคำ COMEX ทรงตัว
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 50 เซนต์หรือ 0.04% ปิดที่ 1316.5 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
• Update กลุ่มพลังงาน : จะมีการตรวจสอบการประมูลโรงไฟฟ้า IPP ของกัลฟ์ฯ, จะสรุปโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซล, LPG และNGV ภายในก.ค.นี้ และแหล่ง JDA กลับมาผลิตเร็วกว่าแผน
# ตรวจสอบการประมูลโรงไฟฟ้า IPP ของกัลฟ์ฯ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน ระบุว่าจะตรวจสอบโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ (IPP) ขนาด 5,000 เมกะวัตต์ของบริษัทกัลฟ์ เจพี จำกัด หลังกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร้องเรียนให้ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตรวจสอบความโปร่งใส ซึ่งทำให้โครงการมีความไม่แน่นอนว่าจะเดินหน้าต่อหรือไม่ ทั้งนี้เมื่อมิ.ย.56 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้ประกาศว่าบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (เครือกัลฟ์ เจพี) เป็นผู้ชนะการประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้า IPP ดังกล่าวข้างต้น โดยบริษัทที่ผ่านคุณสมบัติเข้าประมูล ประกอบด้วย กัลฟ์ เจพี, GLOW และ EGCO โดยหากต้องมีการประมูลใหม่ก็จะเป็นโอกาสของ GLOW และ EGCO อีกครั้ง
# จะสรุปเรื่องโครงสร้งราคาดีเซล, LPG และ NGV ภายในก.ค.นี้ กระทรวงพลังงานคาดว่าการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันดีเซล ก๊าซหุงต้ม (LPG) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) จะเสร็จในเดือนก.ค.57 นี้อย่างแน่นอน โดยจะทราบทั้งราคาที่จะปรับขึ้น และการกำหนดวันที่จะปรับขึ้นราคาด้วย ซึ่งขณะนี้พอ.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝ่ายเศรษฐกิจ กำลังเร่งสรุปข้อมูลให้เสร็จในเร็วๆ นี้
# แหล่ง JDA ซ่อมบำรุงเสร็จเร็วกว่าแผน โดยขณะนี้สามารถส่งก๊าซได้ตามปกติแล้ว จากเดิมคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 10 ก.ค.57 ซึ่งในช่วงที่ปิดซ่อมทาง PTT ได้สำรองน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาเพื่อทดแทนปริมาณก๊าซที่หายไปจากระบบ ซึ่งต้นทุนที่เพิ่มส่วนนี้ได้ถูกรวมไว้ในค่า FT 1.76 สตางค์/หน่วยแล้ว สำหรับการซื้อไฟฟ้าจากประเทศมาเลเซียเข้ามาเสริม 20 ล้านหน่วย คิดเป็นมูลค่า 140 ล้านบาท กระทบค่า FT 0.25 สตางค์/หน่วย และการใช้โครงการDemand response ใช้เงิน 7.6 ล้านบาท กระทบต่อค่า FT 0.01 สตางค์/หน่วย แต่จะนำไปคำนวณในค่า FT งวดถัดไปหรือไม่และเท่าใดนั้นยังต้องประเมินตัวเลขความต้องการใช้ไฟฟ้าอีกครั้ง
• สภาพัฒน์ฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตได้กว่า 2% ในปีนี้
# นายอาคม เติมพิทยไพสิฐ เลขาธิการคสช.หรือสภาพัฒน์ฯ เปิดเผยหลังประชุมกับคสช.ว่าเห็นสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจไทยในเดือน มิ.ย. จึงเชื่อว่าเศรษฐกิจในปีนี้ยังสามารถเติบโตได้ในกรอบ 1.5-2.5% ตามที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีโอกาสที่จะเติบโตในขั้นสูงที่ 2.5%
+ ตลาดรถบรรทุกในไทยมีแนวโน้มเติบโตแกร่งในระยะยาว หนุนโดยการเปิด AECและการก่อสร้างภาครัฐ & เอกชน ... แนะนำซื้อ SAT และถือ TMT
# ตลาดรถบรรทุกของไทยมีโอกาสการเติบโตดีในระยะยาว โดยผู้เชี่ยวชาญคาดว่ายอดขายรถบรรทุกขนาดใหญ่จะเพิ่มขึ้น 36% เป็น 6 หมื่นคันได้ในช่วงปี 58-59 จากที่มียอดขาย 4.4หมื่นคันในปี 56 (+17% จาก 3.7 หมื่นคันในปี 55) ปัจจัยหนุน คือ
1) หลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC คาดว่าปริมาณการขนส่งสินค้าข้ามประเทศจะมีมากขึ้น โดยไทยอยู่ในทำเลที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และมีช่องทางเข้าออกระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านกว่า 23 ช่องทาง
2) การลงทุนในโครงสร้างขั้นพื้นฐานภาครัฐในระยะ 8 ปีข้างหน้าและการลงทุนภาคเอกชนทำให้ความต้องการใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ใช้ในการขนส่งวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
# กระทรวงคมนาคมมีแผนที่จะใช้งบประมาณ 8.5 พันล้านบาท ทำจุดพักรถบรรทุกตามเส้นทางขนส่งทั่วประเทศ 41 แห่ง นำร่องโครงการแรกเสร็จปลายปี 58 โดยกำลังทำการศึกษาและให้เส้นทางปากช่อง-โคราชเป็นต้นแบบ
# ความเสี่ยง คือ รถบรรทุกขนาดใหญ่จากจีนเข้ามาขายในไทยมากขึ้น ทำให้การแข่งขันในธุรกิจจะมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันประเมินว่าสัดส่วนของยอดขายรถบรรทุกขนาดใหญ่จากจีนไม่ได้สูงมาก โดยอยู่ที่ประมาณ 12-13% ของยอดขายทั้งหมด
# บริษัทจดทะเบียนที่เราวิเคราะห์และได้ประโยชน์จากการเติบโตที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมรถบรรทุกขนาดใหญ่ คือ SAT และ TMT
# SAT (แนะนำซื้อลงทุน ราคาพื้นฐาน 22.50 บาท) : บริษัทได้รับคำสั่งซื้อชิ้นส่วนจากฮีโน่เพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้สัดส่วนรายได้จะคิดเป็นประมาณ 1-2% ของรายได้รวม แต่จะเพิ่มเป็น 5-10% ในปี 58 และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นไปอีกในปี 59-60 ซึ่งเป็นไปตามภาวะอุตสาหกรม โดยคำสั่งซื้อส่วนนี้เป็นหนึ่งใน Key Growth ของบริษัท นอกเหนือจากการฟื้นตัวของธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์สำหรับรถยนต์นั่ง และสำหรับรถยนต์ทางการเกษตรที่บริษัทเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับคูโบต้า
เราคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิ (Bottom line) ในปี58 จะเติบโตได้ 12% จากที่หดตัว 15% ในปี 57 เนื่องจากปี 56 มีกำไรพิเศษจากการกลับรายการค่าใช้จ่ายเรื่องแรงงานเข้ามา แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษ พบว่ากำไรสุทธิที่เป็น Core profit ปีนี้จะลดลง 7% และขยายตัว 22% ในปี 58 ในเชิงกลยุทธ์ เห็นว่าการอ่อนตัวลงของราคาหุ้นในช่วงนี้ เป็นจังหวะซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาว ทั้งนี้ 2Q จะเป็นLow season ของธุรกิจเนื่องจากมีวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ และบริษัทมีการซ่อมบำรุงโรงงานและเครื่องจักรในไตรมาสนี้ ให้ราคาพื้นฐาน 1 ปีเท่ากับ 22.50 บาท
# TMT (แนะนำถือ ราคาพื้นฐาน 11 บาท) : บริษัทมีการขายเหล็กให้กับผู้ผลิตรถบรรทุกในประเทศส่วนหนึ่ง คิดเป็นรายได้ประมาณ 15% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้มีแนวโน้มเติบโตดีหลังจากเศรษฐกิจภายในฟื้นตัว การลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวสูงในปี 58 และในระยะยาว นอกจากนั้น เรายังชอบ TMT ที่บริหารงานอย่างระมัดระวัง ทำให้กำไรผันผวนน้อยกว่าหลายบริษัทในกลุ่มเหล็กด้วยกันเนื่องจากบริษัทมีนโยบายไม่เก็งกำไรในสต็อกเหล็ก (แต่ก็บริหารจัดการด้านต้นทุนวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสม) เราคาดการณ์กำไรสุทธิปี 57 ทรงตัวเมื่อเทียบYoY และขยายตัว 11% ในปี 58 จุดเด่น คือ จ่ายปันผลสูงมาก คาดการณ์ DividendYield ปีนี้ที่ 7% และปี 58 เท่ากับ 7.7% แนะนำถือ
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]