- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 July 2014 16:06
- Hits: 2192
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET ยังมีจังหวะแกว่งผันผวนมากจึงยังลุ้นรอบปรับพัก ดังนั้นรอซื้อลบ!!
กลยุทธ์ : แรงขายในระหว่างวันยังกดดัน SET ให้แกว่งผันผวน ซึ่งคาดว่าจะตามมาด้วยการแกว่งพักตัวลงไปเคลื่อนไหวเป็นลบ ก่อนจะลุ้นวิ่งขึ้นหา 1520 จุดหรือใกล้เคียงได้ใหม่ ดังนั้นช่วงนี้เรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นเพื่อเข้าทยอยซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลงน่าจะปลอดภัยกว่า โดยถ้าเข้าเทรดดิ้งช่วงบวกยังต้องใช้ความระมัดระวังสูงเช่นเดิม ส่วนพอร์ตลงทุนยังสามารถถือต่อเนื่องไว้ก่อนได้ เพื่อรอจังหวะขายปรับพอร์ตแถว 1520 จุดหรือสูงกว่าต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : THANI, AKR, GFPT(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อวานช่วงบ่าย SET เริ่มมีแรงขายออกมากดดันมากขึ้นอีกครั้ง จนทำให้ดัชนีไหลย้อนมาปิดเป็นบวกต่อเนื่องได้ไม่มากนัก ขณะที่เช้านี้ยังมีสิทธิถูกกดดันต่อเนื่องจากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลงกันเป็นส่วนใหญ่ หลังตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ปิดปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อีกกว่า 100 จุด โดยคาดว่านักลงทุนยังรอติดตามผลประกอบการของบริษัทเอกชนและรายงานการประชุมของเฟดในคืนวันนี้อยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้นมาค่อนข้างมากแล้วด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็มีโอกาสที่จะมีรอบปรับพักตัวลงตามด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากรอบการปรับลงของตลาดหุ้นไทยน่าจะยังจำกัด และหลังการปรับพักตัวลงแล้วยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งกลับขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีก เพราะช่วงนี้แรงซื้อจากนักลงทุนต่างประเทศมีไหลเข้ามาหนาตามากขึ้นช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้ ดังนั้นช่วงตลาดปรับตัวลงเราจึงยังแนะนำให้เลือกหุ้นเข้าทยอยซื้อ
แนวรับ 1502-1498 , 1495-1490 จุด แนวต้าน 1510-1513 , 1516-1520 จุด
Fund Flow กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องและหนาแน่นเมื่อวานนี้อีก US$420ล้าน โดยไหลเข้าประเทศอินโดนีเซียมากที่สุด US$134.7 ล้าน (ลุ้นผลเลือกตั้ง 9 ก.ค.) ทำให้กลุ่ม TIP มีเงินทุนไหลเข้ารวม US$212ล้าน มากที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือน สำหรับไทยกระแสเงินทุนไหลเข้ามากขึ้นเช่นกันที่ US$66ล้าน มากที่สุดตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. แนวโน้มกระแสเงินทุนในภูมิภาคในวันนี้อาจชะลอตัวลงหลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งซึ่งทำให้ตลาดกลับมากังวลว่า Fed อาจตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) การซื้อขายในตลาดหุ้นในเอเชียอาจเป็นไปอย่างระมัดระวัง คืนนี้มีรายงานการประชุม Fed ของวันที่ 17-18 มิ.ย. นักลงทุนจับตาว่า Fed จะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นหรือไม่ แต่ก็มีโอกาสที่ Fed อาจยังพูดเหมือนเดิมและไม่ส่งสัญญาณใดๆ แต่ก็ทำให้การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวังอยู่ดี แต่สำหรับตลาดหุ้นไทย แนวโน้มมีโอกาสดีกว่าเพื่อนบ้าน เพราะเงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง
(+) PTTEP เราคาดกำไรสุทธิใน 2Q14 โตดีต่อเนื่องเป็น 1.4 หมื่นล้านบาท เพิ่ม 13% Q-Q และ 31% Y-Y จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นหลังซื้อ Hess แล้วเสร็จในเดือน เม.ย. และโครงการมอนทาราใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น รวมทั้งราคาขายก็เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก แนวโน้มในช่วงที่เหลือของปียังดีต่อจากโครงการซอติก้า (พม่า) จะเริ่มการผลิตใน 3Q14 เรายังคงคาดกำไรสุทธิปี 2014 เติบโต 16% Y-Y และปี 2015 โต 5% Y-Y การปฎิรูปโครงสร้างพลังงานหรือการปรับระบบสัมปทานที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ทำไม่ได้ง่ายและต้องใช้เวลา เราคงเป้าหมายปีนี้ที่ 170 บาท ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาเร็วจนเหลือ upside จำกัดทำให้ยังคงแนะนำถือ
(+) DCON แนวโน้มกำไร 2Q14 จะลดลง 32% Q-Q และ 16% Y-Y จากผลกระทบของการเมืองในช่วงที่ผ่านมา แต่เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นในเดือน มิ.ย. ซึ่งเราปรับประมาณการกำไรสุทธิของปีนี้ลง 8% เป็นเติบโตเพียง 3% Y-Y และปรับกำไรปี 2015 ขึ้นเล็กน้อย 3% เป็นเติบโตถึง 67% Y-Y โดยรวมโครงการรถไฟทางคู่ที่จะประมูล 15 ก.ค. นี้ ซึ่งต้องใช้เสาเข็มคอนกรีตขนาดเล็ก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท เราปรับไปใช้เป้าหมายปี 2015 ที่ 18 บาท และยังแนะนำซื้อ เพราะเป็นทั้งหุ้นเติบโตสูงและปันผลสูง (7% ต่อปี) ราคาหุ้นในระยะสั้นอาจอ่อนตัวตามกำไรที่ชะลอลงใน 2Q14 ซึ่งยิ่งเป็นโอกาสในการซื้อ
(+) MC แนวโน้มกำไร 2Q14 จะลดลง 12% Q-Q และเป็นไตรมาสที่ต่ำสุดของปีจากผลกระทบของการเมือง แต่ยังเพิ่มขึ้น 12% Y-Y เพราะสาขาที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มใน 2H14 จะดีขึ้นตามการฟื้นตัวของการบริโภคโดยเฉพาะในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นตลาดหลักของ MC (66% ของรายได้รวม) เราปรับกำไรสุทธิปี 2014 ลง 5% แต่ยังเติบโต 16% Y-Y และคาดกำไรปี 2015 จะโตในอัตราเร่ง 23% Y-Y เราปรับไปใช้เป้าหมายปี 2015 ที่ 23.60 บาท (PE 18 เท่า) ระยะสั้นราคาหุ้นอาจถูกกระทบจากการที่หุ้น 440 ล้านหุ้น (ทุน 15 บาท) เพิ่งหมด silent period 3 ก.ค. ที่ผ่านมา หากราคาอ่อนตัวจะเป็นโอกาสในการซื้อ
(0) HEMRAJ ขายที่ดินได้ 176 ไร่ใน 2Q14 ฟื้นตัว 46% Q-Q ตามความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เริ่มกลับมา แต่กำไรมีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดของปีนี้ไปแล้วใน 1Q14 เพราะโอนที่ดินไปถึง 809 ไร่ซึ่งเป็นสถิติการโอนสูงสุดของบริษัท และเหลือ Backlog เพียง 1.25 พันล้านบาทที่จะทยอยโอนใน 3-18 เดือนข้างหน้า กำไรในช่วงที่เหลือของปีนี้จึงมีแนวโน้มชะลอลง แต่ HEMRAJ ยังคงเป็น Top pick ในกลุ่มนิคมฯ จากกำไรที่เติบโตสูงกว่ากลุ่มทั้งในปีนี้ (26% Y-Y) และปีหน้า (5% Y-Y) เราปรับไปใช้เป้าหมายปี 2015 ที่ 4.20 บาท แนะนำถือเพราะ upside ที่จำกัดและ story การเติบโตสูงของปีนี้ที่ผ่านไปแล้ว
ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันอีกกว่า 100 จุดหลังจากทำ New High ในช่วงก่อนหน้า โดยนักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรวมถึงความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตซึ่งอาจเร็วกว่าคาด
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนลบเช่นกันนำโดยหุ้นในกลุ่มแบงค์ที่มีการเจรจาประนีประนอมยอมความกับทางสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวยังคงปรับลงต่อจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. จีนเช้านี้ที่ออกมาต่ำกว่าคาด
ค่าเงินบาทยังแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยล่าสุดแกว่งอยู่ในกรอบ 32.34-32.44 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 0.13 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปิดที่ 103.40 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลต่อปัจจัยด้านอุปทานมากขึ้นทั้งในอิรักและลิเบีย
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ขยับลงอีก 0.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,316.50 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยยังขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระตุ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
9 ก.ค. - ไทย: MPG กลับเข้ามาซื้อขายในตลาดฯ
- จีน: อัตราเงินเฟ้อ (มิ.ย.)
- อินโดนีเซีย: การเลือกตั้งประธานาธิบดี
10 ก.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (มิ.ย.)
- จีน: ดุลการค้า (มิ.ย.), สินเชื่อ (มิ.ย.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม
- สิงคโปร์: 2Q14 GDP
- สหรัฐ Fed Minutes รายงานการประชุมของวันที่ 17-18 มิ.ย.
14 ก.ค. - ไทย: กลุ่มธนาคารเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการ
- ยูโรโซน: Industrial Production (พ.ค.)
15 ก.ค. - ไทย: รฟท.จัดประมูลรถไฟรางคู่สัญญา 1 วงเงิน 1.02 หมื่นล้านบาท
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (ก.ค.)
16 ก.ค. - จีน: 2Q14 GDP
Contact person : Somchai Anektaweepon
Research Dept. Tel: 02-646-9967, 02-646-9852