- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 09 July 2014 16:04
- Hits: 2279
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Sideways
ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งในกรอบ ปิดที่ 1,507.58 จุด บวกอีก 4.37 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบางเพียง 36,587 ล้านบาท และเงินทุนต่างชาติกลับเข้าสะสมหุ้นไทยอย่างหนาแน่นเป็นวันที่ 3 ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 อีก 2,129 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 6,985 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 9 เล็กน้อย 1,067 ล้านบาท ทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เริ่มเข้าเกณฑ์ที่ MBKET ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ จากผลของการออกโครงการ TLTRO ของ ECB ในวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา
แม้ว่า ภาวะการลงทุนรอบโลก จะขาดปัจจัยบวกใหม่เข้าหนุนการลงทุน ตัวเลขเศรษฐกิจในอียู ส่งสัญญาณเสี่ยงต่อการชะลอตัวมากขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มมีประเด็นเสี่ยงใหม่นั่นก็คือ ช่วงเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ที่อาจเกิดขึ้นใน 1H58 จากเดิมที่ตลาดคาด 2H58 ทำให้ Upside ของตลาดหุ้นในตลาดพัฒนาแล้วเริ่มจำกัดมากยิ่งขึ้น
แต่ปัจจัยดังกล่าว กลับเอื้อต่อตลาดหุ้นในเอเชีย รวมถึงตลาดหุ้นไทยในระลอกนี้ เพราะภาพเศรษฐกิจโดยรวม ส่งสัญญาณฟื้นตัว อย่างมีเสถียรภาพ การควบคุมเงินเฟ้อซึ่งเคยเป็นปัญหากดดันในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เริ่มผ่อนคลาย ทำให้ธนาคารกลางสามารถคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ บวกกับแนวโน้มสภาพคล่องทางการเงินในตลาดเงินโลกจะล้นอีกครั้ง จากมาตรการของ ECB ทำให้เชื่อว่า เงินทุนต่างชาติรอบนี้ จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ผลักดัน SET INDEX ให้ Zig Zag ขึ้นสู่ด่านสำคัญ 1,550 จุด +/- ในรอบนี้
วันนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ของจีน และ การเลือกตั้งประธานาธิบดี ในอินโดนีเซีย
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน “เน้นเก็งกำไรหุ้นหลัก หากราคาย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” เน้นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Domestic Play เป็นสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุนช่วงสั้น MBKET แนะนำ “ทยอยสะสม” TRUEIF/ AAV
Portfolio
Top Pick in 3Q14: AAV/ AP/ IFEC / TRUE
HOLD: SCC/ SPALI/ TTA/ SAMART/ SPCG/ BLAND/ IFEC/ BTS
Accumulative Buy: TRUEIF/ AAV
Technical View
แนวรับ 1495-1500 จุด แนวต้าน 1513-1515 จุด เริ่มผ่านเส้นแนวต้านระดับชั่วโมง เพิ่มโอกาสแกว่งตัวเพื่อขึ้นต่อ
Action and Stock of the Day
SET INDEX ปิดทะลุ 1,505 จุดได้ในที่สุด
คงมุมมองต่อ SET INDEX ที่ยังมี Momentum เชิงบวกต่อการเก็งกำไรต่อผลการดำเนินงาน 2Q57
กระแสเงินทุนต่างชาติ เข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยหนาแน่น เป็นวันที่ 2 ส่งสัญญาณเชิงบวก สอดคล้องกับที่คาดไว้ก่อนหน้านี้
กลยุทธ์ คงการเก็งกำไร หากราคาหุ้นย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ปิดบวก – ลบเล็กน้อย สลับกันไปในแต่ละตลาด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนการลงทุน
ด้านตลาดหุ้นไทย SET INDEX เคลื่อนไหวระหว่าง 1,500 – 1,510 จุด ผลักดันโดยหุ้นหลักในกลุ่มธนาคาร / ICT อย่างไรก็ตาม SET INDEX ยังไม่สามารถทะลุด่าน 1,510-1,515 จุดได้ บวกกับภาวะการลงทุนที่ขาดปัจจัยใหม่ ส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรเข้ามาเป็นระยะๆ กดดันให้ SET INDEX ย่อตัวลงมาปิดที่ 1,507.58 จุด บวกอีก 4.37 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเพียง 36,587 ล้านบาท
กลุ่มที่ปิดบวกเด่นสุดได้แก่ กลุ่ม Professional +1.93%, กลุ่ม ICT +1.30% และกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ +1.21% ส่วนกลุ่มหลักอย่างยิ่งธนาคาร +0.98%, กลุ่มพลังงาน -0.36% และกลุ่มอสังหาฯ +0.52%
ภาพตลาดหุ้นไทยวันนี้
ตลาดหุ้นเอเชีย (7.32 น.) เช้านี้ Nikkei เปิดลบเล็กน้อย 0.37% ตามทิศทางตลาดหุ้นยุโรป และ สหรัฐฯ ในคืนวานนี้ อีกทั้งค่าเงินเยนแข็งค่าต่อเนื่อง
MBKET คงมุมมองต่อการลงทุนขึ้นเป็น “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 4 เมื่อ SET INDEX ยังคงเดินหน้าไต่ระดับขึ้นทะลุแนวต้านย่อย 1,505 จุด สู่เป้าหมายถัดไป 1,515-1,520 จุด แม้ว่าปัจจัยแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ ขาดความโดดเด่น ก็ตาม แต่ด้วยสภาพคล่องทางการเงินในระบบการเงินโลก มีแนวโน้มล้นมากขึ้นอีกระลอก จากโครงการ Targeted Longer-Term Refinancing Operations (TLTRO) เป็นโครงการให้ธนาคารพาณิชย์กู้ เพื่อนำไปปล่อยกู้ให้แก่ภาคเอกชน และ ครัวเรือน วงเงิน 1.0 ล้านล้านยูโร ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. กลายเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยเปลี่ยนไป สู่มุมมอง “กลางถึงบวก”
ประเด็นที่ทำให้ ตลาดหุ้นเอเชีย น่าจะเป็นเป้าหมายของการดึงดูดเม็ดเงินทุนต่างชาติในระลอกนี้ ผ่านมุมมองของ MBKET ได้แก่
•ภาพรวมเศรษฐกิจในเอเชีย มีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดใน 1Q57 ไปแล้ว รวมถึงจีน ดังจะเห็นได้จากดัชนี PMI ภาคการผลิตโดยรวมในเอเชียฟื้นตัว
•แนวโน้มเงินเฟ้อผ่อนคลาย เมื่อปริมาณเงินยูโรเพิ่มขึ้น ย่อมทำให้ เงินยูโรมีแนวโน้มอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ สิ่งที่ตามมาคือ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จะทรงตัวถึงลดลง อัตราเงินเฟ้อในเอเชียจะตอบสนองกับราคาน้ำมันดิบในระดับที่สูงก็จะผ่อนคลายแรงกดดันลง
•แนวโน้มค่าเงินในเอเชียอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเข้าเกณฑ์ของการทำ Carry Trade ที่จะเข้าลงทุนในสินทรัพย์นั้นๆ ด้วยต้นทุนทางการเงินที่ถูกในช่วงต้น
และ เงินทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 3 ตลาดหลักในไทยพร้อมกันเป็นวันที่ 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตลาดหุ้น และการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures ในอัตราเร่ง ย่อมเป็นสัญญาณเชิงบวก และสอดคล้องกับที่ MBKET ประเมินไว้
ขณะที่การทำงานของ คสช. ในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ ที่บิดเบี๊ยวไปจากโครงสร้างเศรษฐกิจที่ควรจะเป็น พร้อมกับการเดินหน้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เพื่อสร้างระบบโครงข่ายคมนาคม เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจเพื่อนบ้าน นำไปสู่ AEC ในปลายปี 2558 ย่อมช่วยปิด Downside risk ของ SET INDEX ในช่วงสั้น ผ่านมุมมองของ MBKET ด้วยปัจจัยแวดล้อมดังนี้
•การฟื้นตัวด้านเศรษฐกิจไทย หลัง คสช. เข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. เป็นต้นมา เร่งทยอยจ่ายเงินจำนำข้าว 9.0 หมื่นล้านบาท รวมถึงเริ่มงานด้านตรวจสอบ / จัดระเบียบด้านต่างๆ / วางแผนการใช้จ่ายงบประมาณ / งบลงทุน อย่างต่อเนื่อง เรียกความเชื่อมั่น จากผู้บริโภค และนักลงทุนภาคเอกชน อย่างเห็นชัด
•แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทยใน 2Q57 ฟื้นตัว ตามภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศ
•ความคาดหวังเชิงบวกต่อ Road Map การเดินหน้าด้านเศรษฐกิจไทย ภายใต้การดูแลของ คสช.
•และที่สำคัญ โฉมหน้ารัฐบาล ชั่วคราว คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วง 1-2 เดือนนี้
ภาพ SET INDEX ในรอบนี้ คาดว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวลักษณะ Zig-Zag เพื่อขึ้นต่อ ในลักษณะ ของการวน เก็งกำไรหุ้นหลัก รายกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ล่าสุดวานนี้ SET INDEX ทะลุแนว 1,500 จุดตามที่คาด แนวโน้มไต่ระดับขึ้นสู่ด่านถัดไป 1,520 จุด และเป้าหมายในระลอกนี้ที่ 1,550 จุด +/- จับตากลุ่มธนาคาร / กลุ่มที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตามภาพรวมยังมีผันผวนของ SET INDEX
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน MBKET แนะนำ “ทยอยเข้าเก็งกำไร หาก SET INDEX หรือ หุ้นเป้าหมายเกิดการย่อตัวลงระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย” เน้น หุ้นหลักกลุ่มธนาคาร / กลุ่มที่อยู่อาศัย เพื่อเกาะกระแสเงินทุนต่างชาติระลอกใหม่ รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่ Laggard แต่ผลการดำเนินงาน 2Q57 เติบโตเด่น qoq และ/หรือ yoy
ปัจจัยสำคัญวันนี้
1.ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภาพการลงทุน ซึ่งยังต้องรอความชัดเจน
•คสช.อยู่ระหว่างการพิจารณาร่าง รธน. ฉบับชั่วคราว ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตลาดคาดว่าจะเป็นภายในสัปดาห์นี้
•รายละเอียดของร่างงบประมาณปี 2558 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำการศึกษา เพื่อสรุปนำเสนอต่อ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ คสช. ภายในเดือนก.ค.
•แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม แบ่งเป็น
i.วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งจะบรรจุในงบประมาณปี 2558 จะต้องสรุปภายในสิ้นเดือนมิ.ย.
ii.แผนการลงทุนเฟส 2-3 ซึ่งเป็น Roadmap ขนาดใหญ่ จะต้องสรุปเพื่อนำเสนอภายในสิ้นเดือนก.ค.
•การปรับโครงสร้างพลังงาน ยังต้องหารือถึงรายละเอียดโครงสร้างการกำหนดราคาพลังงาน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ คาดกรอบเบื้องต้นจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนก.ค.
• การทำงานของ กสทช.
i.การเริ่มทำประชาพิจารณ์ต่อกรณีการแจกคูปองให้แก่ ครัวเรือน เพื่อนำไปแลกรับกล่องสัญญาณทีวีดิจิตอล กสทช.
ii.วันที่ 10 ก.ค.นี้ กสทช.จะส่งหนังสือถึง คสช.เพื่อชี้แจงความจำเป็นในการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz / 900 MHz / USO
2.กระแสเงินทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิหนาแน่นเป็นวันที่ 2: เป็นสัญญาณที่สอดคล้องกับที่ MBKET ประเมินไว้ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากผลของการออกโครงการ TLTRO ของ ECB ซึ่งนำไปสู่โอกาสทำ Euro Carry Trade ดังนั้น นักลงทุน ติดตามการเคลื่อนไหว หุ้นหลักในกลุ่มหลักของตลาดหุ้นไทย เช่น
•กลุ่มธนาคาร: KBANK / BBL
•กลุ่มที่อยู่อาศัย: LH / SPALI / PS
•กลุ่มวัสดุก่อสร้าง: SCC
•กลุ่ม ICT: ADVANC / INTUCH / TRUE
•กลุ่ม PTT Group
3.ปัจจัยสำคัญวันนี้อยู่ที่ต่างประเทศ:
•ติดตามตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของจีนเดือน มิ.ย. Bloomberg consensus คาด +2.4% yoy ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.5% yoy
•การเลือกตั้งประธานาธิบดี อินโดนีเซีย ซึ่งตลาดคาดหวังในเชิงบวกว่านาย Widodo จะได้รับชัยในครั้งนี้ ทำให้เป็นการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองในอินโดนีเซียครั้งสำคัญ
•รายงานการประชุมเฟด ครั้งที่ผ่านมา ต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ นโยบายการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มุมมองต่อการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังตลาดเริ่มปรับประมาณการว่าเฟดมีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยในกลางปีหน้า จากเดิมช่วง 2H58 ซึ่งจะมีผลต่อการลงทุนในตลาดสหรัฐฯ
วานนี้ วันก่อนหน้า
PER14 PER15 PER14 PER15
SET INDEX 14.76 12.86 14.72 12.82
PSE 19.52 16.92 19.66 17.04
JSE 16.09 13.64 15.98 13.51
KOSPI 10.16 9.57 10.23 9.63
TAIEX 15.53 14.31 15.49 14.42
Straits Time 14.47 13.24 14.50 13.27
SHCOMP 8.11 7.17 8.11 7.18
ที่มา: Bloomberg
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ 'ทยอยสะสม'ได้แก่
1.TRUEIF : ราคาปิด 10.10 บาท ราคาเหมาะสม 13.70 บาท
a)MBKET เริ่มต้นคำแนะนำด้วย “ซื้อ” เนื่องจาก TRUEIF ได้ประโยชน์โดยตรงจากฐานะการเงินที่แกร่งขึ้นของ TRUE ซึ่งเป็นผู้เช่าหลัก โดยคาดว่าหลังเสร็จสิ้นการเพิ่มทุนจะส่งผลให้ Net DE ของ TRUE ลดลงจาก 10.0 เท่า ใน 1Q57 เหลือเพียง 0.46 เท่า
b)ดังนั้น ความเสี่ยงของ TRUEIF ที่พึ่งพิงรายได้ค่าเช่าจาก TRUE จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และเชื่อว่าภายหลัง TRUE เสร็จสิ้นการเพิ่มทุน จะส่งผลให้บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือปรับเพิ่ม Rating ขึ้นสู่ระดับ Investment Grade และเปิดทางให้นักลงทุนต่างชาติพิจารณาเข้าลงทุนใน TRUEIF ได้เพิ่มขึ้น
c)จุดเด่นของ TRUEIF อยู่ที่รายได้มีความมั่นคงสูง เนื่องจากมีสัญญาเช่าระยะยาวกับ TRUE ล่วงหน้าถึง 14 ปี สำหรับเสาโทรคมนาคม และ 12 ปี สำหรับโครงข่าย Fiber Optic และกองทุนไม่มีวันหมดอายุ เนื่องจากเป็นกองทุนแบบ Freehold คือสินทรัพย์ทุกอย่างเป็นกรรมสิทธิ์ของกองทุน
d)และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลไม่ต่ำกว่าปีละ 0.88 บาท / หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield สูงถึง 8.7% และไม่ต้องเสียภาษีเงินปันผล เนื่องจากได้รับสิทธิประโยชน์ของกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
2.AAV : ราคาปิด 4.26 บาท ราคาเหมาะสม 5.10 บาท
a)MBKET คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 ที่ 80 ล้านบาท ลดลง -40.0% yoy และ -48.8% qoq จากผลกระทบเนื่องจากเป็น Low Season และเหตุการณ์การเมือง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะเป็นไตรมาสที่ผลประกอบการต่ำสุดของปีแล้ว
b)และคาดหวังการฟื้นตัวแบบ V-Shape ใน 2H57 จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวใน 3Q57 จากเสถียรภาพทางการเมือง และเข้าสู่ High Season ของธุรกิจท่องเที่ยวใน 4Q57
c)ขณะที่การสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศของ คสช. เช่น การเพิ่มวันหยุดยาวในช่วงเดือน ส.ค. จะเป็นอีกปัจจัยกระตุ้นความต้องการเดินทางในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายการบินประเภท Low Cost Airline
d)ดังนั้น หากกำไร 2Q57 ออกมาใกล้กับที่คาดจะส่งผลให้กำไร 1H57 อยู่ที่ 236 ล้านบาท และคาดว่ากำไร 2H57 จะเติบโต +177.5% HoH เป็น 655 ล้านบาท และเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า
e)คาดกำไรสุทธิปี 2558 เติบโต +84.6% yoy เป็น 1,644 ล้านบาท และมี Valuation ที่น่าสนใจ โดยซื้อขายระดับ PER 2558 ที่ 12.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำทั่วโลกที่ 15.0 เท่า
What will DJIA move tonight? คืนนี้มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ รายงานการประชุมเฟดครั้งก่อน
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
เงินทุนต่างชาติซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 อีก US$311 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$271 ล้าน
ตลาดหุ้น วานนี้(US$ ล้าน) วันก่อนหน้า(US$ ล้าน) YTD 2557(US$ ล้าน) 2556(US$ ล้าน)
TAIEX 101.3 131.8 10,807.4 9,188.0
KOSPI n.a n.a 3,792.1 4,875.1
JSE 134.7 64.1 4,032.3 -1,806.4
PSE 11.9 20.7 1,073.1 678.4
ตลาดหุ้นเวียดนาม -2.4 1.7 290.8 263.2
SET INDEX 65.7 53.0 -1,096.4 -6,210.5
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติซื้อสุทธิทั้ง 3 ตลาดเป็นวันที่ 2 ยังคงเน้นตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง
วานนี้ วันก่อนหน้า
ตลาดหุ้น (ล้านบาท) +2,129 +1,714
SET50 Index Futures (สัญญา) +6,985 +3,465
SSF (สัญญา) -30 +759
Metal Futures (สัญญา) +145 +17
ตลาดตราสารหนี้ (ล้านบาท) +1,067 +1,342
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 เร่งขึ้นเป็น 2,129 ล้านบาท รวม 2 วันทำการซื้อสุทธิ 3,843 ล้านบาท และกดดันให้ YTD นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิลดลงเป็น 36,153 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 3 เร่งขึ้นเป็น 6,985 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิมากถึง 11,152 สัญญา เมื่อ S50U14 ปิดต่ำกว่า SET50 Index กว้างถึง 8.12 จุด จากวันก่อนหน้า Discount กว้าง 8.68 จุด คาดว่าจะเป็นการเปิดสถานะ Long สุทธิ
Metal Futures นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิเป็นวันที่ 2 อีก 145 สัญญา รวม 2 วันทำการ Long สุทธิ 162 สัญญา สะท้อน มุมมองต่อทิศทางราคาทองคำไม่ชัดเจน
ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนกลุ่มนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 9 เบาบางเพียง 1,067 ล้านบาท รวม 10 วันทำการ ซื้อสุทธิ 49,416 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเป็นการเน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี ผลตอบแทนลดลงอีกเล็กน้อย 0.61bps ปิดที่ 3.785%
Short-Selling วานนี้
มูลค่า Short-selling ลดลงเป็น 334 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 909 ล้านบาท
Stock Total Value(mn Bt) % of trading Volume Avg.Price(Bt)
PTT 81.49 7.31% 325.94
ADVANC 52.58 3.10% 221.49
KBANK 43.01 5.29% 214.85
SCC 18.75 5.73% 478.36
BBL 15.91 2.10% 199.06
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 12 คงเน้นการสะสมกลุ่มธนาคาร และ ICT ต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 12 เร่งขึ้นเป็น 2,108 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,502 ล้านบาท รวม 12 วัน ซื้อสุทธิ 14,221 ล้านบาท สรุปได้ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มธนาคารถูกซื้อสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 5 อีก 621 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 716 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ซื้อสุทธิอีก 612 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 340 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิ 435 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 230 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 205 ล้านบาท
2.กลุ่มขนส่ง กลับถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 62 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 235 ล้านบาท ตมมมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 39 ล้านบาท
ซื้อสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการซื้อขาย ขายสุทธิสูงสุด มูลค่าสุทธิ(ล้านบาท) % มูลค่าการขาย
ADVANC 518.98 22.76 INTUCH -100.20 11.79
TOP 233.76 32.54 PTTGC -55.54 8.37
KTB 218.57 8.69 TTA -33.10 9.91
KBANK 170.10 45.92 THCOM -32.61 6.04
TRUE 156.53 34.73 AOT -30.44 8.95
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA
Strategist / Analyst
662-6586300 x 1440
Padon Vannarat
Equity Analyst
662-6586300 x 1450
Linrada Lianghathaitham
Assistant Analyst
662-6586300 x 1530
Twitter Channel
http://twitter.com/YipNgenYipTong