- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 08 July 2014 15:10
- Hits: 2384
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market View : แนวต้าน 1,520
Technical : แนวรับ 1,500 /1,495 แนวต้าน 1,520 / 1,535
หุ้นแนะนำพิเศษ : HMPRO แนวรับ 9.65 / 9.10 แนวต้าน 10 / 10.60
หุ้นเด่นรายวัน : TPOLY SST PPF
วันจันทร์ตลาดหุ้นไทยปิดบวก 7.38 จุด แกว่งไซด์เวย์ในกรอบ จากแรงซื้อเก็งกำไรอิงงบฯ Q2/57 ดัชนี SET ปิดที่ 1,503.21 จุด เพิ่มขึ้น 7.38 จุด
(+0.49%) มูลค่าการซื้อขาย 37,333.25 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,714.20ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,485-1,520 ดัชนีผ่านยืน 1,500 จากแรงซื้อกลุ่มพลังงาน กลุ่มสื่อสาร รวมทั้งหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง (Big Caps.) ส่งผลให้Sentimentระยะสั้นดีขึ้น ถึงแม้จะมีแรงขาย Net Settlementท้ายตลาดก็ตามซึ่งเป็นลักษณะของการเล่นรอบ ในขณะที่ SET50 ระยะสั้นเน้นยืน 1,000 เป็นจุดตัดสินใจ ปิดต่ำกว่าเป็นสัญญาณลบ แนวรับหลัก 982 GFQ14 เก็งกำไรในกรอบ 20,160-20,540 GFV14 เก็งกำไรในกรอบ 20,220-20,600
กลยุทธ์ การผ่านยืน 1,500 และแรงขายเริ่มลดน้อยถอยลงในหุ้นขนาดใหญ่ ส่งผลให้ตลาดมีความมั่นใจในการถือครองหุ้น และกลับเข้าซื้อระยะสั้น กลุ่มสื่อสาร ระดับราคามีการปรับลงมากและมีแนวโน้มที่จะกลับตัวขึ้น DTAC ADVANC INTUCH JAS กลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC TPIPL CCP กลุ่มพาณิชย์ HMPRO ROBINS กลุ่มพลังงาน PTTEP PTT EGCO หรือการปรับตัวลงของTOP PTTGC ซื้อเพิ่มเพื่อถือระยะกลาง กลุ่มธนาคาร คาดการณ์ผลประกอบการในสัปดาห์หน้าเชิงบวก การปรับตัวลงแนะนำซื้อเพื่อเล่นรอบ / ระยะกลางถือ หุ้นรายหลักทรัพย์ FVC TCJ TVD ระยะกลาง ถือ และซื้อเพิ่มเมื่อปรับตัวลงแรง
หุ้นแนะนำพิเศษ
HMPRO (ราคาปิด 9.85 ซื้อ เป้าปี 57, 12.50) รายได้มีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องจากแผนเปิดสาขาเพิ่ม 11 สาขาในปี 57 แบ่งเป็นโฮมโปร 8 สาขา เมกาโฮม 2 สาขา และในประเทศมาเลเซีย 1 สาขา ใน 2Q57 มีแผนเปิดโฮมโปร 3 สาขา ที่ลำปาง (11 เม.ย.) ประจวบฯ (9 พ.ค.) สุรินทร์ (16 พ.ค.) และเมกาโฮมอีก 1 สาขาที่บ่อวิน จ.ชลบุรี ฝ่ายวิจัยคาดการณ์รายได้จากการขายในปี 57 จะขยายตัวราว 15% เป็น 4.6 หมื่นล้านบาทและคาดการณ์กำไร 3.5 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 15% ซึ่งอาจมี upside จากการขายโฮมโปรสาขาหัวหินเข้ากองทุนรวมฯ ซึ่งน่าจะเกิดในช่วงครึ่งหลังของปี 57 หากภาวะตลาดเอื้ออำนวย ในช่วง 1Q57 มีกำไรสุทธิ 726 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5%YoY ซึ่งคิดเป็น 21% ของประมาณการทั้งปี คาดผลประกอบการ 2Q57 เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จากการเปิดสาขาใหม่ประกอบกับยอดขายสาขาเดิมยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติจึงเริ่มมีการจับจ่ายกันมากขึ้น
หุ้นเด่นรายวัน
TPOLY (ปิด 3.34 ซื้อเก็งกำไร) ผลประกอบเริ่มฟื้นตัว มีข่าวพันธมิตรต่างชาติ และไตรมาส 3/57 นำบริษัทลูกเข้าตลาดฯ เก็งกำไรข่าวกลุ่มทุนจากต่างประเทศขอเจรจาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเตรียมตัวรับงานใหญ่จากภาครัฐ นอกจากนี้ผู้บริหารยังคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะปกติ ขณะที่ไตรมาส 3/57 จะนำบริษัทลูก TPCH เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งจะเพิ่ม Sentiment เชิงบวกต่อการลงทุนใน TPOLY (ที่มา: ทันหุ้น)
SST (ราคาปิด 20.70 ซื้อเก็งกำไร) มีแผนขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมฯ SSTSS มูลค่า 820 ล้านบาท วันที่ 22-31 ก.ค. 57 คาดบันทึกเป็นกำไร 50% ใน Q3/57 ประกอบกับจากตัดขายธุรกิจผลิตน้ำมันพืชทิพหนุนผลประกอบการนี้พลิกมีกำไร (ที่มา : ข่าวหุ้น)
PPF (ราคา IPO 10) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์คจะเริ่มซื้อขายวันแรกในหมวดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ โดยลงทุนเป็นกรรมสิทธิ์ที่ดินอาคารโรงงานและคลังสินค้าในโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง รวม 90 ยูนิต บนที่ดิน 151 ไร่ 1 งาน 87.1 ตร.ว โดยมีพื้นที่อาคารให้เช่า 134,338.4 ตร.ม.
รายชื่อหลักทรัพย์ที่ติดเกณฑ์บัญชี Cash Balance
* BMCL / RPC มีผลบังคับใช้ 2 มิ.ย. - 10 ก.ค. 57
* RASA มีผลบังคับใช้ 9 มิ.ย. – 18 ก.ค. 57
* AJD / TFI / TH / TRUE / UV มีผลบังคับใช้ 16 มิ.ย. - 25 ก.ค. 57
* IFEC / PF / SLC มีผลบังคับใช้ 23 มิ.ย. - 1 ส.ค.57
* EFORL / TSF มีผลบังคับใช้ 30 มิ.ย. - 8 ส.ค.57
* BTC/ KC/ MAX/ NUSA/ TFD/ VIH / VTE มีผลบังคับใช้ 7 ก.ค. - 15 ส.ค. 57
***เนื่องจากการลงทุนในหลักทรัพย์ ดังกล่าวมีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาดดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : ลดลง 44.05 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดตลาดปรับตัวลดลง 44.05 จุด เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนีเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้นักลงทุนยังประเมินว่า FED อาจจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดหลังตลาดแรงงานของสหรัฐกำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยล่าสุดกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงาน ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 288,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 215,000 ตำแหน่ง และอัตราว่างงานปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี ทำให้ปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์ลดลง 44.05 จุด หรือ -0.26% ปิดที่ 17,024.21 จุด ดัชนี NASDAQ ลดลง 34.40 จุด หรือ -0.77% ปิดที่ 4,451.53 จุด ดัชนี S&P500 ลดลง 7.79 จุด หรือ -0.39%ปิดที่ 1,977.65 จุด
ตลาดน้ำมัน NYMEX : ลดลง 53 เซนต์
ราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 53 เซนต์ หลังจากกระทรวงพลังงานของลิเบียเปิดเผยว่า ท่าเรือเอส ซีเดอร์ ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของลิเบีย และท่าเรือราส ลานุฟ ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศสามารถส่งออกน้ำมันได้แล้ว ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า อาจจะมีน้ำมันดิบหลายแสนบาร์เรลจากลิเบียเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลก ซึ่งจะฉุดราคาน้ำมันดิบให้ปรับตัวลดลง ทำให้ปิดตลาดราคาน้ำมันดิบที่ตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 53 เซนต์ ปิดที่ 103.53 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนน้ำมันดิบ BRENT ที่ตลาดล่วงหน้ากรุงลอนดอนส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 40 เซนต์ ปิดที่ 110.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
Analyst – ธวัชชัย 02-6725993 [email protected]
วิลาสินี 02-6725937 [email protected]
อาทิตย์ [email protected]
Assistant - ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์