- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 12 January 2016 17:24
- Hits: 1448
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ผันผวน? คาดมีโอกาสเคลื่อนไหวทั้ง + / - ตามตลาดต่างประเทศที่เคลื่อนไหว
ไร้ทิศทาง โดยคาด (+) ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐฯ จากตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่ง แต่คาด (-) จากความกังวลต่อทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค่าต่างๆ และส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่อง คาดส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะ PTT และ PTTEP
ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ แนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ ทั้งมาตรการลดภาษี เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และล่าสุดมีแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวในประเทศ และต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทย
อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับปัจจัยกดดันจาก Fund Flow หลังต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาและยังคงแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ซึ่งล่าสุดเช้านี้เคลื่อนไหว 36.24 – 36.26 บาท ทรงตัวจากวานนี้ที่ 36.24 บาท ขณะที่มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มสื่อสาร หลังราคาปรับลดลงต่อเนื่อง และทำให้มีความน่าสนใจในรูปของ Div.Yield อย่างไรก็ตามคาดภาพรวมของกลุ่มฯ ยังคง
มีความกังวลต่อภาวะการแข่งขันหลังมีผู้เล่นรายที่ 4 เข้ามาในตลาด
ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท ซึ่งคาดเปิดประมูลปลายม.ค.’59 ส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
(2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลง และเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ส่งผลดีต่อ BA, AAV
(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 4Q-58-1Q/59 แต่คาดผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 4Q/58 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +52.12, NASDAQ -5.64, S&P +1.64, FTSE -40.61, CAC -21.02 และ DAX -24.27
ส่วนหนึ่งจากการเข้าเก็งกำไร หลังลดลงต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่อง ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีการจ้างงาน – ธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.8%MoM และ 2.6%YoY อยู่ที่ 129.33 ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และสอดคล้องกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - ธ.ค. เพิ่มขึ้น 292,000 ตำแหน่ง จากระดับ 252,000 ตำแหน่ง เมื่อพ.ย.
โดยอยู่ระหว่างรอรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน รวมถึง
อัลโค อิงค์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, อินเทล คอร์ป และซิตี้กรุ๊ป
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$1.75 อยู่ที่ US$ 31.41 ต่อบาร์เรล ภายใต้ความกังวล (1) การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลให้อุปสงค์พลังงานลดลงด้วย และ (2) อิหร่านจะกลับมาส่งออกน้ำมัน หลังจากที่ชาติตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอีก และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$1.7 อยู่ที่ US$ 1,096.2 ต่อออนซ์ หลังเงินสหรัฐฯ ยังแข็งค่า รวมถึงตลาดหุ้นนิวยอร์กฟื้นตัว และข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -256 ล้านบาท สะสม YTD
-8,638 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%) 21.63 1.66 3.49
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 36,577.37
สถาบัน -1,356.82
บัญชีหลักทรัพย์ +1,025.38
ต่างประเทศ -256.10
ในประเทศ +587.53
ประเด็นที่ต้องติดตาม 12 - 15 ม.ค. 2559
12/1/59 : ไม่มีเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
13/1/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
งบประมาณของรัฐบาลกลาง - ธ.ค.
สต็อกน้ำมัน
14/1/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ราคานำเข้าและส่งออก - ธ.ค.
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
15/1/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีการผลิตของรัฐนิวยอร์ค - ม.ค.
ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) - ธ.ค.
ยอดค้าปลีก - ธ.ค.
ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิต - ธ.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้น - ม.ค.
สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ - พ.ย.
Market Outlook
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TASCO เป็นต้น
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
(6) เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงาน คาดอาจมีแรงเก็งกำไร จนถึงปลายเดือน ก.พ.’59
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.03 อยู่ที่ 2.16% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -2.71 อยู่ที่ 24.30
หุ้นแนะนำ : AAV
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788