- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 11 January 2016 16:55
- Hits: 996
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: จุดต่ำสุดเดิมที่ 1225 แนวต้าน 1240
SET Index: 1227.43 ปรับตัวลดลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมที่ 1225 จุดหลังจากฟื้นตัวกลับขึ้นไปปิดยืนเหนือระดับ 1240 จุดได้ค่อนข้างดีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้แนวโน้มของ SET Index ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงที่ 1210 จุด สามารถคาดหวังการฟื้นตัวทางเทคนิคในระยะยาวได้ ดังนั้น การปรับตัวลดลงต่อเนื่องในระยะสั้นลงไปทดสอบ 1225 จุด หรือจุดต่ำสุดเดิมที่ 1208 จุด ควรเน้นการเข้าซื้อเพื่อคาดหวังการฟื้นตัวในระยะยาว
แนวต้าน : 1235 และ 1240
แนวรับ : 1225** และ 1220
ADVANC = 140 / 144, BEM = 5.40 / 5.50, PTT = 208 / 212, JAS = 2.90 / 3.00, AOT = 330 / 334
The Siam Commercial Bank (SCB TB; THB 114.00) - ซื้อ
แนวต้าน : 120 และ 122
แนวรับ : 114 และ 113
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมที่ 114 แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคที่บริเวณแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลง ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มขึ้นต่อเนื่อง RSI ฟื้นตัวทดสอบระดับ 30
แนะนำซื้อ SCB โดยมีแนวรับที่ 114 และ 113 และมีแนวต้านที่ 120 และ 122 เป็นจุดขายทำกำไร
ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 112 ลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 104
SCI Electric (SCI TB; THB 6.50) - ซื้อ
แนวต้าน : 7.00 และ 7.20
แนวรับ : 6.50 และ 6.40
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิม แต่สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ ในขณะที่เครื่องมือทางเทคนิคเกิดสัญญาณขัดแย้งในแดนบวก
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 40
แนะนำซื้อ SCI โดยมีแนวรับที่ 6.50 และ 6.40 และมีแนวต้านที่ 7.00 และ 7.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 6.30 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...สัปดาห์ที่งบ Q4/15 ในสหรัฐทยอยออก
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ผลดำเนินงานของธนาคารใหญ่ในสหรัฐจะทยอยประกาศงบ Q4/15 การประกาศงบรอบนี้ถือเป้นประเด็นสำคัญที่จะกำหนดทิศทางดัชนีดาวโจนส์ หลังเจอมรสุมเรื่องค่าเงินหยวนและตัวเลขเศรษฐกิจของจีนในสัปดาห์ที่ผ่านมา หากมาดูผลสำรวจของ Thomson Reuters พบว่าใน Q4/15 อัตราการทำกำไรต่อหุ้นหรือ EPS growth ของบริษัทจดทะเบียนใน S&P 500 จะติดลบประมาณ 3.5% เทียบติดลบเล็กน้อยใน Q3/15 ที่ 0.7% ส่วนในยุโรปงบ Q4/15 จะออกมาดีมากคือขยายตัวถึง 37.8% เทียบ-5.1% ใน Q3/15 (ดูรูปด้านซ้าย)
ดังนั้นทิศทางดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐในสัปดาห์นี้จะอิงกับงบของกลุ่มธนาคารใหญ่และตัวเลขเศรษฐกิจ โดยวันศุกร์ที่ผ่านมาตัวเลขการจ้างงานออกมาดีสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ส่วนประเด็นในจีน วันนี้จะเป็นวันแรกที่ผู้ถือหุ้นใหญ่จะขายหุ้นได้ 1% ซึ่งผลจะเป็นอย่างไร ยังต้องติดตาม โดยเฉพาะค่าเงินหยวนที่ยังถูกกำหนดให้อ่อนตัวอีกหรือไม่ การที่ดัชนีหุ้นทั่วโลกเริ่มยืนได้ในวันศุกร์ที่ผ่านมา น่าจะมาจากมองว่าธนาคารกลางจีนคงหยุดการทำให้เงินหยวนอ่อนตัว นอกจากนั้นอาจเป็นผลทางสถิติของการลดค่าเงินหยวนในวันที่ 17 ส.ค. 2015
การลดค่าเงินหยวนครั้งแรกในวันที่ 17 ส.ค. รวมเวลา 3 วัน ค่าเงินหยวนอ่อนค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ประมาณ 3% กว่าๆ (ดูรูปด้านขวา) ใช้เวลาทั้งสิ้น 5 วันทำการถึงดัชนีจะหยุดลง โดยดัชนี MSCI Asia Ex Japan ลงไปทั้งสิ้น 10% ส่วนรอบล่าสุดคือวันที่ 4 ถึง 7 ม.ค. 2016 ค่าเงินหยวนอ่อนตัวลงประมาณ 1.5% ดัชนี MSCI Asia Ex Japan ลงไปทั้งสิ้น 3.8% ส่วนตลาดหุ้นไทยรอบแรกดัชนี SET ลงไป 7.6% ส่วนล่าสุดลงไปแล้ว 3.1% จากสถิติดังกล่าวปฎิกริยาตอบสนองของตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งไทยน่าจะน่าค่อยๆคลายตัวลงและพร้อมที่จะดีดกลับ
การดีดตัวกลับของดัชนีตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งไทยในรอบนี้น่าจะเป็นไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยหนุนใหม่ๆ หากจะมีก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหนุนภายในของแต่ละตลาด อย่างผลดำเนินงานและตัวเลขเศรษฐกิจ ส่วนปัจจัยที่ถือว่ายังกดดันตลาดคือ ราคาน้ำมันและทิศทางค่าเงินหยวน ภาวะที่เกิดขึ้นจะดีขึ้นหรือเลวร้ายลงไปอีก ก็ขึ้นอยู่กับทิศทางดัชนีดาวโจนส์ ราคาน้ำมันและความชัดเจนของรัฐบาลจีนต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
อาทิตย์นี้อาจจะเริ่มเห็นเม็ดเงินเข้าซื้อเก็งกำไรงบ Q4/15 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์และหุ้นใหญ่ที่ลงไปลึกอย่างสื่อสารและพลังงาน จุดเด่นของตลาดยังคงเป็นค่า P/BV ของตลาดลงไปต่ำกว่าค่า-1SD เศรษฐกิจภายในเริ่มฟื้นตัวและหุ้นที่โยงท่องเที่ยวฟื้นตัว ทิศทางดัชนีในสัปดาห์นี้หากไม่มีปัจจัยลบแรงๆเกิดขึ้นมาอีก น่าจะดีดตัวขึ้นไปยืนเหนือ 1250 จุด คืออยู่ในกรอบ 1260-1270 จุด ส่วนกรอบล่างมองที่ 1220-1210 จุด
Analysts :
Kiatkomg Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,227.43 จุด ลดลง 16.75 จุด (-1.35%) มูลค่าการซื้อขาย 16,099.26 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับลง ตามตลาดหุ้นทั่วโลก นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจจีน หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนในปี 58 ขยายตัวเพียง 1.4% ต่ำกว่าเป้าที่รัฐบาลจีนตั้งไว้ที่ 3% และราคาน้ำมันที่ยังปรับลง รวมถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯออกมาแข็งแกร่งทำให้วิตกว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปลายเดือนนี้
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย ปัจจัยภายนอกยังกดดันตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง ทางเทคนิคการที่ SET หลุด แนวรับที่ 1227 จุด จะทำให้ ภาพรวม SET ดูไม่ดี โดยมีโอกาสที่จะลงลึกไปถึงแนวรับ 1203 จุด โดยจะมีแนวรับถัดไปที่ 1220 จุด โดยคาดว่าแรงขายของต่างชาติ และกองทุน จะยังคงกดดันตลาดต่อเนื่อง ตามการอ่อนค่าของค่าเงินบาท ซึ่งอ่อนตัวตามค่าเงินหยวน อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตามเรามองว่าแรงขายต่างชาติน่าจะเป็นลักษณะการขายเชิงกลยุทธ์ โดยทำการขายหุ้นออกแต่ long TFEX ดังนั้นหากค่าเงินบาทเริ่มมีเสถียรภาพ ก็น่าจะเห็นแรงซื้อกลับจากต่างชาติ ดังนั้น เรามองว่าการปรับตัวลงของ SET จะเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นสำหรับลงทุนระยะยาว โดยหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวลงแรงๆในวันนี้เช่น KBANK DTAC ADVANC INTUCH มีระดับราคาที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ สำหรับหุ้นขนาดเล็กเราชอบหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการลดลงของราคาน้ำมันและการอ่อนค่าของค่าเงินบาท โดยเราชอบ SMPC BA AAV EPG IRPC SVI
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
The Siam Commercial Bank (SCB TB; THB 114.00) - ซื้อ
SCI Electric (SCI TB; THB 6.50) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]