- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 January 2016 17:23
- Hits: 5622
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'มีสิทธิเด้ง...แต่ยังไม่ทิ้งผันผวน'
Stock Picks-Jan 2016 : Fundamental : ANAN, AOT, BTSGIF, CPN, GL และ Dark Horse เป็น CK
Fundamental Pick -Today: GL ดูรายละเอียดด้านใน
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, DTAC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : TDEX 55%, PTTEP 19%, TMB 16%, M 14%, BLA 13%, SPALI 10%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ
Support Resistance Stop Loss
SET 1220-1200 1240-1250 ค่าลบ
SET50 750-740 780-790,800 ค่าลบ
Technical Picks- Today : KBANK, AMATAV, ANAN, SPRC, AAV, TACC, VIH, BEAUTY
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยดิ่งแรง -2.8% ตามตลาดต่างประเทศ ซึ่งถูกกระทบจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว, เงินหยวนอ่อนค่าลงเร็ว , ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวต่อเพราะวิตกอุปทานสูง และปัญหาในคาบสมุทรเกาหลีก็ปะทุขึ้นหลังเกาหลีใต้ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาระเบิดไฮโดรเจน เมื่อวานนี้สถาบันในประเทศ พอร์ตบล. และต่างชาติขายสุทธิ ส่วนรายย่อยสวนซื้อสุทธิ 4.5 พันล้านบาท
ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงมีรีบาวด์ในเช้าวันนี้หลังจากร่วงแรง ซึ่งช่วยให้ Sentiment ตลาดภูมิภาคเอเชียดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังต้องระมัดระวังความผันผวนและความเสี่ยงขาลงที่ยังคงมีอยู่ โดยหากราคาน้ำมันดิบยังอ่อนตัวต่อ/ทรงตัวในระดับต่ำมาก จะทำให้ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทน้ำมันสูงขึ้น กระทบไปยังสถาบันการเงินและผู้ถือตราสารการเงินของบริษัทเหล่านี้ นอกจากนั้นการอ่อนค่าของเงินเอเชียตามค่าเงินหยวนของจีน ก็ทำให้ต้นทุนนำเข้าสินค้าและภาระหนี้รูปดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น สำหรับตลาดหุ้นไทย เห็นว่าผลประกอบการกลุ่มพลังงาน, ธนาคารพาณิชย์, สื่อสาร ที่ซบเซาต่อในปี 2016 จะยังกดดัน EPS ตลาดและทำให้ SET อยู่ใน Valuation โซนสูง (Forward P/E ปี 2016 ปัจจุบันอยู่ที่ 15.5 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 15.2 เท่า)
กลยุทธ์การลงทุน : เลือกลงทุนและทยอยซื้อเป็นรายบริษัท, การ Trading หวัง Gap กำไรน้อยลง, การซื้อหุ้นปันผลสูงควรพิจารณาสภาพคล่องของหุ้นด้วย หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น GL
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นลบแต่มีโอกาสเด้งจากภาวะ Oversold แนวต้านระยะสั้น 1240-1250 จุด แนวรับ 1220-1200 จุด ส่วนการ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น AMATAV, VIH และหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ ANAN, UNIQ, SEAFCO, COM7, TOP, EPG, TACC ส่วนหุ้นที่หลุด List คือ TOP, TRC ส่วนหุ้นที่หาจังหวะขายทำกำไร เป็น LIT, EPG, TACC, AAV, BA
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอีก ปิดตลาดดัชนี DJIA -392.41 จุด หรือ -2.32% ที่ 16,514.10 นักลงทุนกังวลกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความเป็นไปของตลาดหุ้นจีน ซึ่งได้เกิดเซอร์กิต เบรกเกอร์ 2 ครั้งใน 4 วันทำการแรกของปี 2016 และก.ล.ต.ประกาศยกเลิกการใช้เครื่องมือนี้ตั้งแต่ 8 ม.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งกฎเกณฑ์ที่เซอร์ไพรส์ตลาดเป็นระยะทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ค่าเงินหยวนอ่อนลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีเมื่อวานนี้ นอกจากนั้นยังได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงต่อเนื่องด้วย
- ตลาดหุ้นจีน : ระงับการใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ มีผลตั้งแต่วันนี้ (8 ม.ค.2016) ก.ล.ต.จีน (CSRC) ประกาศระงับการใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ โดยมีผลตั้งแต่วันศุกร์ที่ 8 ม.ค.2016 โดยนายเติ้ง เขอ โฆษก CSRC ระบุในแถลงการณ์ว่า ผลกระทบเชิงลบของมาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์มีมากกว่าผลในเชิงบวก ทางคณะกรรมการฯ จึงตัดสินใจที่จะระงับการใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์ เพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาด
- ค่าเงินหยวนอ่อนลงต่อเนื่อง...ฉุดค่าเงินเอเชียอ่อนตาม ล่าสุดค่าเงินหยวนอยู่ที่ 6.5829 หยวน/US$ อ่อนลง 1.53% จากระดับปิดของสิ้นปี 2015 ซึ่งผ่านการซื้อขายมาเพียง 5 วัน ทั้งนี้ประเมินว่าจีนมีแนวโน้มที่จะปล่อยให้เงินหยวนค่อยๆ อ่อนค่าลงอีก เพื่อกระตุ้นการส่งออกและการเติบโตของเศรษฐกิจ...ประเทศที่ส่งออกสินค้าใกล้เคียงกับจีนในเอเชีย เช่น เวียดนาม ก็ต้องปล่อยให้ค่าเงินอ่อนในทิศทางเดียวกับเงินหยวน เพื่อไม่ให้เสียเปรียบทางการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเวียดนามได้ลดค่าเงินด่องมาอย่างต่อเนื่อง
- การอ่อนค่าของเงินทำให้ต้นทุนนำเข้า และภาระหนี้สินรูป US$ สูงขึ้น ซึ่งเป็นลบกับประเทศผู้นำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมาก เช่น เวเนซูเอล่า (ซึ่งถูกกระทบทั้งสองด้าน คือ ส่งออกน้ำมันในราคาที่ต่ำลงมาก ขณะที่ค่าเงินอ่อนก็ทำให้ต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น)
- ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงต่อ โดยสัญญา WTI และ BRENT ส่งมอบก.พ.2016 ปิด -0.70 และ -0.48 US$ ที่ 33.27 และ 33.75 US$/bbl โดยการซื้อขายในตลาดน้ำมันค่อนข้างซบเซา เพราะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนส่งผลกระทบต่ออุปสงค์โภคภัณฑ์โลก รวมถึงน้ำมัน เนื่องจากจีนเป็นหนึ่งในผู้บริโภครายใหญ่ของโลก ขณะเดียวกันอุปทานน้ำมันก็อยู่ในระดับสูงมาก ความขัดแย้งในตะวันออกกลางกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้โอกาสความเป็นไปได้ในการลดปริมาณการผลิตเพื่อดันราคาน้ำมันหายไป
- ความเสี่ยงที่บริษัทน้ำมันจะผิดนัดชำระหนี้มีมากขึ้น ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทผู้ผลิตและสำรวจน้ำมันมีมากขึ้น ซึ่งจะกดดันต่อเนื่องไปยังกลุ่มสถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อ/ค้ำประกัน/ลงทุนในตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้อง และผู้ลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทที่มีความเสี่ยงดังกล่าว
+ ราคาทองคำพุ่งขึ้นต่อ สัญญาตลาด COMEX ปรับขึ้น 15.9 US$ ปิดที่ 1,107.80 US$/ออนซ์ โดยความผันผวนและอ่อนตัวของตลาดเงินและตลาดทุนโลกทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง เช่น ทองคำ มากขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
+ กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท ได้แก่ กลุ่มอิเลคทรอนิกส์, อาหารส่งออก, วัสดุก่อสร้างส่งออก ทั้งนี้ค่าเงินบาทในปี 2016 อยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และเป็นไปตามการอ่อนค่าของเงินหยวนจีน
# หุ้นเด่นในกลุ่มอิเลคทรอนิกส์ คือ KCE, HANA, SVI เนื่องจาก KCE และ HANA บริษัทมีปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิต ทำให้มี Economy of scale ส่วน SVI มีเครื่องจักรใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น (เปลี่ยนใหม่หลังเกิดน้ำท่วม) ทำให้มาร์จิ้นสูงขึ้น
# หุ้นเด่นในกลุ่มอาหารส่งออก คือ TU โดยบริษัทมีการลงทุนในหลายภูมิภาค ทำให้มีฐานลูกค้าใหญ่และกระจายความเสี่ยงได้ดี การเข้าซื้อกิจการทำให้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 1-5 ปีข้างหน้า การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่เป็นแบรนด์และลดสัดส่วน OEM ทำให้อัตรากำไรสูงขึ้น
# หุ้นเด่นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างส่งออก คือ VNG บริษัทได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลง ทั้งในส่วนของวัตถุดิบกาวและค่าขนส่งเศษไม้ ในปี 2016 มีการเติบโตของยอดขายและกำไรจากกำลังการผลิต Laminated Flooring ที่เพิ่มจาก 6 เป็น 10 ล้านตรม./ปี การเปลี่ยนสายการผลิต Particle เป็น MDF Board ซึ่งมีมาร์จิ้นสูงกว่า
+/ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.2015 ขยับขึ้นต่อเป็นเดือนที่ 3 โดยอยู่ที่ 76.1 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 7 เดือน ปัจจัยหนุน คือ นโยบายกระตุ้นของรัฐบาล ราคาน้ำมันในประเทศลดลง และธปท.ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2015 จาก 2.7% เป็น 2.8% เพราะการบริโภคในช่วงปลาย 4Q15 คึกคักขึ้น ส่วนปัจจัยที่ผู้บริโภคยังกังวล คือ การเติบโตของเศรษฐกิจปี 2016 ที่ยังไม่สูงนัก, การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน, การส่งออกที่ติดลบต่อเนื่อง, ราคาพืชผลการเกษตรอยู่ในระดับต่ำ, เงินบาทอ่อนค่า, สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศที่ตึงเครียดมากขึ้นและอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย & เศรษฐกิจโลกในอนาคต
- โครงการโซลาร์ฟาร์มหน่วยราชการและสหกรณ์ฯส่อล้ม หลังกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายให้อำนาจรองรับโครงการ ทั้งนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะดำเนินการได้เฉพาะในภารกิจที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในท้องถิ่นโดยตรงเท่านั้น ซึ่งโครงการดังกล่าวไม่ได้เป็นประโยชน์โดยตรงต่อประชาชนในท้องถิ่น ทั้งนี้ก่อนหน้าคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติกำหนดแนวทางการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโซลาร์ภาคพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเษตรในปริมาณรวม 800 MW ขนาดติดตั้งไม่เกิน 5 MW/แห่ง กำหนดอัตราการรับซื้อไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in-Tariff ที่ 5.66 บาท/หน่วย ระยะเวลาสนับสนุน 25 ปี...หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นระบุว่าบริษัทจดทะเบียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการนี้และอาจได้รับผลกระทบ ได้แก่ IFEC, EPCO, PSTC, GUNKUL, TSE, SOLAR, AKR
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]