WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Calm Down
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เปิดหลุดแนว 1,240 จุดลงมาด้วยแรงขาย PTT / PTTEP / SCC ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อีกทั้งตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลงแตะระดับ 7% จนต้องหยุดการซื้อขายไปทั้งวัน ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบเอเชียและยุโรปเป็นลบมากยิ่งขึ้น กดดันให้ SET INDEX ปิดลบทั้งสิ้น 35.21 จุด มาอยู่ที่ 1,224.83 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,953 ล้านบาท
แม้ว่าต่างชาติคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,500 ล้านบาท แต่คงการ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 4 มากถึง 10,242 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 เล็กน้อย 49 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ติดตามตลาดหุ้นจีน หลังทางการจีนทยอยประกาศมาตรการเพิ่มเติม เพื่อลดความกังวลจากแรงขายของผู้ถือหุ้นใหญ่ และค่าเงินหยวน
ทางการจีนยกเลิกมาตรการ Circuit Breaker สำหรับตลาดหุ้นจีน หลังพบว่ามาตรการดังกล่าวยิ่งกลายเป็นตัวเร่งการขายของนักลงทุน
ติดตามตัวเลขการจ้างงานเดือนธ.ค.ของสหรัฐฯ คืนนี้

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
ติดตามการประชุม BoE ซึ่ง Bloomberg consensus คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50%
ติดตามรายงาน Beige Book วันที่ 13 ม.ค.
ติดตามตัวเลขการส่งออก - นำเข้าของจีน

มุมมองต่อตลาด
     เราประเมินว่า SET INDEX จะทรงตัวดีขึ้น หลังจากวานนี้ "Panic Sell" ในกลุ่มน้ำมัน นำโดย PTT / PTTEP ส่งผลให้หุ้นหลักอื่นๆ ปรับฐานลงตามมา SET INDEX วันนี้จะกลับมาแกว่งในกรอบแคบมากขึ้น 1,215-1,230 จุด มูลค่าการซื้อขายยังคงหนาแน่น 4.0-4.5 หมื่นล้านบาท
สำหรับหุ้นกลุ่มน้ำมัน อย่าง PTTEP / PTT เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงออกไปก่อน เพราะหากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรงตัวในระดับต่ำเช่นนี้ มีโอกาสที่นักวิเคราะห์ในตลาดจะปรับประมาณการกำไรปีนี้ลง ตามมาราคาเหมาะสม แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลง 56.47% สำหรับ PTTEP ส่วน PTT ลดลง 35.49% นับตั้งแต่ต้นปี 2558 ก็ตาม อีกทั้งการปรับพอร์ตของสถาบันทั้งในและต่างประเทศกับหุ้นกลุ่มนี้จะยังคงดำเนินต่อไปอีก 2-3 วัน
ภาพรวมของกลุ่มพลังงานทั้งหมด เราประเมินว่ากลุ่มโรงกลั่นจะมีความเด่นและแข็งแกร่งสุดเมื่อเทียบกับกลุ่ม เพราะเมื่อราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง จะทำให้ค่าการกลั่นกว้างมากขึ้น เป็นบวกต่อความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มโรงกลั่น
     และการปรับพอร์ตของสถาบันทั้งในและต่างประเทศ เราเชื่อว่ากลุ่ม Domestic Play อย่างกลุ่มธนาคาร / รับเหมา / วัสดุก่อสร้าง / อสังหาฯ / หุ้นปันผล จะกลายเป็นเป้าหมายของการปรับเงินเข้าลงทุน หรือเกิด Sector Rotation อีกทั้งภาพรวมเศรษฐกิจไทยใน 4Q58 ส่งสัญญาณฟื้นตัวเด่น     ล่าสุดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวเป็นเดือนที่ 3
อย่างไรก็ตาม การติดตามปฎิกิริยาของตลาดหุ้นจีนในเช้าวันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ หลังกลต.จีนประกาศมาตรการสำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ถือเกิน 5% จะขายหุ้นได้ไม่เกิน 1% ภายใน 3 เดือนและต้องแจ้งต่อทางการล่วงหน้า 15 วัน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.เป็นต้นไป ด้านธนาคารกลางจีนกำลังหาแนวทางในการบริหาร/ จัดการค่าเงินหยวน หากทำให้ค่าเงินหยวนทรงตัวหรือมีเสถียรภาพมากขึ้น จะทำให้จิตวิทยาการลงทุนโดยรวมปรับตัวดีขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก

กลยุทธ์การลงทุน
     ดังนั้น เราแนะนำ "นักลงทุนหาจังหวะเข้าเก็งกำไรในหุ้นที่แนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q58 เติบโตเด่นลักษณะ yoy และ/หรือ qoq" เป็นหลักเกณฑ์ในการจัดสรร

Accumulative Buy: KBANK
Trading: AAV

Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. KBANK : ราคาปิด 144.00 บาท ราคาเหมาะสม 223.00 บาท
a) MBKET เชื่อว่าหุ้นกลุ่มธนาคารมี Downside Risk ที่จำกัดแล้ว และคาดว่าการปรับตัวลงแรงของราคาน้ำมันดิบ NYMEX และ BRENT ที่ทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 12 ปี จะส่งผลให้เกิด Sector Rotation จากเม็ดเงินที่ไหลออกจากลุ่มพลังงานไปพักยังกลุ่มหลักที่เหลือ เช่น กลุ่มธนาคาร
b) ทิศทางเศรษฐกิจไทยที่จะเข้าสู่การฟื้นตัวในปี 2559 โดยคาดว่า GDP จะเติบโตไม่ต่ำกว่าระดับ 3% เป็นปัจจัยผลักดันให้สินเชื่อของกลุ่มธนาคารมีทิศทางที่จะขยายตัวสูงกว่าปี 2558 ที่ผ่านมา
c) ตั้งแต่ต้นต้นปี 2558 ถึงวานนี้ SET BANK ปรับตัวลงแล้วถึง -32.4% เทียบกับ SET INDEX -18.2% เคลื่อนไหว Underperform ตลาดมาก จึงคาดว่าหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวลงแรงกว่าตลาดในปีที่ผ่านมา จะมีโอกาสกลับมา Outperform ตลาดได้ในปีนี้
d) Valuation เข้าข่ายถูกมากแล้ว ซื้อขาย PBV2559 เพียง 1.05 เท่า และ PER2559 เพียง 7.3 เท่าและ "เก็งกำไร"
2. AAV: ราคาปิด 5.50 บาท ราคาเหมาะสม 6.50 บาท
a) ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงต่อวานนี้ และทำระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 12 ปี ทั้งน้ำมันดิบ NYMEX และ BRENT คาดว่าจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มสายการบิน เนื่องจากต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นต้นทุนหลักในการดำเนินธุรกิจสายการบิน ซึ่งแทบทุกสายการบิน ณ ปัจจุบัน ไม่มีการซื้อสัญญาล่วงหน้าน้ำมัน เพื่อเปิดรับประโยชน์อย่างเต็มที่กับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ในช่วงขาลง
b) เราประเมินว่าผลการดำเนินงานของ AAV ใน 4Q58 เติบโต yoy และ qoq อย่างโดดเด่น จากผลของฤดูกาล และต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินที่ลดลง 51.8% QTD
c) การเปิดอาคาร 2 ของสนามบินดอนเมือง ย่อมเป็นบวกต่อธุรกิจโลว์คอร์สแอร์ไลน์ อย่าง AAV จะสามารถเพิ่มปริมาณการรองรับเที่ยวบิน และ จำนวนผู้โดยสารได้มากขึ้น ทำให้แนวโน้มผลประกอบการปี 2559 เติบโตเด่น นอกเหนือจากอานิสงค์ของต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นบวกต่อรายได้การให้บริการเส้นทางบินในประเทศ และส่งผลให้ Passenger Yild ปรับตัวขึ้น ดังนั้น คาดว่ากำไรปกติปี 2559 จะเติบโต +29.7% yoy เป็น 2,244.6 ล้านบาทในปี 2559
d) Valuation มีความน่าสนใจ ซื้อขายระดับ PER16 เพียง 11.9 เท่า เทียบกับ BA ที่ 20.8 เท่า ส่วน NOK / THAI แม้ว่าจะมี valuation ที่ถูกกว่า AAV แต่ในแง่ของภาพธุรกิจขาดทิศทางที่ชัดเจน ส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจยังเป็นสิ่งที่เรากังวล

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ต่างชาติยังคงขายสุทธิเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น US$654 ล้าน จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ US$42 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติยังคงเลือก Long สุทธิใน SET50 Index Futures อย่างหนาแน่น
      นักลงทุนต่างชาติยังคงเลือกที่จะขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 1,500 ล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิ 8,136 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 10,242 สัญญา รวม 4 วันทำการ Long สุทธิ 32,685 สัญญา ขณะที่ SET50 Index ยังคงแกว่งตัวต่ำกว่า 800 จุด และระดับปิดของ S50H16 ยังคงต่ำกว่า SET50 Index กว้างขึ้นเป็น 14.15 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 13.82 จุด อาจทำให้ตีความได้ว่า ต่างชาติทำ Arbitrage ด้วยการขายตลาด spot และ ซื้อตลาด Futures ที่มีราคาถูกกว่า ต่อเนื่องเป็นวันที่ 4
      และต่างชาติซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 3 เพียง 49 ล้านบาท รวม 3 วันทำการซื้อสุทธิ 3,216 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยเริ่มฟื้นตัว ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ 1.61bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.33bps ปิดที่ 2.638%


Short-Selling วานนี้
ขยับขึ้นเป็น 1,383 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,190 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR ยังคงขายสุทธิเป็นวันที่ 4 เน้นลดน้ำหนัก SCC และกลุ่มปิโตรเคมี
การซื้อขายผ่าน NVDR ขายสุทธิเร่งขึ้นเป็น 903 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิเพียง 69 ล้านบาท รวม 4 วันทำการขายสุทธิ 2,204 ล้านบาท โดยยังคงเน้นลดน้ำหนัก SCC เป็นหลัก สรุปภาพรวมได้ดังนี้
1. กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ถูกขายสุทธิสูงสุดเป็นวันที่ 2 อีก 447 ล้านบาท จากวันหน้าขายสุทธิ 505 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มปิโตรเคมี ขายสุทธิ 137 ล้านบาท กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขายสุทธิ 96 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มพลังงานกลับถูกซื้อสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 68 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าขายสุทธิ 168 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มอาหาร ซื้อสุทธิ 22 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.77 แสนตำแหน่ง สูงกว่า Bloomberg consensus คาดเล็กน้อยที่ 2.72 แสนตำแหน่ง แต่ดีกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.87 แสนตำแหน่ง

ยุโรป
ดัชนีความเชื่อมั่นในอียูทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554: ดัชนีฯ เดือนธ.ค. เท่ากับ 106.8 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 106.1 จุด และสูงกว่า Bloomberg consensus คาด 106.0 จุด
ธนาคารกลางเดนมาร์กขึ้นอัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยนโยบายขยับขึ้นเป็น -0.65% เป็นการขึ้นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี แต่โดยรวมธนาคารกลางส่งสัญญาณอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังติดลบไปจนถึงปี 2561

จีน
ค่าเงินหยวน Offshore ทำระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี: วานนี้ธนาคารกลางจีน ปรับลดค่าเงินหยวนที่เป็นค่ากลางลง 0.51% เป็น 6.5646 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นระดับอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2554 ส่งผลให้ค่าเงินหยวนที่ซื้อขายในฮ่องกงอ่อนค่าลง 0.38% ในช่วงเช้าวานนี้ เป็น 6.7383 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นระดับอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2553
ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงแตะระดับ 7% จนต้องหยุดการซื้อขายวานนี้: ดัชนี CSI 300 วานนี้เปิดปรับตัวลงแตะระดับ 5% จนต้องหยุดการซื้อขาย 15 นาที และเมื่อเปิดทำการอีกครั้ง ก็ปรับตัวลงแตะระดับ 7% จนต้องหยุดการซื้อขายในช่วงที่เหลือของวัน เนื่องจากความกังวลต่อการอ่อนค่าของเงินหยวน จะทำให้เกิดเงินทุนไหลออก บวกกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับฐานลงแรง
เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนทำระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี: ณ สิ้นสุดปี 2558 เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของจีน เท่ากับ US$3.33 ล้านล้าน ลดลงจากเดือนพ.ย.ที่ 3.44 ล้านล้าน และต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด US$3.42 ล้านล้าน เป็นผลจากค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าและการเติบโตเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงตลาดหุ้นที่ปรับฐานลง
ทางการจีนยกเลิกมาตรการ Circuit Breaker เป็นการชั่วคราว: หลังการประชุมนอกตารางเวลา เพื่อหาแนวทางพยุงตลาดหุ้นจีน เมื่อนักวิเคราะห์ต่างประเมินมาตรการนี้ของตลาดหุ้นจีน มีความเข้มงวดมากเกินไปเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ

เอเชียแปซิฟิก
ยอดส่งออกมาเลเซียขยายตัวต่ำกว่าคาด: เพิ่มขึ้น 6.3% yoy ในเดือน พ.ย. ชะลอตัวจากเดือนก่อนที่ขยายตัว 16.7% yoy เทียบกับ Bloomberg Consensus คาดเพิ่มขึ้น 12.0% yoy ทั้งนี้การส่งออกไปยังญี่ปุ่นลดลง 17.4% yoy ขณะที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯและจีนเพิ่มขึ้น 9.2% และ 14.2% yoy ตามลำดับ ด้านการนำเข้าเพิ่มขึ้น 9.1% yoy ทำให้ดุลการค้าเกินดุลอยู่ที่ 1.024 หมื่นล้านริงกิต

ไทย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคทำระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน: ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ธ.ค. 2558 อยู่ที่ 76.1 เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ย.ที่อยู่ 74.6 เป็นค่าดัชนีที่สูงสุดในรอบ 7 เดือน และเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เพราะผู้บริโภครู้สึกว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยและมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง ทำให้รู้สึกว่ามีเงินในกระเป๋ามากขึ้น โดยราคาน้ำมันที่ลดลงทุกๆ 1 บาทต่อลิตร จะช่วยชาติประหยัดได้ประมาณ 2.5-3 หมื่นล้านต่อปี หรือช่วยกระตุกเศรษฐกิจได้ 0.1-0.2%

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!