- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 January 2016 17:02
- Hits: 763
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET มีสิทธิแกว่งผันผวนและย้อนลบ แต่ถือไว้ลุ้นรอบดีดขึ้นได้
กลยุทธ์ : ถึงแม้ว่า SET ยังมีโอกาสแกว่งผันผวนและย้อนลบได้ หลังเช้านี้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศดูไม่ดีนัก แต่ FSS ยังคาดว่ากรอบลบน่าจะยังจำกัด และลุ้นพลิกกลับไปแกว่งบวกได้ในช่วงถัดไปตามคาดเดิม ดังนั้นเรายังแนะนำให้เน้นถือเพื่อรอหาจังหวะขายในรอบรีบาวด์ต่อไปได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BEAUTY, BIG, IVL(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET เริ่มมีจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นมาแกว่งด้านบวกได้บ้าง จากแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่ม ICT หลังช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวลงมาค่อนข้างลึกมากแล้ว อย่างไรก็ตามคาดว่าเป็นเพียงแรงซื้อระยะสั้นจากการเก็งกำไรเท่านั้น ดังนั้นยังต้องตามระวังแรงขายที่คาดว่าจะมีออกมากดดันได้อีกไว้ด้วย ขณะที่เช้านี้ภาพตลาดโดยรวมยังมีสิทธิที่จะปรับพักตัวย้อนลบอีกครั้ง เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ปรับตัวลงกันค่อนข้างแรงพอควร จากความวิตกเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังไหลลงทำจุดต่ำสุดใหม่อีกครั้ง โดยวานนี้(6 ม.ค.) ราคาน้ำมันปรับตัวลงถึงกว่า 5% มาเคลื่อนไหวแถว 34 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน แม้ว่าทางการจีนจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงินเพิ่มเติมก็ตาม นอกจากนี้ความตึงเครียดทางการเมืองในตะวันออกกลางและคาบสมุทรเกาหลีก็ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีโอกาสผันผวนและย้อนลบได้ อย่างไรก็ตามกรอบลบน่าจะยังจำกัดและลุ้นรีบาวด์ขึ้นใหม่ได้ในช่วงถัดไป
แนวรับ 1257-1255 , 1253-1247 จุด
แนวต้าน 1263-1270 , 1274-1280 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนในภูมิภาคไหลออกแต่เบาบางลงเหลือ US$42ล้าน โดยยังคงไหลออกไต้หวัน US$148.2ล้าน และไทย US$49.7ล้าน ขณะที่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$132.9ล้าน และอินโดนีเซีย US$27.8ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคตามความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และราคาน้ำมันที่ร่วงลงอีกหลังรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มเหนือคาด
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ราคาน้ำมันร่วงต่อ กดดัน Commodity อื่นๆ เหลือเพียง US$35/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 11 ปี จากหลายปัจจัย 1) ปริมาณน้ำมันสำรองของสหรัฐเพิ่มขึ้น บ่งชี้อุปสงค์น้ำมันที่ชะลอ 2) ซาอุฯลดราคาน้ำมันแย่งส่วนแบ่งตลาด และความขัดแย้งกับอิหร่านยังวิกฤต 3) เศรษฐกิจจีนชะลอ ทำให้นักลงทุนยิ่งกังวลกับภาวะ Oversupply ที่จะเลวร้ายลง ราคาหุ้นพลังงานทั่วโลกปรับลงโดยเฉพาะเชฟรอนลดลง 4% และยังกดดันราคา Commodity อื่นๆที่เชื่อมโยงกับน้ำมัน รวมถึงยางพารา (เป็นลบต่อ STA) ล่าสุดราคายางแผ่นในไทยอยู่ที่ 33 บาท/กก. -10% YTD ราคายางตลาด SICOM -6% YTD
(+) ค่าเงินหยวนที่อ่อนค่ากระทบกลุ่มโรงแรมและโรงพยาบาลจำกัด เงินหยวนที่อ่อนค่าอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ ทำให้การส่งออกของจีนดีขึ้น แต่การนำเข้าสินค้าและท่องเที่ยวนอกประเทศแพงขึ้น แต่เราเห็นว่ามีผลกระทบจำกัดต่อการท่องเที่ยวรวมถึงการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทย เพราะค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปี 2015 บาทอ่อนค่า 10% อ่อนค่ากว่าเงินหยวนที่อ่อนค่า 5.6% กลุ่มโรงพยาบาลและโรงแรมยังเป็นกลุ่มที่เราชอบ โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาลที่เราคาดกำไรปกติปีนี้โต 15% Y-Y สูงกว่าปี 2015 ที่โต 9% Y-Y แนะนำ VIBHA (ราคาเป้าหมาย 2.20 บาท) และ BDMS (ราคาเป้าหมาย 22.50 บาท) ส่วนกลุ่มโรงแรม เราคาดกำไรปกติปีนี้โต 15% Y-Y ชะลอกว่าปี 2015 ที่โต 25% Y-Y แต่เราชอบ M&A story ของ MINT (ราคาเป้าหมาย 36 บาท)
(+) BBL เราคาดกำไรสุทธิ 4Q15 ลดลงทั้ง Q-Q และ Y-Y เป็น 7.6 พันล้านบาท (-16% Q-Q, -13% Y-Y) เป็นไปในทิศทางเดียวกับกลุ่ม การตั้งสำรองที่สูงกว่าคาดทำให้เราปรับกำไรปี 2015 ลง 3% เป็น 3.41 หมื่นล้านบาท -6% Y-Y (ดีกว่าแบงก์ใหญ่ที่ลดลงเฉลี่ย 11% Y-Y) สิ่งที่ดีคือ NPL ที่เริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอ (เช่นเดียวกับ KBANK) สำหรับกำไรปี 2016 เรายังคงคาด 3.59 หมื่นล้านบาท +5% Y-Y สำหรับความเสี่ยงจากการเป็นแบงก์การันตีให้ทีวีพูล 1.6 พันล้านบาทและ JAS กว่า 6 หมื่นล้านบาทนั้น เราประเมินว่าความเสี่ยงจากทั้งสองใบอนุญาตจะกระทบ Book value ราว 32 บาท/หุ้น ทำให้ 2016 Prospective BV เหลือ 163 บาท ซึ่งยังสูงกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน จึงเชื่อว่าตลาดกังวลเกินไป เราคงคำแนะนำซื้อ และคงราคาเป้าหมาย 195 บาท
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวร่วงลงกว่า 1% โดยตลาดยังกังวลกับทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจโลก รวมถึงถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ยังร่วงลง
(-) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดลบแรงพอสมควรเช่นกันจากสถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาคต่างๆทั้งตะวันออกกลาง รวมถึงข่าวที่เกาหลีเหนือทดสอบระเบิดไฮโดรเจนได้สำเร็จ
(-) ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนลบเช่นกันจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใสจากราคาน้ำมันที่ร่วงรวมถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจจีน
(-) ค่าเงินบาทแกว่งตัวอ่อนค่าต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 36.20-36.40 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ลดลง 2.00 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 33.97 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2008 จากสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นแรง ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและซาอุฯทำให้ตลาดคาดว่าความร่วมมือในการลดปริมาณการส่งออกน้ำมันเป็นไปได้น้อย
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. พุ่งขึ้น 13.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1091.90 ดอลลาร์/ออนซ์ จาดตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลดลง รวมถึงแรงหนุนสถานการณ์ตึงเครียดในถูมิภาคต่างๆ ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
7-ม.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
- สหรัฐ: รายงานการประชุม FOMC ของวันที่ 15-16 ธ.ค.
8 ม.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
- สิงคโปร์: 4Q15 GDP
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน (ธ.ค.)
10-ม.ค. - จีน: ยอดสินเชื่อรายเดือน (ธ.ค.)
11-ม.ค. - ไทย: TISCO ประกาศผลประกอบการปี 2015
13 ม.ค. - จีน: ดุลการค้า (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: ECB ประชุม
14-ม.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
- สหรัฐ: รายงาน Beige Book
15-ม.ค. - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
19-22 ม.ค. -ไทย: กลุ่มธนาคารประกาศผลประกอบการปี 2015
19 ม.ค. - จีน: 4Q15 GDP, Industrial Production (ธ.ค.), ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
20 ม.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (ธ.ค.)
- สหรัฐ: Building permits, Housing starts (ธ.ค.), อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch