- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 06 January 2016 16:52
- Hits: 1784
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'มีลุ้นเด้งสั้น'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ADVANC (ปรับจาก Fully Valued เป็น ถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : สถานการณ์ความผันผวนผ่อนคลายลง หลังจากทางการจีนมีแผนทุ่มเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐพยุงตลาดเงินตลาดทุน รวมทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ใน 10 บริษัทประกาศงดขายหุ้นใน 6-12 เดือนข้างหน้าเพื่อลดความวิตกหลังมาตรการห้ามผู้ถือหุ้นใหญ่ขายหุ้น 6เดือนจะหมดอายุในปลายสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามนักลงทุน ยังระแวงกับมาตรการของรัฐบาลจีน รวมถึงวิตกกับเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวช้า และความผันผวนของ Fund flow ที่น่าจะเกิดขึ้นในปี 2016 หลังจากเฟดทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยสวนทางกับประเทศอื่นๆที่คงหรือลดดอกเบี้ยค่าเงินบาทอยู่ในทิศทางอ่อนค่า (ล่าสุดอยู่ที่ 36.15 จากระดับปิดสิ้นปี 2015 ที่ 36.01 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) และเป็นหนึ่งในปัจจัยกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นปี 2016 นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อ โดยเมื่อวานนี้ขายสุทธิอีก 3.6 พันล้านบาท กลยุทธ์การลงทุน เป็นการเลือกซื้อรายบริษัท โดยมองว่าบริษัทในกลุ่มขนส่ง & ท่องเที่ยว (หุ้นเด่น AOT, BEM, CENTEL, MINT) ไฟแนนซ์ที่เน้นเติบโตในภูมิภาค (หุ้นเด่น GL) ให้เช่าพื้นที่ &อาคารสำนักงาน (หุ้นเด่น CPN, CPNRF, CPTGF) และส่งออกที่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ยังเติบโตได้ดีในปี 2016 (หุ้นเด่น KCE) สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็น GL
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นลบ การซื้อใหม่เน้นซื้ออ่อนตัว แนวรับ 1250+/-, 1200 จุด แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1260-1270, 1280จุด ส่วนการ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น TOP, EPG, BH, TACC และหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ IRPC,LPH, LIT, ANAN, UNIQ, SEAFCO, COM7 ส่วนหุ้นที่หลุด List คือ BAFS ส่วนหุ้นที่หาจังหวะขายทำกำไร เป็น BCH
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+/• จีน : ธนาคารกลางอัดฉีดเงินเข้าระบบ 1.3 แสนล้านหยวน หรือราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดความผันผวนและความตระหนกในตลาดเงินและตลาดทุน รวมทั้งแสดงให้เห็นว่าทางการจีนยังคงมุ่งมั่นที่จะใช้นโยบายผ่อนคลายต่อไป ทั้งนี้ตลาดหุ้นจีนดิ่งลงแรงถึง 7% ในวันจันทร์ที่ 4 ม.ค.2016 และต้องใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ตั้งแต่วันแรกของการซื้อขายปีนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังไม่ค่อยเชื่อมั่นนโยบายของรัฐบาลจีนมากนัก เพราะที่ผ่านมามีประกาศมาตรการแบบเซอร์ไพรส์ตลาดหลายครั้งรวมทั้งปรับเปลี่ยนแผนค่อนข้างเร็ว
+ สหรัฐ : ISM เปิดเผยดัชนีกิจกรรมภาคธุรกิจนิวยอร์กเดือนธ.ค.ว่าเพิ่มเป็น 62.0 จาก 60.7 ในเดือนก่อนหน้า ดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว ดัชนีย่อยการจ้างงานบวกขึ้นต่อเป็นเดือนที่ 4 และดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจใน 6 เดือนข้างหน้าบวกแข็งแกร่งเป็น 70.7 จาก66.0 ในเดือนพ.ย.
• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเล็กน้อย โดยดัชนี DJIA ปิด +9.72 จุด ที่17,158.66 จุด หลังมีข่าวว่าธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบการเงินในประเทศ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังไม่ค่อยวางใจกับนโยบายของรัฐบาลจีนมากนัก ขณะเดียวกันในปลายสัปดาห์นี้ผู้ลงทุนรายใหญ่จะสามารถขายหุ้นออกมาได้แล้วหลังจากถูกล็อกไว้ 6 เดือนรวมทั้งยังมีความไม่แน่นอนในตะวันออกกลางด้วย
- ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวต่อ สัญญา WTI และ BRENT ปิด -0.79 และ -0.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 35.97 และ 36.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับ ทั้งนี้นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ความขัดแย้งในตะวันออกกลางทำลายความร่วมมือในการลดปริมาณการผลิตเพื่อดันราคาน้ำมันให้ปรับขึ้น และจะทำให้น้ำมันยิ่งล้นตลาดมากขึ้นในปี 2016 ซึ่งปัจจุบันกลุ่มโอเปกก็ผลิตเกินแผนอยู่ 1 ล้านบาร์เรล/วันอยู่แล้ว
+ ราคาทองคำขยับขึ้นต่อ โดยสัญญาตลาด COMEX +3.2 ดอลลาร์ปิดที่ 1,078.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยหนุนหลัก นอกจากนั้นความผันผวนในตลาดเงินหลังทางการจีนเซอร์ไพรส์ตลาดด้วยการประกาศลดค่าเงินหยวนก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งด้วย
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
• TRUE & JAS : ถ้าสองบริษัทนี้จ่ายค่าใบอนุญาตฯงวดแรก ซิม 2Gย่าน 900 MHz จะดับทันที ซึ่งเป็นลบกับ ADVANC & INTUCH...ทาง TRUE & JAS แจ้งกับกสทช.ว่าจะจ่ายค่าประมูลใบอนุญาต 4G ย่านความถี่ 900 MHz งวดแรกพร้อมกับหนังสือสรับรองทางการเงินภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ระบบ 2G คลื่นความถี่ 900 MHz เดิม (ซึ่งคือADVANC) จะซิมดับทันที ไม่สามารถใช้มาตรการเยียวยาได้อีก) ความเสี่ยง คือ ลูกค้า ADVANC อาจมีการย้ายค่ายเมื่อซิมดับ
• ADVANC & INTUCH : ค่าเช่าเสาและโครงข่าย TOT สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ (อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ประเมินไว้ 3 พันล้านบาท)นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มสื่อสาร DBSV จึงได้สะท้อนเรื่องนี้เข้าไปในประมาณการ ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2016F และ 2017F ลดลงจากเดิม 13%และ 12% เป็น 3.6 หมื่นล้านบาท (-3.5%) และ 4.1 หมื่นล้านบาท (+13%)ตามลำดับ ด้านเงินปันผล คาดการณ์สำหรับปี 2016F ไว้ที่ 12.3 บาท(Payout ratio 100%) ส่งผลให้ Dividend Yield สูงถึง 9% ปรับคำแนะนำเป็นถือ ประเมินราคาพื้นฐานใหม่ไว้ที่ 140 บาท สะท้อนค่าใช้จ่ายที่ต้องให้กับ TOT เพื่อเช่าเสาและโครงข่ายที่สูงกว่าคาดไปแล้วความเสี่ยง คือ การให้บริการลูกค้า 12 ล้านรายในย่านความถี่ 900 MHzซึ่งหมดสัมปทานไปแล้วตั้งแต่ก.ย.2015 และต้องปรับจาก 2G เป็น 3G/4Gภายใน 1Q16 ซึ่งบริษัทพยายามเสนอเคมเปญให้กับลูกค้ากลุ่มนี้เพื่อไม่ให้ย้ายค่าย ซึ่งในประมาณการได้สะท้อนค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปแล้วราว 7 พันล้านบาท
สำหรับ INTUCH มีมูลค่าหุ้นตาม Market NAV เท่ากับ 53 บาท (ใช้ราคาปิด ADVANC 131 บาทและ THCOM 26.75 บาท) และมูลค่าตาม TargetNAV เท่ากับ 57.50 บาท (ใช้ราคาเป้าหมายของ AVANC ที่ 140 บาท และTHCOM ที่ 35 บาท)
- กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : มีความเสี่ยงว่ากำไร 4Q15 อาจต่ำกว่าคาดเนื่องจากธนาคารบางแห่งจะมีการบันทึกการด้อยค่าของสินทรัพย์และเงินลงทุนต่างๆ รวมทั้งเป็นช่วงที่มีค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลอยู่แล้ว ทำให้สัดส่วน Cost-to-income ratio จะสูงขึ้น สำหรับแนวโน้มปี 2016 คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารจะเติบโตไม่มาก(7-8%) เพราะยังต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ, ตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงต่อ รวมทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมขยายตัวไม่มากในด้าน Valuation - หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่มี P/BV ปี 2016 ต่ำกว่า 1เท่าและให้ Dividend Yield สูง คือ BBL (0.8 เท่า และคาด DividendYield 4.5% แนะนำซื้อ), KTB (0.8 เท่า และคาด Dividend Yield 5.6%แนะนำถือ), TCAP (0.8 เท่า และคาด Dividend Yield 5.1% แนะนำซื้อ)+ CK (ราคาปิด 28.75 บาท) : พลิกจากรับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนในBMCL เป็นส่วนแบ่งผลกำไรใน BEM ทั้งนี้เดิม CK รับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนใน BMCL เข้ามาอย่างต่อเนื่อง (ในช่วง 9M15, CK รับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนเข้ามาก 151 ล้านบาท จากการถือหุ้น BMCL 35.47%) แต่เมื่อควบรวมกิจการกลายเป็น BEM และ CK ถือหุ้นในบริษัทใหม่ 27.47% จะพลิกเป็นรับรู้ส่วนแบ่งผลกำไรเข้ามาแทน โดยในปี 2016F คาดว่าจะเข้ามา 918ล้านบาท (43% ของคาดการณ์กำไร CK ที่ 2,130 ล้านบาท) และปี 2017Fคาดว่าจะเข้ามา 1,139 ล้านบาท (48% ของคาดการณ์กำไร CK ที่ 2,369ล้านบาท) นับว่ามีนัยสำคัญ แนะนำซื้อ โดย DBSV ให้ราคาพื้นฐานไว้เท่ากับ 33 บาท
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค –[email protected]