- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 04 January 2016 15:39
- Hits: 1056
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังมีสิทธิผันผวน แต่ก็ลุ้นขยับขึ้นต่อตามคาดได้...
กลยุทธ์ : แม้ว่าในวันแรกของปีใหม่นี้ SET ยังมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนและปรับพักตัวลง หลังจากช่วงท้ายปีที่ผ่านมาดัชนีมีจังหวะรีบาวด์ขึ้นมาพอควร แต่เราคาดว่ากรอบลบค่อนข้างจำกัดและยังลุ้นรีบาวด์ขึ้นต่อได้ โดยเฉพาะการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก น่าจะช่วยหนุนแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงานให้เป็นตัวขับเคลื่อน SET ได้ ดังนั้นเรายังแนะนำถือต่อเนื่อง เพื่อรอลุ้นขายในจังหวะบวกแรงดีกว่า แต่ยังไม่แนะนำให้ซื้อไล่ราคาช่วงบวก
หุ้นเด่นทางเทคนิค : THANI, BJCHI, AP(short)
แนวโน้ม : SET ช่วงปลายปีที่ผ่านมายังมีลักษณะแกว่งทรงตัวได้ดีขึ้นบ้าง หลังรีบาวด์ขึ้นมาพอควร ส่วนหนึ่งเนื่องจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่เบาบางลงไป เพราะติดวันหยุดยาวช่วงเทศกาล ดังนั้นในวันแรกของปีใหม่นี้อาจจะมีแรงขายค้างที่ออกมากดดันอีกครั้งได้ โดยตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็เปิดปรับตัวลงก่อนด้วยเช่นกัน ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็มีโอกาสแกว่งพักตัวย้อนลบอีกครั้งได้ อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากรอบลบของตลาดหุ้นบ้านเราน่าจะยังค่อนข้างจำกัด เพราะตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็ไม่ได้ปรับตัวลงรุนแรงนัก ในขณะที่ช่วงท้ายปีนักลงทุนต่างประเทศยังพอที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาให้เห็นได้บ้าง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังมีจังหวะฟื้นตัวขึ้นให้เห็นอยู่ ดังนั้นเราจึงยังแนะนำให้เน้นถือเพื่อรอขายสูงต่อไปได้ ในขณะที่ถ้า SET อ่อนตัวลงก็ยังสามารถเลือกหุ้นที่คาดว่าน่าจะมีประเด็นบวกทยอยเข้าซื้อสะสมต่อได้ แต่เราไม่แนะนำให้ซื้อในลักษณะไล่ราคาช่วงบวก เพราะคาดว่า SET ยังมีความเสี่ยงกับการแกว่งตัวผันผวนและพักตัวอยู่
แนวรับ 1286-1284 , 1280-1275 จุด
แนวต้าน 1294-1296 , 1300-1308 จุด
Fund Flow วันพุธที่ผ่านมาก่อนปิดปีใหม่กระแสเงินทุนไหลออกภูมิภาคถึง US$195 ล้าน เป็นการไหลออกจากทุประเทศเพื่อปิดความเสี่ยง มีเพียงเวียดนามที่เม็ดเงินไหลเข้า US$2.1 ล้าน สำหรับประเทศที่เม็ดเงินไหลออกหนักสุดคือไต้หวัน US$120 ล้าน รองลงมาเป็นเกาหลีใต้ US$45.7 ล้าน สำหรับไทย เม็ดเงินยังไหลออกต่อเนื่องอีก US$23.8 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนในช่วงต้นปียังน่าจะเบาบางเพื่อรอดูปัจจัยใหม่ๆ
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) เศรษฐกิจไทยเดือน พ.ย. ฟื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 การใช้จ่ายภาครัฐยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ (+17% Y-Y) ส่วนการใช้จ่ายของประชาชนดีขึ้นจากการเร่งซื้อรถก่อนปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดี
(0) ตลาดหุ้นเดือน ม.ค. ตลาดหุ้นปีนี้ยังมีความเสี่ยงด้านลบซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัจจัยจากต่างประเทศ แต่เชื่อว่าบรรยากาศจะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาที่ตลาดให้ผลตอบแทน -14% เราคาดกำไรของบจ.จะดีขึ้นและประเมิน SET Target ปี 2016 ที่ 1,500 จุด มี upside 16% จากสิ้นปีที่ผ่านมา แนะนำให้เลือกเป็นรายตัวแบบ Bottom up อย่างไรก็ตาม บรรยากาศจะยังไม่ดีขึ้นทันทีในเดือน ม.ค. ความเสี่ยงจากการขายของต่างชาติยังมีอยู่จากความกังวลว่า Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมสิ้นเดือนนี้ ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศค่อยๆ ฟื้นขึ้นอย่างช้าๆ ในส่วนของ January effect เชื่อว่ามีน้ำหนักน้อย สำหรับการลงทุนในเดือนนี้ เราแนะนำ ASEFA, BEM, BIG, CK, EPG
(0) มุมมองกลุ่มแบงก์ปี 2016 เราให้น้ำหนัก Neutral โดยคาดว่ากลุ่มแบงก์จะกลับมาน่าสนใจในครึ่งหลังของปี 2016 หลังเห็นความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐมากขึ้น รวมถึงขนาดของ NPL เราคาดกำไรทั้งปี 2016 โต 6.5% Y-Y แต่เนื่องจากมุมมองปัจจุบันตลาดยังรอปัจจัยบวกหลายประการ รวมถึงกำไร 4Q15 ที่ยังน่าผิดหวัง การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้จึงเป็นทยอยสะสม โดยเฉพาะราคาหุ้นตอนนี้ที่ซื้อขายที่ PBV 1.05 เท่า ต่ำกว่า -1.5SD ที่ 1.26 เท่าและค่าเฉลี่ยในอดีต (ปี 2010-ปัจจุบัน) ที่ 1.75 เท่า ถือว่าถูกมาก เราเลือก KBANK (ราคาเป้าหมาย 210 บาท) เป็น Top pick ในกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ และหุ้นขนาดกลางคือ TMB (ราคาเป้าหมาย 3.04 บาท) และ TCAP (ราคาเป้าหมาย 43 บาท)
(0) มุมมองกลุ่มมีเดียปี 2016 เราให้น้ำหนัก Neutral โดยคาดกำไรปกติปีนี้ฟื้นตัว 17% Y-Y ตามภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีแนวโน้มดีขึ้น จากกำไรปีก่อนที่คาดว่าจะลดลงถึง 26% Y-Y ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลจะเริ่มฟื้นตัวได้โดยเฉพาะรายที่มี Content แข็งแกร่งและมี Rating ดีอย่าง WORK และ RS ส่วน BEC การฟื้นตัวของกำไรยังเป็นไปอย่างช้าๆ เราเลือก RS (ราคาเป้าหมาย 13 บาท) เป็น Top pick จากการฟื้นตัวของกำไรที่โดดเด่น +381% Y-Y นอกจากนี้ เราชอบ MAJOR (ราคาเป้าหมาย 35 บาท) แต่แนะนำรอซื้อเมื่ออ่อนตัว
(+) TACC เราปรับกำไรปี 2015 ลงเล็กน้อยเป็น 70 ล้านบาท +35% Y-Y และปรับกำไรปี 2016 ขึ้น 18% เป็น 119 ล้านบาท +69% Y-Y จากการได้สิทธิเป็น Fixed Supplier โถกดเครื่องดื่มตัวที่ 3 ในร้าน 7-11 ทำให้บริษัทกลายเป็น Supplier หลัก 3 ใน 4 โถกดของร้าน 7-11 ทั่วประเทศ ล่าสุดได้เริ่มส่งสินค้าสำหรับโถกด 3 ไปแล้วกว่า 5,700 สาขา และคาดเพิ่มเป็น 7,000 สาขาในปี 2016 ซึ่งน่าจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นปีละ 300 ล้านบาท และปรับ PE ขึ้นเป็น 30 เท่าเท่ากับกลุ่มเครื่องดื่มที่เข้ามาเทรดในตลาดในปีแรก จะได้เป้าหมายใหม่ 6 บาท เพิ่มจากเดิมที่ 4.25 บาท แนะนำซื้อ (FSS เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ TACC)
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงในวันทำการสุดท้ายของปี โดยหากดูภาพรวมทั้งปีถือเป็นปีที่แย่ที่สุดของ S&P 500 และ Dow Jones นับตั้งแต่ปี 2008
(0) ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบในวันสุดท้ายของปีเช่นกันด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง
(-) ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบในวันทำการแรกของปี
(-) ค่าเงินบาทยังทรงตัวด้านอ่อนค่าอยู่ โดยแกว่งในกรอบ 36.06-36.18 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. พลิกกลับมาปิดเป็นบวก 0.44 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 37.04 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีการเปิดเผยตัวเลขจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน แต่ภาพรวมทั้งปี 2015 ยังปรับลงแรงติดต่อกันเป็นปีที่ 2 จากอุปทานที่ยังล้นตลาด
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มี.ค. ขยับขึ้น 0.40 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1060.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาแย่กว่าคาด แต่ปริมาณการซื้อขายเบาบาง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
4-ม.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
- จีน: Caixin China PMI Mfg (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ธ.ค.), อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
6 ม.ค. - จีน: Caixin China PMI Composite (ธ.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ธ.ค.), คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ธ.ค.)
7-ม.ค. - สหรัฐ: รายงานการประชุม FOMC ของวันที่ 15-16 ธ.ค.
8 ม.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
- สิงคโปร์: 4Q15 GDP
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน (ธ.ค.)
10-ม.ค. - จีน: ยอดสินเชื่อรายเดือน (ธ.ค.)
14-ม.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BOK) ประชุม
- สหรัฐ: รายงาน Beige Book
15-ม.ค. - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
19-ม.ค. - จีน: 4Q15 GDP, Industrial Production (ธ.ค.), ยอดค้าปลีก (ธ.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch