- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 29 December 2015 16:33
- Hits: 1088
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET พักตัวแค่กรอบจำกัด ก่อนลุ้นขึ้นต่อ จึงยังน่าถือรอ!!
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET ยังมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนและปรับพักตัวลงให้เห็นอยู่ แต่ก็ถือว่าทรงตัวในด้านบวกได้ค่อนข้างดี ทำให้ FSS ยังคาดว่ากรอบลบช่วงนี้จะค่อนข้างจำกัด และในที่สุด SET ยังมีโอกาสแกว่งบวกต่อขึ้นได้อีกตามคาด ดังนั้นเรายังแนะนำถือต่อเนื่อง เพื่อรอลุ้นขายในจังหวะบวกแรงดีกว่า แต่ไม่แนะนำให้ซื้อในลักษณะไล่ราคาช่วงบวก เพราะตลาดยังมีความเสี่ยงสูงที่จะมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนเป็นระยะ
หุ้นเด่นทางเทคนิค : LPH, SMPC, LHBANK(short)
แนวโน้ม : แม้ว่า SET จะยังแกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน แต่ก็เคลื่อนไหวในด้านบวกเป็นหลักได้ดี และปิดสิ้นวันเป็นบวกด้วย ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็ยังแกว่งตัวผันผวนโดยมีทั้งบวกและลบเช่นเดิม แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้จะปิดเป็นลบหลังติดช่วงวันหยุดตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก รวมทั้งรายงานผลกำไรในภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ชะลอตัวลง แต่ก็ไม่ได้ปรับตัวลงรุนแรงนัก จึงทำให้ FSS ยังคาดว่า SET มีลุ้นพักตัวเพียงกรอบจำกัด และมีสิทธิพลิกกลับไปขยับบวกต่อได้ตามคาดอยู่ หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มจะทรงตัวได้อีกครั้ง พร้อมทั้งเรายังคาดหวังกับแรงซื้อของกองทุน LTF/RMF ช่วงสุดท้ายของปีนี้ที่น่าจะยังมีจังหวะเลือกหุ้นเข้าซื้อต่อเนื่องได้ ดังนั้น FSS ยังแนะนำให้เน้นถือต่อเนื่องไว้ก่อนเช่นเดิม แต่ไม่ควรเข้าซื้อในลักษณะไล่ราคาช่วงบวก เพราะความเสี่ยงจากการแกว่งผันผวนยังมี ถ้าจะเลือกหุ้นเข้าซื้อเพิ่มเติมจึงควรรอเฉพาะช่วง SET พักตัวลง
แนวรับ 1284-1280 , 1278-1270 จุด
แนวต้าน 1287-1290 , 1294-1300 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$75 ล้าน ไหลเข้าทุกประเทศยกเว้นไทย นำโดยไต้หวัน US$38.6 ล้าน ตามด้วยอินโดนีเซีย US$31.5 ล้าน ขณะที่ขายไทย US$8.9 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกแต่น่าจะชะลอตัวลงเพราะใกล้หยุดเทศกาลปีใหม่
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(-) ภาวะ Oversupply ของน้ำมันอาจรุนแรงขึ้นในปีหน้า หลังอิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันเพิ่มเป็น 2 ล้านบาร์เรล/วันในอีก 6 เดือนข้างหน้า ขณะที่ OPEC คาด Demand ของน้ำมันในปี 2020 จะอยู่ที่ 30.7 ล้านบาร์เรล/วัน ต่ำกว่าปี 2016 ที่จะอยู่ที่ 30.9 ล้านบาร์เรล/วัน โดย OPEC คาดว่าการผลิต Shale oil ของประเทศนอกกลุ่ม OPEC จะเพิ่มขึ้นเป็น 5.19 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2010 จาก 4.5 ล้านบาร์เรลในปีก่อน
(-) ส่งออกเดือน พ.ย. ยังไม่ฟื้น -7.5% Y-Y มากกว่าตลาดคาดที่ -5% Y-Y ทำให้ส่งออก 11M15 -5.5% Y-Y เงินบาทที่อ่อนค่าไม่ช่วยเพราะคู่แข่งของเราอ่อนค่ากว่า เราคาดว่าทั้งปีนี้ส่งออกน่าจะจบที่ -6% Y-Y หดตัวติดต่อกันเป็นปีที่ 3 เป็นการลดลงทั้งปริมาณและราคา ด้านปริมาณที่ลดลงเกิดจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอ ช่วง 4 เดือนมานี้เห็นชัดว่าจีนและอาเซียนชะลอลงมาก ในด้านราคา หลักๆมาจากราคาน้ำมันดิบที่ทำจุดต่ำสุดต่อเนื่อง ทำให้สินค้าเกษตร (ข้าว น้ำตาล ยางพารา) เป็นตัวฉุดสำคัญของการส่งออกในเดือน พ.ย. ส่วนชิ้นส่วนยานยนต์ที่ทำท่าจะฟื้น แต่กลับมาหดตัวตามแรงซื้อจากตะวันออกกลางที่ชะลอ เราคาดว่าส่งออกปี 2016 ยังไม่ฟื้น โดยคาดทรงตัว Y-Y (ธปท.คาด +0% Y-Y)
(+) ตลาด CLMV เป็นพระเอก ในงวด 11M15 ตลาด CLMV โตโดดเด่น +8% Y-Y จากที่เคยมีสัดส่วน 9.9% ของยอดส่งออกทั้งหมดเมื่อต้นปีเป็น 12.1% ในเดือนพ.ย. หากไม่มี CLMV ยอดส่งออกของไทย 11M15 จะลดลง 6.8% Y-Y สินค้าส่งออกที่ขายดีในตลาด CLMV ได้แก่สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกษตรและเครื่องจักรทางการเกษตร วัสดุก่อสร้าง อะไหล่รถ เป็นต้น บจ.ที่มีสินค้าส่งออกและขายได้ดีในตลาดเหล่านี้ได้แก่ BEAUTY, BJC, CPF, DRT, GL, KAMART, PT, SAT, SCC, SINGER, TACC เป็นต้น
(+) หุ้นที่เป็นเป้าประคองดัชนีให้อยู่ระดับ 1300-1310 จุด น่าจะเป็น SCC, PTTGC, BAY, BBL เพราะราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้เคียงกับในช่วงสิ้น 3Q15 และเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่น่าจะประคองให้ SET Index ขยับขึ้นไปยืนระดับ 1300-1310 จุดได้
(+) BH แม้ราคาหุ้นจะต่ำกว่าเป้าหมายปีหน้าของเราที่ 220 บาท ไม่ถึง 10% คำแนะนำจึงเป็นถือ แต่ราคาหุ้นที่ laggard ที่สุดในกลุ่มในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา และน่าจะเป็นหนึ่งในหุ้นเป้าหมายในการทำดัชนีสิ้นปี บวกกับผลประกอบการที่อยู่ในทิศทางดีขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า จึงน่าจะเก็งกำไรระยะสั้นได้ ทั้งนี้ หุ้นที่เราชอบที่สุดในกลุ่มยังเป็น BDMS เพียงแต่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาจนเหลือ upside เพียง 2% จากเป้าปีหน้าที่ 22.50 บาท และราคาที่สูงขึ้นต่อเนื่องจนไม่น่าเป็นเป้าในการทำดัชนี คิดว่าในระยะสั้น BH ดูดีกว่า
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ด้วยการเคลื่อนไหวในด้านลบเป็นหลัก โดยช่วงแรกปรับตัวลงกว่า 100 จุดจากแรงกดดันของหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังร่วงลงต่อ แต่สุดท้ายยังมาปิดเป็นลบเพียง 23.9 จุดมาอยู่ที่ 17528.27 จุดได้
(-) ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดเป็นลบเช่นกัน โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังตัวเลขผลกำไรในภาคอุตสาหกรรมของจีนชะลอตัวลง
(0) ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเคลื่อนไหวไร้ทิศทาง
(-) ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงอีกเล็กน้อย แต่ยังมีลักษณะแกว่งทรงตัวเป็นหลัก ภายในกรอบ 36.0-36.15 บาท/ดอลลาร์
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. เมื่อวานนี้ยังปรับตัวลงอีก 1.29 ดอลลาร์/บาร์เรล มาปิดที่ 36.81 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่สูงเกินไปอยู่ ซึ่งล่าสุดอิหร่านเตรียมส่งออกน้ำมันเพิ่มขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้าด้วย
ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ร่วงลงต่ออีก 7.6 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1068.30 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงแรง และข่าวที่ว่าจีนนำเข้าทองคำจากฮ่องกงลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
29-ธ.ค. - สหรัฐ: ดัชนีราคาบ้าน S&P/Case-Shiller Index (ต.ค.)
30-ธ.ค. - ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการ
- ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.
- สหรัฐ: Pending home sales (พ.ย.)
31-ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการวันนี้: ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และไทย
1-ม.ค. - ไทย: ตลาดหุ้นปิดทำการ
- จีน: Manufacturing and Non-Manufacturing PMI (ธ.ค.)
4-ม.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
- จีน: Caixin China PMI Mfg (ธ.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ธ.ค.), อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
6 ม.ค. - จีน: Caixin China PMI Composite (ธ.ค.)
- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ธ.ค.), คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ธ.ค.)
7-ม.ค. - สหรัฐ: รายงานการประชุม FOMC ของวันที่ 15-16 ธ.ค.
8 ม.ค. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ธ.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch