- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 25 December 2015 17:05
- Hits: 16774
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
วันที่ 2 ของ Window dressing
วันนี้ คาดดัชนีฯขึ้น แนวรับ 1,275 จุด แนวต้าน 1,300 จุด ปัจจัยหนุน ความเชื่อมั่นการลงทุนภาครัฐฯและมาตรการกระตุ้นการบริโภค หนุนเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุด (วานนี้ STEC CK เซ็นงานรถไฟรางคู่แล้ว), โอเปกคาดราคาน้ำมันทรงตัวในระดับต่ำปีหน้า มองอีกหลาย 10 ปี กว่าน้ำมันจะกลับไปที่เดิม Morgan Stanley คาดปี 2016-17 เป็นปีทองของกลุ่มโรงกลั่น ย้อนกลับไปเหมือนปี 2004-07 (เพราะราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับต่ำ ในปี 2000-03 ส่งผลให้ค่าการกลั่นเป็นขาขึ้นไป 2-3 ปี หลังจากนั้น), บิ๊กมือถือสบโอกาสซื้อหุ้นถูก (ADVANC INTUCH JAS รายงานผู้บริหารซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 21-23 ธค.)
กลุ่มเด่นรอบนี้ ค้าปลีก ห้าง (HMPRO ROBINS COM7 CPN ฯลฯ), โรงกลั่น+หุ้นได้ประโยชน์ปิโตรเลียมขาลง (TOP IRPC EPG TPAC IVL), กลุ่มพลังงานทดแทน (โซลาร์ฟาร์ม- กกพ.เผยจับฉลากโซลาร์หน่วยงานฯ ปลายเดือน มค. ไม่ได้เลื่อนอย่างไร้กำหนดอย่างที่เป็นข่าว)
ระยะเดือน ธค. คาดว่าช่วง 1-2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนตลาดยังคงมีลุ้นยืนตามแนวรับ 1,250 จุด แล้วจะรีบาวด์ไปจนสิ้นปี ส่วนเดือน มค. ยังมีความเสี่ยงหลุด 1,200 จุด (แต่ยังต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่ารอบนี้จะรีบาวด์ไปได้ไกลแค่ไหน)
หุ้นแนะนำวันนี้ ADVANC คาดรีบาวด์หลังลงรับข่าวประมูล 4G และ Consensus ปรับกำไรลง: BLS คาดกำไรปี 2015-16 ที่ 3.8-3.5 หมื่นล้านบาท และคาดปันผลระหว่างกาลเหลือปีนี้อีก 6.4 บาท (DY4%) ส่วนปี 2016 คาดปันผล 11.3 บาท (DY7.8%), TU ดูรายงานวันนี้
BLS รายงานพื้นฐานวันนี้
(+) หุ้น Small Cap: เราแนะนำซื้อหุ้นที่มีปันผลดีปันผลสูง ในการลงทุนระยะ 3-4 เดือน ข้างหน้า จากคาดจะ Outperform ตลาดหุ้นที่ผันผวน แนะนำ PYLON และ SYNEX ซึ่งให้ผลตอบแทนเงินปันผลมากกว่า 5% และแนวโน้ม Earning momentum (กำไรหลัก) 4Q15 จะดีขึ้นจาก 3Q15 สำหรับการลงทุนระยะยาว จากแนวโน้มกำไรในปี 2016 ที่คาดว่าจะเติบโตดีกว่าตลาด เราแนะนำ FSMART IFEC บวกกับกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาการลงทุนภาครัฐหนุนกำไรเติบโตดี แนะนำ TRC UNIQ ILINK
(+) TU เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 2016 อีก 137 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น +2% จากการซื้อหุ้น 51% ใน Rugen-Fisch เยอรมนี และราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 22.5 บาท (+2.3%) เราคงคำแนะนำ ซื้อ ทั้งนี้กิจการ Rugen มียอดขายตกปีละ 5.6 พันล้านบาท คิดเป็น EV/EBITDA ที่ 6.5 เท่า ซึ่ง TU เองซื้อขาย ที่ EV/EBITDA ที่ 9.1 เท่า เรามองว่าเป็นการซื้อกิจการในราคาถูก และยังเป็นดีลที่ถูกว่าการซื้อกิจการครั้งก่อนที่ 8-9 เท่า EV/EBITDA
หุ้นมีข่าว
(+) IFEC ซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพิ่มอีก 1MW ที่หนองคาย (adder 8 บาท 10 ปี) เริ่มขายไฟ COD เมื่อ 23 ธค. ที่ผ่านมา ใช้เงินซื้อกิจการทั้งสิ้น 155 ล้านบาท
(+) BBL หนุนปล่อยกู้ แสนล้านบาท ให้ JAS จ่ายค่าใบอนุญาต 4G คลื่น 900MHz และ สนับสนุนการทำธุรกิจ (ที่มา แนวหน้า)
(+) JAS (คาดประกาศพันธมิตรต่างชาติธุรกิจมือถือ ภายใน 1Q16) ผู้บริหารยืนยันว่า JASMBB มีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าด้านการเงิน ด้านอุปกรณ์โครงข่าย โดยมีทั้งสถาบันการเงิน พันธมิตร และ คู่ค้า ให้การสนับสนุน หลังจากมีกระแสข่าวรุนแรงว่า JAS ไม่สามารถทำ 4G ได้สำเร็จ นายพิชญ์ กล่าวว่า ในด้านการเงิน JASMBB ได้รับการสนับสนุนทางการเงินทั้งโครงการจาก BBL รวมทั้ง JASMBB สามารถเข้าตลาดหุ้นได้ เพราะมีระเบียบกำหนดให้สาธารณูปโภคพื้นฐานที่เกี่ยวกับระบบโทรคมนาคมเข้าระดมทุนได้ทันที ขณะที่ด้านอุปกรณ์โครงข่ายได้รับการสนับสนุนจากบริษัท หัวเหว่ย ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์หลักของโครงข่าย ในลักษณะ Supplier Credit ที่ผ่อนชำระได้
(+) STEC เผยหลังจากได้งาน โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย สัญญาที่ 1 มูลค่า 9,825.81 ล้านบาทในวันนี้ (24 ธค.) จะทำให้งานในมือ (backlog) เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 50,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ในปีนี้งานใหม่พลาดเป้าไปประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยได้งานใหม่เข้ามาเพียง 20,000 ล้านบาทจากเป้าหมายที่วางไว้ 30,000 ล้านบาท เนื่องจากความล่าช้าของโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ
สำหรับปี 59 คาดว่าจะมีงานเข้ามาเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาท โครงการที่อยู่ในความสนใจคือ รถไฟทางคู่, มอเตอร์เวย์ของกรมทางหลวง, รถไฟฟ้าทั้งสายสีส้ม สายสีเหลือง สายสีชมพู, รถไฟฟ้าของการรถไฟ ,โรงไฟฟ้าของทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและเอกชน ทั้งนี้ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูที่เป็นรูปแบบให้เอกชนลงทุนเต็มรูปแบบ (PPP)ก็สนใจและคุยกับพันธมิตรอยู่แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนโครงการรถไฟไทย-จีน และไทย-ญี่ปุ่น คงต้องรอดูเงื่อนไขการประมูลก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่คาดว่าบริษัทน่าจะเข้าประมูลด้วยตัวเองได้ โดยไม่ต้องร่วมมือกับพันธมิตร
(CK) เผยว่า เมื่อวันที่ 24 ธค. บริษัทกับบริษัท ช.ทวีการก่อสร้าง จำกัด ในามกิจการร่วมค้าซีเคซีเอช ลงนามสัญญาโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 186 กม. มูลค่างาน 2.3 หมื่นล้านบาท จะทำให้งานในมือ(Backlog) ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนล้านบาทจากปัจจุบันที่มีงานในมือ 7.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ใน 4 ปี (ปี 59-62) ในปีหน้า บริษัทจะรักษาอัตรากำไรสุทธิ 3-4%จากในปีนี้ และ คาดว่าบริษัทจะได้งานใหม่อย่างน้อย 4-5 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทเตรียมความพร้อมเรื่องคนไว้แล้ว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า ปี 59 มีรายได้จากรับเหมาก่อสร้างเติบโตอย่างน้อย 10% แตะ 4 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำรายได้ 3.5 หมื่นล้านบาทที่เติบโต 10% จากปี 57 มีรายได้ 3.2 หมื่นล้านบาท และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 8%ใกล้เคียงปี 58
(+) กลุ่มค้าปลีก-เครื่องใช้ไฟฟ้า, สินค้าไอที, ตกแต่งบ้าน HMPRO ROBINS COM7 (SYNEX ที่เน้น Business to business อาจได้ประโยชน์น้อยกว่า COM7) โรงแรม (การบริการ, สปา) และ บัตรเครดิต (KTC AEONTS รูดบัตรซื้อของ) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) 22 ธค. มีมติเห็นชอบมาตรการมาตรการภาษีเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 58 ได้แก่ การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในระหว่างวันที่ 25-31 ธ.ค.58 จากผู้ประกอบกิจการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท โดยให้ผู้มีเงินได้ต้องมีหลักฐานการซื้อสินค้าหรือรับบริการเป็นใบกำกับภาษี เต็มรูปแบบตาม ม.86/4 แห่งประมวลภาษีรัษฎากร แต่ไม่รวมถึงการซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) โอเปกชี้ ราคาน้ำมันต้องใช้เวลาหลาย 10 ปี ถึงจะกลับขึ้นไปที่ $95 โดยคาดราคาน้ำมัน ปี 2563 ที่ $70
(+) สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า ล่าสุด อยู่ที่ 89.42 ลงจากเดือนก่อนที่ 100.12 จุด โดยกลุ่มนักลงทุนสถาบัน Bullish มากที่สุด +9.09% เป็น 126.32 จุด
(+) US รายงาน GDP 3Q15 +2% ดีกว่าคาดที่ +1.9% จาก 2.1% q-q ar.
(-) เงินเฟ้อสหรัฐฯ Core PCE +0.1% ตามคาด จาก 0% (การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อสหรัฐฯสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง)
(+) คลังเล็งหั่นภาษีบุคคลธรรมดาลง 5% และปรับเพดานจัดเก็บลงเหลือ 30% หวังกระตุ้นกำลังซื้อ-สร้างความเป็นธรรมภาษีปีหน้า / เรามองว่าเป็นข่าวดีต่อเศรษฐกิจมหภาคจากการบริโภคในประเทศที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากมาตรการลดหย่อนภาษีนี้ คาดจะมีเม็ดเงินทั้งหมดจากการที่รัฐสูญเสียรายได้ราว 6 หมื่นล้านบาท เข้ามาในภาคการบริโภค คิดเป็น 0.40% ของ GDP (เงินเดือนจะเพิ่มขึ้นจากหักภาษี ณ.ที่จ่ายลดลง แต่เรายังไม่สามารถประเมินตัวเลขการใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจริง) เราคาดว่าจะเป็น Upside ต่อคาดการณ์ GDP 2016 ของเราที่ 3% ส่วนกลุ่มบวก ได้แก่ ค้าปลีก ห้างฯ โรงแรม
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค