WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

FSS copyบล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน



SET ยังรีบาวด์ขึ้นได้ดี จึงแนะนำถือต่อได้...แต่ไม่ซื้อไล่ราคา!!

  กลยุทธ์ : แม้ว่าวันนี้ SET น่าจะมีมูลค่าซื้อขายเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มหยุดยาวช่วงเทศกาล และตลาดหุ้นต่างประเทศหลายแห่งก็ปิดทำการ ทำให้ไม่มีปัจจัยชี้นำ แต่ FSS คาดว่ายังสามารถลุ้นแรงซื้อจาก LTF/RMF ชุดสุดท้ายก่อนสิ้นปีที่มีสิทธิหนุน SET ให้ยังแกว่งบวกขึ้นต่อได้อีกตามคาด ดังนั้นเรายังแนะนำถือเพื่อรอลุ้นขายในจังหวะบวกแรงได้ต่อ แต่ไม่แนะนำให้ซื้อในลักษณะไล่ราคาช่วงบวก เพราะตลาดยังเสี่ยงต่อการผันผวนอยู่
  หุ้นเด่นทางเทคนิค : ASEFA, PLANB, THAI(short)
  แนวโน้ม : เมื่อวานนี้แม้ว่า SET จะยังแกว่งผันผวนในกรอบจำกัดตลอดทั้งวัน แต่ก็เป็นการขยับบวกต่อเนื่อง หลังจากแรงขายในหุ้นกลุ่ม ICT เริ่มบางตาลงบ้าง และมีแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้ามาช่วยหนุนแทน นอกจากนี้การฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ช่วยหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานในบ้านเราด้วย ส่วนเช้านี้แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดเป็นลบเล็กน้อย จากแรงกดดันในหุ้นกลุ่มพลังงานและค้าปลีก แต่ก็เป็นการแกว่งตัวลบแคบๆ เนื่องจากตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดทำการเพียงครึ่งวัน ก่อนที่จะปิดทำการในวันนี้(25 ธ.ค.) ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศหลายแห่งจะปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาสด้วยเช่นกัน จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยชี้นำ แต่ FSS ยังคาดว่า SET มีสิทธิที่จะแกว่งบวกต่อเนื่องอีกได้ จากแรงซื้อเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่จะเบาบางลงช่วงเทศกาล ขณะที่แรงซื้อจากกองทุน LTF/RMF ส่วนที่เหลือน่าจะยังช่วยพยุงตลาดได้ แต่มูลค่าการซื้อขายของ SET คาดว่าจะค่อนข้างบางตา
  แนวรับ 1282-1280 , 1276-1270 จุด
  แนวต้าน 1287-1290 , 1300-1310 จุด

Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$65 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$87.3 ล้าน และเกาหลีใต้ US$22.7 ล้าน ขณะที่ไหลออกไทยหนักที่สุด US$45.1 ล้าน ส่วนฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกและการซื้อขายน่าจะซบเซา หลายตลาดในภูมิภาคปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันคริสต์มาส

ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
  (0) หวัง Window dressing และ LTF/RMF ได้ไม่มากนัก เนื่องจาก SET Index เฉลี่ยในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของ 3Q15 อยู่ที่ 1,359 จุด ต่างจากระดับปัจจุบันมากเกินไป หุ้นกลุ่มใหญ่หลายกลุ่มมีราคาต่ำกว่าช่วง 3Q15 มากเกินไปจนเราคิดว่าแรงซื้อเพื่อทำ Window dressing ในไตรมาสนี้น่าจะคาดหวังไม่ได้ เช่นเดียวกับแรงซื้อของ LTF/RMF ก็น่าจะน้อยกว่าทุกปีเพราะแรงซื้อส่วนใหญ่อยู่ในเดือน ส.ค. แล้ว อย่างไรก็ตาม แรงขายของต่างชาติที่หายไป ประกอบกับการรีบาวนด์ของหุ้นกลุ่มพลังงานน่าจะช่วยประคองดัชนีให้ผ่าน 1300 จุดไปได้ก่อนสิ้นปี
  (0) บ่ายนี้ติดตามรายงานของธปท. ต่อมุมมองของเศรษฐกิจในระยะถัดไป และการทบทวนประมาณการ GDP ที่คาดไว้ โดยประมาณการล่าสุดธปท.คาด GDP +2.7% ปีนี้และ +3.7% ปีหน้า ขณะที่ก.คลังคาดว่า GDP ปีนี้น่าจะขยายตัวได้ถึง 3% สูงกว่าประมาณการเดิมที่ก.คลังคาดไว้ที่ 2.8%
  (+) กลุ่มค้าปลีก มาตรการลดหย่อนภาษี 1.5 หมื่นล้านบาทเป็นประโยชน์ต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก ซึ่งมีหุ้นหลายตัวที่ undervalued เช่น BIG, COM7, HMPRO, KAMART, ROBINS, MAKRO

(+) KTC ราคาหุ้นกลับมาอยู่ในจุดที่น่าสนใจ อย่างน้อยในการเก็งกำไรในระยะสั้น เพราะเป็นหนึ่งในผู้ได้ประโยชน์จากมาตรการของรัฐที่ให้การซื้อสินค้าและบริการในช่วง 25-31 ธ.ค. นี้นำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ด้วยฐานบัตรเครดิต 2 ล้านล้านใบมีโอกาสที่รายได้ค่าธรรมเนียมที่จะได้จากร้านค้าเมื่อลูกค้าชำระด้วยบัตรเครดิต เพิ่มสูงขึ้นมาก ราคาเป้าหมายปีหน้าของเราที่ 94 บาทอยู่บนคาดการณ์ว่ากำไรปีหน้าโตเพียง +1% Y-Y จากค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นถึง 25% Y-Y แต่อาจน้อยกว่านี้ก็ได้หากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น จึงแนะนำเก็งกำไร

(+) TCAP ราคาหุ้นขยับขึ้นมาตั้งแต่มีข่าวจาก Bloomberg ว่า Scotiabank ซึ่งถือหุ้น 48.99% ใน TBANK จะทบทวนการลงทุนซึ่งหมายถึงอาจขายหุ้นบางส่วนหรือทั้งหมด เราเห็นว่าถึงแม้ Scotiabank จะลดสัดส่วนหรือขาย TBANK ทั้งหมด ไม่กระทบ TCAP ที่ถือ TBANK ในส่วนที่เหลืออีก 51.01% เพราะตามสัญญาระหว่าง TCAP และ Scotiabank หากคนใดคนหนึ่งขาย อีกฝ่ายมีสิทธิซื้อก่อน จึงเป็นไปได้ที่ TCAP อาจซื้อ TBANK คืนมาบางส่วนหรือทั้งหมด ซึ่งจะดีต่อ TCAP ที่จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น และหาก Scotiabank ขาย ผลกระทบต่อ TBANK จะจำกัดมากเพราะที่ผ่านมาเอื้อประโยชน์กันไม่มากนัก แม้ราคา TCAP จะขึ้นมาแล้วแต่ยังต่ำกว่าพื้นฐานที่ 43 บาท และต่ำกว่า Book value สิ้น 3Q15 ถึง 17% และคิดเป็น PE 2016 เพียง 8 เท่า เรายังคงแนะนำซื้อ

  (-) ตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้เปิดทำการเพียงครึ่งวัน เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส โดยปิดเป็นลบ 50.44 จุด มาอยู่ที่ 17,552.17 จุด จากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและค้าปลีก
  (-) ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้เปิดทำการเพียงบางแห่ง ขณะที่บางแห่งก็เปิดทำการเพียงครึ่งวัน ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างซบเซา
  (+) ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็ปิดทำการกันหลายแห่งเช่นกัน แต่ตลาดที่เปิดก็ยังสามารถแกว่งตัวด้านบวกเล็กน้อยได้
  (-) ค่าเงินบาทแม้ว่าจะยังแกว่งทรงตัวไม่กว้างมากนัก แต่ก็เริ่มมีจังหวะอ่อนค่าลง โดยมาแกว่งตัวแถว 36.0-36.1 บาท/ดอลลาร์ หลังจากรอบที่ผ่านมาแข็งค่าไปที่ 35.98 บาท/ดอลลาร์
  ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 38.1 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.6 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าอุปทานน้ำมันในสหรัฐปรับลดลง
  ราคาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. ปิดที่ 1,075.9 ดอลลาร์/ออนซ์ กลับมาเพิ่มขึ้น 7.6 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

25-ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการเนื่องในวัน Christmas: อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สหรัฐ

- ไทย: ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม, อัตราใช้กำลังการผลิต (พ.ย.), ดุลการค้า (พ.ย.)

- ญี่ปุ่น: อัตราเงินเฟ้อและตัวเลขการก่อสร้างบ้านใหม่ (พ.ย.)
29-ธ.ค. - สหรัฐ: ดัชนีราคาบ้าน S&P/Case-Shiller Index (ต.ค.)
30-ธ.ค. - ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดทำการ

- ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน พ.ย.

- สหรัฐ: Pending home sales (พ.ย.)
31-ธ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการวันนี้: ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และไทย
1-ม.ค. - ไทย: ตลาดหุ้นปิดทำการ

- จีน: Manufacturing and Non-Manufacturing PMI (ธ.ค.)
4-ม.ค. - ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)

- จีน: Caixin China PMI Mfg (ธ.ค.)

- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ธ.ค.), อัตราเงินเฟ้อ (ธ.ค.)
6 ม.ค. - จีน: Caixin China PMI Composite (ธ.ค.)

- สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (ธ.ค.), คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (พ.ย.)

- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (ธ.ค.)

Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch


apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!