- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 23 December 2015 10:06
- Hits: 2210
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก"
Stock Picks-Dec 2015 : Fundamental : CPN, INTUCH, KBANK, MTLS, TCAP และ Dark Horse เป็น ANAN, TASCO
Fundamental Pick -Today: GL (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, DTAC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, QTC, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : GFPT 26%, GLOBAL 14%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ ซื้อใหม่ตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดี
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อค่าบวก 1270-1280 ค่าลบ
SET50 ซื้อค่าบวก 810-820 ค่าลบ
Technical Picks- Today : KTB, DCC, STEC, ANAN, CSS, COM7, NYT, MAJOR
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยร่วงแรง เพราะ Panic Sell & ขายปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มสื่อสารหลังจบประมูล 4G แล้วพบว่าค่าใบอนุญาตมีราคาสูงเกินคาดอย่างมาก ขณะเดียวกันก็มีผู้เล่นรายใหม่ คือ JAS เข้ามาชิงส่วนแบ่งการตลาด ส่วนหุ้นสื่อสารวางระบบบวกขึ้นดี ทั้ง JTS, CSS, AIT, MFEC เป็นต้น เนื่องจากคาดว่าผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายใหม่อย่าง JAS จะต้องเร่งลงทุนขยายโครงข่ายรองรับการแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ดี ขณะนี้ราคาหุ้น ADVANC, INTUCH และ DTAC ได้ร่วงลงมาต่ำกว่าราคาเป้าหมายใหม่ที่เราให้ไว้ที่ 173 บาท, 62 บาท-อิง Market NAV (70.50 บาท - อิง Target NAV) และ 31.50 บาท ตามลำดับ
สำหรับการปรับขึ้นของกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และสนามบินอย่าง AOT โดยหลักเป็นอานิสงค์จากการที่กองทุนทั้งในและต่างประเทศลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มสื่อสารเป็น Underweight จึงเข้าไปถือครองหุ้นในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง ดังนั้นควรระวังการแกว่งจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุนกลุ่มอื่นที่เคยถ่วงน้ำหนักการลงทุนมาก (Super Overweight) ในกลุ่มเหล่านี้เอาไว้ก่อนหน้า ส่วนกลุ่มอื่นๆ เป็นลักษณะของการเลือกซื้อลงทุนเป็นรายบริษัท โดยหุ้นหนึ่งที่คาดว่าจะมีการเติบโตของกำไรแข็งแกร่งในปี 2016-2017 คือ GL จึงให้เป็นหุ้นพื้นฐานแนะนำในวันนี้ โดยเน้นซื้อจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว
วิเคราะห์ทางเทคนิค: ภาพตลาดโดยรวมเปลี่ยนเป็นลบ การซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก ค่าลบดูไม่ดีควรลดพอร์ตตามถ้ามีเงินสดในพอร์ตเหลืออยู่น้อย แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1270-1280, 1290 จุด
ส่วนการ SCAN หุ้นเทคนิคดีมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น เราพบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น DCC, NYT, JTS, DIF และหุ้นที่ยังอยู่ใน List และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้นต่อ คือ MTLS, TNH, VIBHA, INET ส่วนหุ้นที่หลุด List คือ COL
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- สหรัฐ : เฟดสาขาชิคาโกเปิดเผยดัชนีกิจกรรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนพ.ย.ลดลงเป็น -0.30 จาก -0.17 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4
+ ญี่ปุ่น : เพิ่มงบประมาณปี 2016 สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนใช้จ่ายสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 73.11 ล้านล้านเยน หรือราว 6.02 แสนล้านดอลลาร์โดยเน้นหนักไปที่การช่วยเหลือด้านการเลี้ยงดูบุตรและสวัสดิการด้านอื่นๆ ยังผลให้งบประมาณบัญชีทั่วไปปีงบประมาณนี้ซึ่งจะเริ่ม 1 เม.ย.2016 จะสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 96.72 ล้านล้านเยน
/+ ตลาดหุ้นสหรัฐรีบาวด์หลังร่วงแรง โดยดัชนี DJIA ปิด +123.07 จุด หรือ +0.72% กลุ่มที่ปรับขึ้นนำตลาด คือ กลุ่มเทคโนโลยี เพราะนักลงทุนมองว่าแนวโน้มธุรกิจและกำไรยังไปได้ดี และหุ้นธนาคารปรับขึ้นราว 1-3% หุ้นกลุ่มสุขภาพเพิ่มขึ้นรับข่าวว่าชาวอเมริกันกว่า 6 ล้านคนลงทะเบียนเข้าโครงการโอบามาแคร์ (ตามกฎหมายประกันสุขภาพ) อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดยังไม่แน่นอนเพราะการร่วงลงต่อของราคาพลังงานยังกดดัน
- ราคาน้ำมันดิบยังอ่อนแอ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ส่งมอบม.ค.และก.พ.ปิด +0.01 ดอลลาร์และ -0.53 ดอลลาร์ ที่ 34.73 และ 36.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับ เนื่องจากปริมาณอุปทานในตลาดยังคงสูงมาก ขณะเดียวกันแท่นขุดเจาะที่ปิดไปของสหรัฐก็กลับมาเปิดใหม่อีก 17 แท่นในสัปดาห์ก่อนเป็น 541 แท่น นอกจากนั้นมีข่าวว่าประธานาธิบดี โอบามาได้ลงนามในกฎหมายเพื่อยกเลิกข้อห้ามส่งออกน้ำมันสหรัฐที่มีการบังคับใช้มานานถึง 40 ปี ซึ่งจะทำให้อุปทานในตลาดสูงขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ สหรัฐและกลุ่มประเทศโอเปกไม่ได้ลดการผลิตน้ำมันลงในช่วงที่ราคาน้ำมันตกต่ำ โดยกลุ่มโอเปกก็มีการผลิตเกินแผนอยู่ราว 1.0-1.5 ล้านบาร์เรล/วัน (จากแผนผลิต 30 ล้านบาร์เรล/วัน) และจะเพิ่มไปอีกมีการยกเลิกคว่ำบาตรอิหร่านอย่างเป็นทางการในเดือนมี.ค.2016 ขณะที่สหรัฐผลิตเพิ่มเป็น 9.176 ล้านบาร์เรล/วัน และมีสต็อกสูงกว่า 490 ล้านบาร์เรล ขณะเดียวกันก็เร่งส่งออกสู่ตลาดโลกเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด
+ ราคาทองคำปรับขึ้น โดยสัญญาตลาด COMEX ส่งมอบก.พ.เพิ่มขึ้น 15.6 ดอลลาร์ (+1.46%) ปิดที่ 1080.60 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนลง โดยดัชนี Dollar Cash Index ปรับลดลงเป็น 98.4-98.5 หลังจากขึ้นไป 99.3 ใน 3 วันทำการก่อน
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
BOI ตั้งเป้าหมายยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี 2016 ไว้สูงถึง 4.5 แสนล้านบาท โดยได้ปรับเพิ่มขึ้น 2 เท่า จากปี 2015 ที่คาดว่ายอดการยื่นขอส่งเสริมลงทุนจะอยู่ที่ 2.1 แสนล้านบาท และมั่นใจว่ายอดการลงทุนปีหน้าจะดีขึ้น หลังจาก BOI ได้เดินสายออกไปโรดโชว์เพื่อสร้างความชัดเจนนโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่ ทำให้นักลงทุนมีความเข้าใจมากขึ้น
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : หลังจากโครงการภาครัฐมีความคืบหน้าในการประมูลมากขึ้นในช่วง 4Q15 และต่อเนื่องไปใน 1H16 คาดว่าการลงทุนภาคเอกชนจะฟื้นตัวตามมาได้ตั้งแต่กลางปี 2016 เป็นต้นไป และการบริโภคมีโอกาสที่จะเริ่มกระเตื้องขึ้นในช่วง 3Q16 ซึ่งสอดคล้องกับภาระผ่อนชำระในโครงการรถยนต์คันแรกที่ทยอยหมดลง ทำให้การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคจะดีขึ้นได้
/- CPALL : IOD ผิดหวังบอร์ดตรวจสอบของบริษัทตัดสินไม่ลงโทษ-ตักเตือนผู้บริหารระดับสูง โดยให้นายก่อศักดิ์-นายพิทยา-นายปิยะวัฒน์ ปฎิบัติหน้าที่ต่อไป เนื่องจากมีคุณสมบัติในการทำงานและประสบการณ์โดดเด่นหาผู้ที่จะมาทดแทนได้ยาก เราเห็นว่าการตัดสินใจของ CPALL ครั้งนี้ถือว่าให้น้ำหนักกับการเดินหน้าของธุรกิจเป็นหลัก แต่ในด้านภาพลักษ์และราคาหุ้นก็อาจจะถูกกดดันต่อ โดยเฉพาะจากนักลงทุนสถาบัน ที่ได้ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นไปก่อนหน้านี้ก็อาจจะยังไม่กลับเข้ามาซื้อคืนโดยเร็ว แม้ว่าราคาหุ้นจะลงมาต่ำกว่าราคาเป้าหมายทางพื้นฐานและมี Upside ราว 30% แล้วก็ตาม
+ กลุ่มท่องเที่ยว : ไปได้ดีต่อในปี 2016 กระทรวงท่องเที่ยวคาดว่าปี 2015 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยสูงถึง 29.5 ล้านคน การเติบโตนำโดยนักท่องเที่ยวชาวจีนและเอเชีย ส่วนในปี 2016 ยังไปได้ดี โดยประเมินว่ามีโอกาสจะเพิ่มอีก 8.5% เป็น 32 ล้านคน ซึ่งจะสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 2.3 ล้านล้านบาท
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกกับกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว โดยมองว่าไทยมีศักยภาพในด้านนี้อย่างมาก หุ้นที่โดดเด่นในกลุ่มนี้เป็น AOT, CENTEL, MINT อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น AOT, CENTEL, MINT ปรับขึ้นมากใกล้ราคาเป้าหมายทางพื้นฐานของเราที่ 366 บาท, 46 บาท และ 37 บาท ตามลำดับ จึงไม่แนะนำให้ซื้อไล่ราคา
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]
Update อุตสาหกรรม & หุ้นในเชิงกลยุทธ์
GL (ราคาปิด 15.50 บาท) : กำไร 4Q15 จะเป็น Record High
คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิ 4Q15 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในกัมพูชายังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง และให้ Yield สูงเพราะมี NPL Ratio ต่ำเพียง 0.4% ปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อในกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาท ส่วนธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อในไทยมีการดำเนินงานด้วยความระมัดระวัง โดยมีขนาดพอร์ตประมาณ 5 พันล้านบาท ระดับ NPL Ratio ลดลงเป็น 6.5% ในสิ้นก.ย.2015 เพราะปรับกลยุทธ์มาเน้นบริหารความเสี่ยงมากกว่าการเติบโต ธุรกิจเช่าซื้อในลาวก็ไปได้ดี และคาดว่าจะขยายตัวได้ดีในปี 2016
กำไร 9M15 แกร่ง บริษัทมีรายได้รวม 1.8 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 390 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 21.5% นับว่าแข็งแกร่งมาก เราคาดว่าทั้งปี 2015 EPS Growth จะก้าวกระโดดมาก และขยายตัวต่ออีกกว่า 60% ในปี 2016
บริษัทมีเงินสดในมืออยู่ราว 1.1 พันล้านบาท เพื่อเตรียมไว้ลงทุนในอินโดนีเซีย ซึ่งแผนการลงทุนล่าช้ากว่าที่ตั้งไว้ประมาณ 6 เดือน จึงนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนระยะสั้นชั่วคราวก่อน ซึ่งก็ได้ผลตอบแทนเข้ามาใน 3Q15 และหนุนผลประกอบการให้แข็งแกร่งกว่าที่เราเคยคาดไว้ เราคาดว่าผลตอบแทนส่วนนี้จะยังมีต่อใน 4Q15 แต่ในปี 2016 จะไม่มีหรือน้อยมากเพราะเงินลงทุนจะถูกนำไปใช้ในธุรกิจใหม่ที่อินโดนีเซีย
ธุรกิจร่วมทุนใหม่ในอินโดนีเซียจะเริ่มดำเนินการได้ในต้นปี 2016 โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถทำกำไรได้ทันที และจะเป็นหนึ่งใน Key Growth ของปี 2016-2017
แนะนำซื้อลงทุน ทั้งนี้แม้ว่า Forward P/E ปี 2016 จะสูงที่ 25 เท่า แต่คิดเป็น PEG เพียง 0.4 เท่า เนื่องจากกำไรสุทธิที่ขยายตัวสูงมาก ทาง DBSV Retail Research ให้ GL เป็นหนึ่งในหุ้น Top Pick ในกลุ่มที่เป็น High Growth ของเรา สำหรับราคาเป้าหมายทางปัจจัยพื้นฐาน ทาง DBS Group Research ประเมินไว้ที่ 28 บาท อิงกับวิธี Gordon Growth Model
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค
[email protected]