WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ : DJIA +156.41, NASDAQ +43.13, S&P +21.47, FTSE +143.73, CAC +141.33 และ DAX +311.04 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำดิบที่ฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างรอผลประชุมของเฟด (เช้า พฤ. ตามเวลาไทย) ภายใต้คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rates) ในการประชุมครั้งนี้ จากระดับปัจจุบันที่ 0.25% โดยจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบเกือบทศวรรษ
  .....ขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุด (1) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) – พ.ย. ทรงตัวเมื่อเทียบรายเดือน โดยถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ลดลง (2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน – ธ.ค. อยู่ที่ระดับ 61 โดยยังอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี และ (3) ดัชนี  ภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) – ธ.ค. อยู่ที่ -4.6 ดีขึ้นจาก -10.7 และ -11.4 เมื่อ พ.ย. และ ต.ค. ตามลำดับ
  .....ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป มีมุมมองที่เป็นบวกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
  .....ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ม.ค. +US$1.04 อยู่ที่ US$37.35 ต่อบาร์เรล ภายใต้คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะลดลงอีก 0.5 ล้านบาร์เรล หลังสัปดาห์ก่อนหน้า EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 485.9 ล้านบาร์เรล ขณะที่ Moody’s ปรับลดคาดการณ์ราคาเฉลี่ยในปี’59 (1) น้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 43 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่ 53 ดอลลาร์/บาร์เรล และ (2) น้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่ 48 ดอลลาร์/บาร์เรล
  ....ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ก.พ. -US$1.8 อยู่ที่ US$1,061.6 ต่อออนซ์ โดยได้รับปัจจัยกดดันจากเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่า ภายใต้การคาดการณ์เฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค.นี้ (ผลการประชุม เช้า พฤ. ตามเวลาไทย)
  (-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -3,238 ล้านบาท สะสมตั้งแต่ต้นปีสุทธิ -133,041 ล้านบาท (ปี’57 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท)

ทิศทางตลาด :
  ทิศทางตลาด : ตามตลาดต่างประเทศ? คาดอยู่ระหว่างรอผลประชุมเฟด (เช้า พฤ. ตามเวลาไทย) ซึ่งส่วนใหญ่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบการประชุมครั้งนี้ หลังก่อนหน้านี้ประธานเฟดออกมาส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจน และมั่นใจว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และการจ้างงานแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ รวมถึงเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายในระยะกลางที่ 2.0% อย่างไรก็ตามคาดเป็นประเด็นที่ตลาดรับรู้มาโดยตลอดและกดดันมาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง คาดหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่คาดการณ์แล้ว การปรับลดลงของตลาดส่วนใหญ่อาจเป็นไปอย่างจำกัด ขณะที่คาดยังมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีนที่คาดอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังประเทศคู่ค้าต่างๆ
  .....ส่วนทางด้านปัจจัยในประเทศ คาด (+) กลุ่มพลังงาน ที่คาดได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่ (-) Fund Flow หลังมีแรงขายสุทธิต่างชาติต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และทำให้ YTD ยอดขายสุทธิสะสม อยู่ในระดับที่สูงกว่า 133,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเริ่มเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในช่วงปลายปี คาดมูลค่าซื้อขายอาจเบาบางลง โดยเฉพาะจากต่างชาติ และยังแนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ ที่คาดภาพรวมยังมีทิศทางอ่อนค่า ตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด คาดมีผลต่อทิศทางของ Fund Flow โดยเฉพาะจากตลาด Emerging Markets อย่างไรก็ตามคาดคาดได้รับการชดเชยบ้างจากเม็ดเงิน LTF / RMF
  .....ขณะที่ในวันนี้มีประชุม กนง. ซึ่งคาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% แต่แนะติดตามการส่งสัญญาณของ ธปท. ต่อทิศทางเศรษฐกิจของไทย? ซึ่งก่อนหน้านี้ ธปท. ระบุมีโอกาสปรับลดคาดการณ์ตัวเลข GDP ในปี’58 และ 59 ลง
  ...ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 (2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลง และเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season และ (3) กลุ่มสื่อสาร ได้แก่ ADVANC, DTAC, TRUE และ JAS จากประเด็นการประมูลใบอนุญาตคลื่น 900MHz (2 ใบ) ซึ่งยังอยู่ระหว่างประมูล ล่าสุดเป็นการประมูลรอบที่ 54 ยอดรวม 63,724 ล้านบาท (ใบละ 31,862 ล้านบาท) และผู้ประมูลยังอยู่ครบ 4 ราย
  ....รวมถึง (1) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, PTTGC, TOP และ BCP จะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วง 3Q/58 แต่เรามองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวสำหรับการลงทุนในระยะยาวกลาง – ยาว (2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ เช่น CK, ITD, STEC และ UNIQ (3) ค่าเงินบาท เช้านี้เคลื่อนไหวบริเวณ 35.97 – 35.99 อ่อนค่าเล็กน้อยจากวันก่อนหน้า อย่างไรก็ตามคาดยังมีโอกาสอ่อนค่า ส่วนหนึ่งตามสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (4) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TASCO เป็นต้น (5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) สายการบิน (เช่น AAV) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.04 อยู่ที่ 2.27% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) และดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.78 อยู่ที่ 20.95
หุ้นแนะนำ : CK

ประเด็นที่ต้องติดตาม (16 - 18 ธ.ค.’58)
16/12/58 : ประชุม กนง. (อัตราดอกเบี้ยนโยบายล่าสุด อยู่ที่ 1.50%)
  สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง - พ.ย. (2) การผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลัง
การผลิต - พ.ย. (3) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้น - ธ.ค. (4) สต็อกน้ำมัน(5) เฟด ประกาศมติการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน
  17/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (2) ดุลบัญชีเดินสะพัด – 3Q/58 (3) ดัชนีกิจกรรมการผลิตเขตมิด-แอตแลนติก - ธ.ค. (4) ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ - พ.ย.
  18/12/58 : สหรัฐฯ เปิดเผย (1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้น - ธ.ค.

นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!