- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 16 December 2015 16:10
- Hits: 878
บล.เอเชีย เวลท์ : TECHNICAL EXPRESS
ตลาดดูเหมือนรับรู้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ในทิศทางเดียวกับหุ้นทั่วโลก โดยที่ปัจจัยบวกภายในประเทศ และอารมณ์ตลาดนอกประเทศหนุนตลาด ในประเทศกองทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ ครม.เพิ่งอนุมัติเมื่อวาน มาตรการลดภาษีผู้มีรายได้น้อยเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจและตลาด การที่นักลงทุนโลกมองว่าตลาดรับรู้เรื่องการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว ยิ่งหนุนหุ้นขึ้น
หุ้นเด่นวันนี้ : TPCH (ราคาปิด 17.70 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย AWS ปี 59 25.68 บาท)
จากงานประชุมนักวิเคราะห์ของบริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. บริษัทยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์และแผนการลงทุนที่วางไว้ เพื่อที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล การดำเนินงานและการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลในมือ ขนาดรวมทั้งสิ้น 95 เมกะวัตต์ โดยรวมแล้วยังเป็นไปตามแผนด้วยดี ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแรง ประกอบกับเงินสดในมือและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เพียงพอจึงเชื่อว่า TPCH จะสามารถบรรลุเป้าหมายการลงทุนที่โครงการในมือทั้งหมดจะแล้วเสร็จและจำหน่ายไฟฟ้าภายในปี 2562 ได้ และจะผลักดันให้กำไรสุทธิต่อหุ้นของ TPCH เติบโตแรงถึง 117% เฉลี่ยต่อปีในช่วงปี 2558-61 อิงจากประมาณการของเรา
นอกจากนี้ TPCH ยังเปิดเผยถึงดีลการลงทุนเพิ่มเติมที่กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในประเทศกัมพูชาขนาด 90 เมกะวัตต์ เราค่อนข้างมีมุมมองเชิงบวกต่อประเด็นดังกล่าวแต่ในเบื้องต้นเราจะยังไม่รวมเข้าไปในประมาณการของเราจนกว่าจะมีความชัดเจนในแง่ต่างๆ ทั้งแหล่งเงินทุน สัญญาซื้อขายไฟฟ้า รวมถึงข้อกำหนดที่จำเป็นอื่นๆ ราคาหุ้นปัจจุบันยังน่าสนใจถึงแม้ดูผิวเผินเหมือนจะแพงเมื่อพิจารณาในแง่ของ PER ปี 58 ที่สูงถึง 203 เท่า อย่างไรก็ตาม PER จะทยอยลดลงอย่างมีนัยฯ เหลือเพียง 13.4 เท่าในปี 2560 และเพียง 8.7 เท่าในปี 2561 ซึ่งเป็นปีแรกที่โรงไฟฟ้าทุกโครงการเดินเครื่องพร้อมกันเป็นครั้งแรก ขณะที่หลังจากนี้ไปยังมีโอกาสการเติบโตในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลให้ TPCH ได้แสวงหาอีกมาก ในส่วนของ Price Pattern ของ TPCH ที่สามารถปรับตัวขึ้นมาปิดตลาดที่ 17.70 บาท ทำให้ Price Pattern ของ TPCH ได้กลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ ขณะที่ Price Pattern ของ TPCH ในรายสัปดาห์ยังคงเกิด Weekly Buy Signal จึงทำให้ Price Pattern ของ TPCH กลับมามีความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและในระยะกลาง (แต่ Price Pattern ของ TPCH ในรายเดือนยังคงเป็น Monthly Sell Signal อยู่) ทั้งนี้คาดว่า TPCH มีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบเป้าหมายแรกที่ 18.20 บาท และเป้าหมายเบื้องต้นที่ 19.70 บาท ตามลำดับ โดยมีจุด Stop Loss อยู่ที่ 17.20 บาท
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ไฟเขียวฟิวเจอร์ฟันด์ ครม.วานนี้เห็นชอบการเปิดตัวกองทุนโครงสร้างพื้นฐานระดับประเทศอันแรก โดยทุนส่วนหนึ่งจะจัดสรรมาจากกองทุนวายุภักษ์ กระทรวงจะเสนอผลตอบแทนขั้นต่ำสำหรับการลงทุนอีกครั้งหนึ่ง (The Nation)
ราคาประมูล 4 จี 900 เมกะเฮิร์ตซ์แตะ 31,862 ลบ. สำหรับทั้งสองใบอนุญาตในการเคาะประมูลครั้งที่ 54 ช่วงที่ 2 ราคาต่อเมกะเฮิร์ตซ์อยู่ที่ 3.19 พัน ลบ. ซึ่งทะลุของ 1800 เมกะเฮิร์ตซ์ไปแล้ว ช่วงที่สามจะเริ่มตอน 9 โมงเช้าวันนี้ (กสทช.) ความเห็น: เป็นเพราะคลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์ครอบคลุมมากกว่าคลื่น 1800 เมกะเฮิร์ตซ์และการจ่ายชำระงวดแรกต่ำกว่า ทำให้ราคาประมูลพุ่งสูงกว่าการประมูลคลื่น 1800 เมกะเฮิร์ตซ์ เราคาดว่าราคาสุดท้ายน่าจะอยู่ที่ราว 3.5-3.6 หมื่น ลบ. น่าจะเป็นแรงกดดันอยู่บ้างสำหรับหุ้นสื่อสาร อย่างไรก็ดี ADVANC (215 บาท ราคาเป้าหมาย 266 บาท) ยังน่าจะมีโอกาสเติบโตที่ดีอยู่
ขั้นภาษีสำหรับผู้มีรายได้ต่ำ กรมสรรพากรได้เสนอสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ รมว. การคลัง พิจารณาเพื่อบรรเทาปัญหาภาระทางภาษีของผู้มีรายได้ต่ำและช่วยเพิ่มอำนาจซื้อและบางมาตราการจากหลายข้อที่นำเสนอจะสามารถนำมาบังคับใช้ได้ทันทีเพื่อ รมว. การคลังและคณะรัฐมนตรีอนุมัติ รัฐบาลยังต้องการให้มาตราการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการมอบของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน (Bangkok Post)
ผู้จัดงานแสดงมีความหวังในปี 2559 สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) รายงานว่าอุตสาหกรรมได้ตั้งเป้าการเติบโตอยู่ที่ 20% ในรูปของผู้เข้าชมงานและรายได้ แม้ว่า การชลอตัวจากเหตุการณ์ระเบิดที่เอราวัณ และทางการคาดจำนวนของตัวแทนและรายได้จะถึง 1.6 แสนคนและ 15 พันลบ. ตามลำดับ ในปีหน้า TCEB เชื่อว่ากลยุทธ์ที่ตั้งของประเทศไทยและผลิตภาพที่แข็งแกร่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมเติบโตได้ 5-10% ในปีหน้า (Bangkok Post)
AMATAV : เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันนี้เป็นวันแรกและมีราคา IPO อยู่ที่ 7.50 บาท/หุ้น บมจ. อมตะวีเอ็น ประกอบธุรกิจการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding) โดยมีธุรกิจหลักคือ การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในประเทศเวียดนาม ในช่วงเก้าเดือนแรกของปีนี้ บริษัทรายงานรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 506 ลบ (+43% YoY) และ กำไรสุทธิ 118 ลบ. (+54% YoY) บริษัทมีแผนนำเงินทุนจาก IPO ไปใช้ขยายธุรกิจจำนวน 947 ลบ. และเป็นเงินหมุนเวียนในกิจการอีก 300 ลบ. (SET)
KTC : (ปิด 88.00 บาท ราคาเป้าหมายปี 59 ที่ 125.00 บาท) เสนอการอนุมัติเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยต่ำซึ่งลูกค้าสามารถทำรายการได้ด้วยตนเอง (Do-it-yourself) โดยบริษัทตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าพนักงานบริษัทและกลุ่มคนเริ่มทำงานที่มีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาท รวมถึงลูกค้า Walk-in ที่มาทำบริการที่สาขา โดยบริษัทใช้บริการนี้ในการช่วยทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจได้สะดวกขึ้น ซึ่งบริษัทเชื่อว่าลูกค้าทุกคนล้วนมีความต้องการการใช้เงินสด นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าบริการนี้จะช่วยเพิ่มยอดธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลอีกด้วย (The Nation)
ต่างประเทศ :
คาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดูเหมือนว่านักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งพอสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด จากข้อมูลของ CME Group’s FedWatch เป็นที่คาดการณ์กันโดยทั่วไปว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเทรดเดอร์ มองว่ามีโอกาสมากกว่า 80% ที่ธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยระหว่าง 0.25-0.50% จากปัจจุบันที่ระดับ 0-0.25% (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนี ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างกว้างขวางในวันอังคาร ก่อนการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย. เสริมความเชื่อของตลาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากประชุม หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเป็นตัวขับเคลื่อนตลาด หุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นหลังจากราคาน้ำมันได้ฟื้นตัวจากที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ (Reuters)
เงินเฟ้อในสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย. ซึ่งให้ความเชื่อมั่นแก่เฟดในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในวันพุธนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งยกเว้นสินค้าในหมวดอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก่อน ดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาจนถึงเดือนพ.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานเพิ่มขึ้น 2.0% มากที่สุดนับแต่เดือน พ.ค. 57 หลังจากเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนต.ค. เฟดตั้งเป้าว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 2% (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปดีดกลับในวันอังคาร จากที่ร่วงลงแรงใน 2 วันที่ผ่านมา หลังจากหุ้นพลังงานพุ่งขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และ หุ้นผู้ผลิตเหล็กดีดตัวขึ้น หลังจาก EC จะเก็บภาษีนำเข้าเหล็กจากจีนและรัสเซีย (Reuters)
สหภาพยุโรปมีคำสั่งให้ศุลกากรยุโรปเก็บภาษีนำเข้าเหล็กรีดเย็น ตั้งแต่ 13 ธ.ค. เป็นต้นไป หากพบว่าราคาเหล็กนำเข้าถูกกว่าราคาเหล็กในยุโรปอย่างผิดปกติ (Reuters)
เอเชีย :
ธนาคารกลางในเอเชียพึ่งพามาตรการสนับสนุนสภาพคล่องฉุกเฉิน 2.55 แสนล้านดอลลาร์ จากธนาคารกลางของจีน-ญี่ปุ่น หาก Fed ขึ้นดอกเบี้ย หากเกิดความผันผวนในตลาดเงินเอเชียอันมีผลมาจากการที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งสำคัญในวันนี้ ธนาคารกลางในเอเชียมีมาตรการสนับสนุนสภาพคล่องฉุกเฉิน 1/4 ล้านล้านดอลลาร์ที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ โดย 2.15 แสนล้านดอลลาร์มาจาก PBOC และ 4 หมื่นล้านดอลลาร์มาจาก BOJ มาตรการดังกล่าวจัดตั้งขึ้นตั้งแต่วิกฤตทางการเงินปี 2008 (Reuters)
ธนาคารกลางจีนพร้อมรับมือการโจมตีเงินหยวนในต่างประเทศ โดยพร้อมเข้าแทรกแซงทุกเมื่อและเต็มที่ เพื่อไม่ให้ส่วนต่างค่าเงินหยวนในประเทศและต่างประเทศต่างกันจนไร้เสถียรภาพ (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาทองร่วงจากการประชุม Fed ที่จะถึงนี้ หลังร่วงราว 1.0% ในวันจันทร์ ทองตลาดจรคงตัวในวันอังคารอ่อนลงแค่ 0.1% มาอยู่ที่ 1,061.25 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากการที่ผู้เล่นในตลาดยังคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในวันพุธนี้ (Reuters)
ราคาน้ำมันดิบดีดขึ้นตามสัญญาณเทคนิค น้ำมัน NYMEX ปิดขึ้นเป็นวันที่สองจากการปิดสถานะชอร์ตในวันอังคารร่วมถึงแรงหนุนทางเทคนิค หลังหล่นไปแตะจุดต่ำสุดรอบ 11 ปีในวันจันทร์ ราคาน้ำมันดิบNYMEX เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 37.35 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล Brent บวก 35 เซนต์ ปิดที่ 38.45 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331